รีเซต

เขื่อนเจ้าพระยาวิกฤตระบายทะลุ 3,000 ลบ.ม.วันที่ 2 ท้ายเขื่อนเพิ่ม 50 ซม.

เขื่อนเจ้าพระยาวิกฤตระบายทะลุ 3,000 ลบ.ม.วันที่ 2 ท้ายเขื่อนเพิ่ม 50 ซม.
มติชน
9 ตุลาคม 2565 ( 10:34 )
61
เขื่อนเจ้าพระยาวิกฤตระบายทะลุ 3,000 ลบ.ม.วันที่ 2 ท้ายเขื่อนเพิ่ม 50 ซม.

เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำที่เขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท กุญแจสำคัญในการบริหารจัดการน้ำลงสู่ภาคกลาง พบว่าน้ำที่ไหลลงสู่เขื่อนเจ้าพระยาผ่านจุดวัดน้ำค่ายจิรประวัติ จ.นครสวรรค์ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปริมาณน้ำฝนจากทางตอนบนประเทศ วัดได้อัตรา 3,094ลบ.ม./วิ โดยระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ล่าสุดวัดได้ +17.74 เมตร ระดับน้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่บ้านเรือนประชาชนริมตลิ่งใน3อำเภอเหนือเขื่อนเจ้าพระยาคือ อ.เมืองชัยนาท อ.วัดสิงห์ และ อ.มโนรมย์

 

 

โดย เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ได้ปรับเพิ่ม อัตราการระบายไปที่ 3,058ลบ.ม./วิ เพื่อรักษาสมดุลของน้ำเหนือเขื่อนและท้ายเขื่อน และ เพื่อชะลอน้ำเหนือไว้ในลำน้ำเหนือเขื่อน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพื้นที่ท้ายเขื่อน ซึ่งจากการระบายน้ำในเกณฑ์ดังกล่าวส่งผลให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนยกระดับขึ้น 50ซ.ม.ใน24ชม. เมื่อเวลา10.00น.ที่ผ่านมาวัดได้ +17.17เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง เอ่อล้นสูงกว่าตลิ่ง 83ซ.ม. ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่เขื่อนเจ้าพระยามีการปรับระดับการแจ้งเตือนจากธงเหลือง ในสถานการณ์เฝ้าระวัง ขึ้นเป็นธงแดง ซึ่งเป็นสถานการณ์เข้าขั้นวิกฤต ทำให้ชาวบ้านต้องอพยพขึ้นมานอนริมถนนสายต่างๆกันมากขึ้น โดยเฉพาะถนนคันคลองมหาราชที่ปัจจุบันมีกว่า1,500ครัวเรือนที่ต้องขึ้นมานอนริมถนน ในขณะที่ระดับน้ำยังคงสูงขึ้นเรื่อยๆ หลายๆจุดทะลักข้ามถนนเข้าท่วมพื้นที่เกษตร ทำให้ประชาชนจำนวนมากที่เรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งระบายน้ำออกทุ่งแก้มลิงโดยด่วน เพราะตอนนี้ทั้งชาวบ้านเหนือเขื่อนและท้ายเขื่อนต่างก็ต้องทนลำบากแสนสาหัสกับสถานการณ์น้ำที่ไม่มีทีท่าว่าจะลดลง

 

ทั้งนี้เขื่อนเจ้าพระยามีแผนคงการระบายน้ำไว้ในเกณฑ์ 3,000ลบ.ม. ไปจนถึงวันที่13ตุลาคม เพื่อพร่องน้ำในพื้นที่เหนือเขื่อนที่กำลังเต็มความจุลำน้ำ และลดผลกระทบต่อพื้นที่ริมตลิ่งเหนือเขื่อน แต่จะกระทบกับพื้นที่ท้ายเขื่อน ซึ่งจะมีระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นได้อีก จึงควรเตรียมรับมือ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง