SSP โบรกฯ ชี้ laggard กลุ่ม Q4/66 จับตาโครงการใหม่ตปท.

บล.ดาโอ ส่องหุ้น SSP คงคำแนะนำ “ซื้อ” และราคาเป้าหมายที่ 14.00 บาท อิงวิธี DCF (average WACC 5.0%, terminal growth 0%) ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเป็นกลางจากงาน SET Opportunity Day เมื่อ 7 ก.ย. 2566 หลังธุรกิจเดินหน้าตามแผน ในขณะที่ยังรอความชัดเจนมากขึ้น จากโครงการใหม่ที่อยู่ระหว่างการศึกษาคาดว่าจะมีการอัพเดทความคืบหน้าอีกครั้งภายในช่วง Q4/66 

โดยสรุประเด็น คือ 1) โครงการพลังงานทดแทนเดินหน้าตามแผน โดยโครงการ LEO 17MWe เริ่มก่อสร้างแล้ว SCOD Q3/68 และคาดมี solar rooftop เพิ่มในปีนี้อีกราว 13MWe 2) ยังคงเป้ากำลังการผลิตโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนที่ 500MWe ในปี 2568 (ปัจจุบัน 236MWe) โครงการในต่างประเทศคาดอัพเดทเพิ่มเติมได้ภายใน Q4/66 

3) ธุรกิจ Flexible packaging ตั้งเป้ารายได้ 500 ล้านบาท ภายใน 3 ปี (รายได้ราว 30 ล้านบาท ในปี 2565) จากภาวะอุตสาหกรรมเติบโต โดยยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2566E ที่ 1.1 พันล้านบาท (+10% YoY) key driver ในช่วงที่เหลือคือการทยอย COD ในปี 2566E อีกราว 13MW และการเข้า high season ของโรงไฟฟ้าพลังงานลม

ราคาหุ้น underperform SET ราว -14% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา คาดมาจากความกังวลในการลงทุนโรงไฟฟ้าในเวียดนามลดความดึงดูดลงหลังมีข่าวค่าไฟฟ้ามีโอกาสถูกปรับลดลงมาก ซึ่งทาง SSP มีโครงการใหญ่ที่เตรียมลงทุนอยู่ อย่างไรก็ตามปัจจุบันบริษัทมีการลงทุนเพิ่มเติมในหลายประเทศ ล่าสุดศึกษาโครงการในไต้หวัน (รอรายละเอียดเพิ่มเติม โดยเป็นโครงการที่ sizable จากการให้ข้อมูลผู้บริหาร) รวมถึงการประมูลโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในไทยเฟส 2 อีกราว 3.6GW 

ทั้งนี้ คาดเห็นความชัดเจนในปี 2566 เป็น key catalyst ให้หุ้นกลับมา outperform ได้นอกจากนี้ราคาหุ้นปัจจุบันเทรด PER เพียง 11x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่เทรดราว 20x ยัง laggard กลุ่มอยู่มาก