“วัดไชยศรี” หรือ “วัดใต้” ตั้งอยู่หมู่ที่ 8 บ้านสาวะถี ต. สาวะถี อ.เมือง จ.ขอนแก่น ห่างจากตัวจังหวัดขอนแก่นประมาณ 21 กิโลเมตร เป็นวัดเก่าแก่อายุกว่าร้อยปี ภายในวัดมีอุโบสถหรือสิมโบราณ อายุยาวนานเช่นเดียวกับวัด ซึ่งมีการเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังเล่าเรื่องราววรรณกรรมสินไซไว้ที่ผนังของอุโบสถทุกด้าน เป็นศิลปะที่มีความสวยงาม และถ่ายทอดภูมิปัญญาของท้องถิ่นได้อย่างน่าสนใจสิมที่วัดไชยศรีนั้นมีลักษณะเป็นสิมทึบแบบพื้นบ้านอีสาน โดยก่อสร้างก่อน พ.ศ. 2460 หันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีประตูและบันไดทางขึ้นด้านหน้าเพียงด้านเดียว ด้านในไม่อนุญาตให้สุภาพสตรีเข้าตามธรรมเนียมโบราณ โดยผนังด้านข้างมีหน้าต่าง 3 ช่อง เป็นหน้าต่างจริง 1 ช่อง และหน้าต่างหลอก คือเป็นหน้าต่างที่ไม่มีช่อง 3 ช่อง ผนังด้านหลังปิดทึบ เดิมเป็นหลังคาทรงจั่ว ต่อมาชาวบ้านได้ทำการบูรณะซ่อมแซมเนื่องจากเกิดชำรุดมากทั้งส่วนผนังและหลังคา จึงได้เปลี่ยนหลังคาเป็นแบบทรงภาคกลาง และได้เสริมผนังบางส่วนให้สูงขึ้น เพื่อรับกับรูปทรงใหม่ของการก่อสร้าง มีการต่อหลังคาออกมา และมีเสาไม้รองรับ โดยรอบสิมนั้นจะมีกำแพงที่ก่อด้วยอิฐล้อมรอบภาพจิตกรรมฝาผนังหรือที่เรียกว่าฮูปแต้มนั้น เป็นฝีมือของช่างเขียนภาพพื้นบ้านชื่อ นายทอง ทิพย์ชา เป็นคนชาว อ. บรบือ จ. มหาสารคาม โดยเขียนตามที่หลวงปู่อ่อนสา เจ้าอาวาสรูปแรกของวัดท่านกำหนดให้เขียน ใช้สีฝุ่น ได้แก่ สีคราม สีเหลือง สีขาว สีเขียว สีน้ำตาล และสีดำ ในการเขียน ผนังด้านในเขียนภาพเกี่ยวกับเรื่องราวพระพุทธเจ้า พระเวสสันดรชาดก สินไซ ภาพเทพ ภาพบุคคลและสัตว์ต่าง ๆ ผนังด้านนอกเขียนภาพเรื่องพระเวสสันดรชาดก สินไซ และภาพทหารยืนเฝ้าประตู โดยส่วนมากจะเป็นเรื่องสินไซ วรรณกรรมพื้นบ้านของอีสาน ซึ่งจะมีเนื้อเรื่องคล้ายกันกับเรื่องสังข์ศิลป์ชัยความโดดเด่นของฮูปแต้มสิมวัดไชยศรีนี้คือ ช่างเขียนภาพได้เขียนภาพและเรื่องราวของภาพไว้ทุกด้านของผนังอุโบสถ ทั้งด้านในและด้านนอก ส่วนมากลักษณะตัวภาพมีขนาดใหญ่ มีแนวการแบ่งภาพตามช่องสี่เหลี่ยมของผนัง ภาพบุคคลมีทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก ไม่ได้สัดส่วน ศีรษะใหญ่ ลำตัวสั้น มีลักษณะท่าทางเป็นธรรมชาติ ภาพสัตว์เขียนตัวค่อนข้างใหญ่ การเขียนภาพต้นไม้ ลงสีแล้วใช้ลายเส้นเขียนรายละเอียด ซึ่งทำให้ดูเป็นธรรมชาติและมีความเคลื่อนไหว มีอักษรไทยน้อยเขียนอธิบายภาพไว้ด้วย(ภาพประกอบทั้งหมดโดย : ผู้เขียน)สิม ถือเป็นสถาปัตยกรรมเก่าแก่ของอีสาน ซึ่งในปัจจุบันหาได้ยากมากแล้ว พบเห็นแต่อุโบสถที่มีรูปแบบใหม่ตามสมัย สิมจึงเป็นสิ่งที่น่ารักษาไว้ให้คนรุ่นหลังได้รู้จักและศึกษา และสิมที่วัดไชยศรีนี้ เป็นสิมที่มีการเขียนหรือวาดภาพเรื่องราวเกี่ยวกับวรรณกรรมพื้นบ้านเรื่องต่าง ๆ เอาไว้ด้วย โดยเฉพาะเรื่องสินไซ ซึ่งเป็นวรรณกรรมที่คนรุ่นใหม่ไม่ค่อยรู้จักกัน เป็นสิ่งที่น่าศึกษา เพื่อให้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับท้องถิ่นของตนเอง อีกทั้งสามารถนำมาบูรณาการกับการจัดการเรียนการสอนภายในชุมชนได้ โดยให้คนรุ่นใหม่ได้ศึกษาศิลปะและสถาปัตยกรรมพื้นบ้านของคนอีสานสมัยก่อน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาหลาย ๆ ด้าน ทั้งด้านการก่อสร้าง หรือความเชื่อเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา เป็นต้น