เปิดตัวแป้งวิเศษพลังงานสะอาดสำหรับสร้างพลังงานไฮโดรเจนแบบพกพา

พลังงานไฮโดรเจนเมื่อเปิดตัวครั้งแรกในช่วงประมาณปี 2010 ก็ถือได้ว่าเป็นพลังงานสะอาดที่ได้รับการจับตามองเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม การจัดเก็บพลังงานไฮโดรเจนที่อยู่ในก๊าซไวไฟเหลวแรงดันสูงส่งผลต่อความเชื่อมั่นในด้านความปลอดภัยต่อชุมชนรอบพื้นที่จัดเก็บ ส่งผลให้พลังงานไฮโดรเจนเติบโตได้ไม่สวยนัก ดังนั้น กลุ่มนักวิจัยและนักธุรกิจจากฮ่องกงจึงได้สร้างผงคล้ายแป้งสำหรับเป็นวัตถุดิบตั้งต้นในการสร้างพลังงานไฮโดรเจนเพื่อสร้างกระแสไฟฟ้า ซึ่งปลอดภัยและสะดวกในการจัดเก็บมากกว่าเดิม

อีพีอาร์โอ แอดวานซ์ เทคโนโลยี (EPRO Advance Technology: EAT) ก่อตั้งในปี 2003 ที่เขตปกครองพิเศษฮ่องกง เพื่อการพัฒนากระบวนการผลิตสารเคมีเพื่อพลังงานสะอาด โดยเริ่มจากการปฏิกิริยาเชิงโครงสร้างของแร่ควอตซ์ (Quartz) ก่อนที่จะพุ่งเป้ามายังการพัฒนากระบวนการทางเคมีของแร่ซิลิคอน (Silicon) จนกระทั่งกลายเป็นแบบผง

แป้งเอสไอพลัส (Si+) มีหลักการทำงานเชิงปฏิกิริยาเคมีที่เรียบง่าย เพียงแค่ผสมกับน้ำในอัตราส่วนที่เหมาะสม ก็จะเกิดปฏิกิริยาแล้วสร้างก๊าซไฮโดรเจนเพื่อนำไปเป็นเชื้อเพลิง (Fuel Cell) สำหรับมอเตอร์ไฟฟ้า แต่สิ่งที่ทำให้แป้งชนิดนี้พิเศษคือสภาพการเก็บรักษา เพราะแป้งเอสไอพลัส (Si+) สามารถเก็บรักษาได้ที่อุณหภูมิ 0 ถึง 80 องศาเซลเซียส ซึ่งต่างจากเชื้อเพลิงไฮโดรเจนแบบดั้งเดิมที่มีเงื่อนไขในการจัดเก็บที่ยุ่งยากกว่า เพราะต้องเก็บรักษาภายใต้ความดัน 350 - 700 บาร์ (Bar) และต้องเก็บรักษาที่อุณหภูมิ -252.8 องศาเซลเซียส ความแตกต่างอย่างมหาศาลในการเก็บรักษาเกิดจากตัวแป้งเอสไอพลัส (Si+) ไม่ได้มีส่วนประกอบของไฮโดรเจนแต่อย่างใด ทำให้การเก็บรักษาตัวแป้งนั้นปลอดภัยกว่ามาก

อัลเบิร์ต เหลา (Albert Lau) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของอีเอที (EAT) กล่าวว่าเอสไอพลัส (Si+) คือ ก้าวที่สำคัญก้าวแรกของการเข้าสู่ดุลยภาพทางต้นทุนในการผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยพลังงานไฮโดรเจนด้วยวัตถุดิบที่เข้าถึงได้และเก็บรักษาได้นาน อีกทั้งยังเป็นการประกาศการเข้าสู่ยุคใหม่ของพลังงานสะอาดแห่งอนาคต

ในขณะนี้ทางอีเอที (EAT) ได้ผลิตตัวสินค้าในรูปแบบซองขนาดเล็กแล้ว แต่ก็กำลังเร่งพัฒนากระบวนการผลิต เพื่อนำมาเสนอขายให้กับอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น ขนส่งสินค้า อากาศยาน หน่วยงานราชการในฮ่องกงและต่างประเทศ โดยทางบริษัทสัญญาว่าแป้งเอสไอพลัส (Si+) จะไม่ถูกเสนอขายในราคาแพง เพราะนอกจากตัวผลิตภัณฑ์จะสามารถผลิตได้เป็นจำนวนมากในอนาคตแล้ว ยังสามารถขนส่งด้วยพาหนะและโครงสร้างระบบขนส่งสินค้าดั้งเดิมที่มีอยู่ในปัจจุบันได้อีกด้วย 

ที่มาข้อมูล Interesting Engineering

ที่มารูปภาพ EAT