ส่องความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญ เหตุใดรัสเซียเปลี่ยนผู้บัญชาการทัพในยูเครน
---การปรับเปลี่ยนในกองทัพรัสเซีย---
นายพลที่อาวุโสที่สุดของรัสเซีย ที่มีชื่อว่า “วาเลรี เกราซิมอฟ” วัย 67 ปี ซึ่งเป็นหัวหน้าเสนาธิการทหารกองทัพรัสเซีย ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการปฏิบัติการทางทหารในยูเครน แทนที่ “เซอร์เกย์ ซูโรวิคิน” ที่เพิ่งมาคุมปฏิบัติการในยูเครนได้เพียงสามเดือนและพุ่งเป้ายุทธศาสตร์โจมตีไปที่โครงสร้างพื้นฐานของยูเครน
นับเป็นการเปลี่ยนแปลงผู้บัญชาการครั้งสำคัญที่สุดตั้งแต่เกิดความขัดแย้ง เพราะเกราซิมอฟ คือ ผู้ที่มีส่วนสำคัญในการวางแผนในปฏิบัติการทางทหารในยูเครนเมื่อปี 2022 แม้แหล่งข่าวในกองทัพรัสเซียเผยต่อ Al Jazeera ว่า ในตอนแรก เกราซิมอฟคือ คนที่คัดค้านปฏิบัติการในยูเครน
สำนักข่าว Al Jazeera รายงานว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังหลายฝ่ายมองว่า ปฏิบัติการของรัสเซียในยูเครนไม่เป็นไปตามเป้า เชื่องช้า และไม่มีการเตรียมพร้อมที่ดี
ขณะที่ด้านกระทรวงกลาโหมของรัสเซีย ระบุว่า การเปลี่ยนตัวผู้นำทัพเป็นนายพลระดับอาวุโสในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงการขยายองค์กรและยกระดับปฏิบัติการ
นายพลเกราซิมอฟ ผู้นี้มีประวัติทำงานให้กับกองทัพรัสเซียอย่างโชกโชน เคยได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเสนาธิการใหญ่และรัฐมนตรีช่วยกลาโหม จากประธานาธิบดี วลาดีเมียร์ ปูติน ในปี 2012 รวมถึงมีบทบาทสำคัญในการผนวกแคว้นไครเมียของรัสเซีย
---การเปลี่ยนผู้นำทัพสะท้อนอะไร?---
นิโคไลย์ มิโตรคิน นักประวัติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเบรเมนในเยอรมนี มองว่า การเขย่าทัพสะท้อนว่ารัสเซียล้มเหลวในการเปิดฉากรุกครั้งใหม่ในเดือนมกราคม พุ่งเป้าไปทางตอนเหนือของยูเครน และที่เมืองหลวงยูเครน
รายงานคาดการณ์ว่า ผู้นำทัพคนเดิม ประสบปัญหาในการจัดการกำลังพลหลายหมื่นนายที่เกณฑ์เข้ามาเพิ่ม และจำนวนมาก ยังไม่ได้รับการฝึกฝน ตลอดจนบรรดาผู้รับเหมาด้านการทหาร ไม่สามารถจัดส่งยุทโธปกรณ์ในการรบได้เพียงพอ
ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า การเปิดแนวรบใหม่ของรัสเซียอาจเลื่อนไปถึงช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ เพราะบรรดารถหุ้มเกราะติดหล่มหิมะอันเฉอะแฉะ
การแต่งตั้งผู้นำทัพใหม่นี้ จะถือเป็นการเข้าสู่ระยะใหม่ของสงครามด้วย ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งการเปิดแนวรุกใหม่ หรือการเตรียมขับกองทัพยูเครนออกจากพื้นที่ที่ยูเครนรุกกลับมาจนได้เปรียบ
ขณะที่ อิกอร์ โคโรเชนโก นักวิเคราะห์เกี่ยวกับปฏิบัติการทางทหาร ให้ความเห็นว่า การตัดสินใจแต่งตั้งนายพลระดับสูงมานำทัพในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งมีชนวนมาจากการที่ยูเครนได้รับอาวุธหนักจากชาติตะวันตก รวมถึงความเป็นไปได้ที่ยูเครนจะได้รับรถถังเพิ่มเติมในระยะเวลาอันใกล้นี้
---การต่อสู้ภายในเครมลิน?---
สำนักข่าว Al Jazeera รายงานว่า แม้สนามรบอยู่ไกลหลายร้อยกิโลเมตรจากเมืองหลวงของรัสเซีย แต่อีกสนามรบกำลังดูเดือดเช่นกันและเกิดขึ้นในเครมลิน นั่นคือ การแย่งชิงเพื่อเข้าถึงประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน เพื่อให้ได้เงินทุนและอำนาจมากขึ้น
กลุ่มนักรบที่กำลังมีบทบาทมากขึ้นในเวลานี้ คือ เยฟเกนี ปริโกซิน ซึ่งเป็นอดีตนักโทษคดีอาญาในช่วงปี 1980 แต่ใช้ประสบการณ์ที่เคยมีในเรือนจำในการระดมนักรบหน้าใหม่เพื่อเข้าสู่สงคราม
ปริโกซิน คือ ผู้ก่อตั้งกลุ่มแวกเนอร์ ซึ่งเป็นทหารเอกชน เคยมีบทบาทสำคัญในการช่วยกลุ่มแบ่งแยกดินแดนของยูเครนรบในปี 2014 รวมถึงร่วมรบในสมรภูมิซีเรีย
ปริโกซินสามารถระดมนักรบได้หลายหมื่นคน พร้อมคำมั่นสัญญาว่าจะมีการนิรโทษกรรม และจะได้รับค่าตอบแทนที่คุ้มค่า กลุ่มแวกเนอร์ของเขายังเป็นหัวหอกในการสู้รบทางตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครนในเวลานี้ด้วย
กลุ่มแวกเนอร์ยังมีพันธมิตรสำคัญคือ รามซาน คาดิรอฟ ผู้นำนักรบเชเชน
ทั้งปริโกซินและคาดิรอฟนั้น ทำให้ผู้นำกองทัพรัสเซียกระอักกระอ่วนใจเช่นกัน ทั้งในเรื่องการให้เงินทุนและบทบาทของพวกเขาในปฏิบัติการทางทหารในยูเครน
บรรดานักวิเคราะห์จึงมองว่า การแต่งตั้งนายพลเกราซิมอฟ คือ การตัดสินใจทางการเมือง ที่เน้นย้ำการให้ความสำคัญกับกระทรวงกลาโหมและกองทัพรัสเซีย และคือสัญญาณเตือนไปยังปริโกซินด้วย
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังมองว่า การเปลี่ยนผู้บัญชาการรบของรัสเซีย ยังสะท้อนว่ารัสเซียกำลังอยู่ในสถานะที่ยากลำบากในการเผด็จศึกยูเครนด้วยนั่นเอง
—————
แปล-เรียบเรียง: ธันย์ชนก จงยศยิ่ง
ภาพ: Reuters
ข้อมูลอ้างอิง: