ในฐานะของนักลงทุนในหุ้นสายเทคนิคที่ต้องการซื้อมาขายไป หรือเรียกอีกอย่างว่าซื้อถูกขายแพง โดยที่ระยะยาวแล้วทำกำไรได้มากกว่าขาดทุน ทำให้ผลตอบแทนโดยรวมยังเป็นบวกอยู่ แน่นอนว่าสำหรับมือใหม่ยังคงสับสนและไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร หนังสือเล่มนี้จะช่วยปูทางให้เห็นภาพรวมไปจนถึงรายละเอียดเบื้องต้นได้ครับ ซึ่งมันประยุกต์ใช้ได้ทั้งกับการเทรดหุ้นและเทรดอนุพันธ์ สามารถเรียนรู้ในเนื้อหาที่ซับซ้อนขึ้นต่อไปในอนาคตได้เช่นกันหนังสือเล่มนี้เขียนโดย นิมิต วิทย์ศลาพงษ์ เจ้าของเพจ DaddyTrader อีกทั้งยังเป็นวิทยากรให้ความรู้ในด้านการลงทุนด้วยแนวทางการวิเคราะห์มีอยู่ด้วยกัน 2 ทาง คือChartist อาจไม่มีกำหนดสินค้า ระยะเวลา เงื่อนไขการลงมือเทรดไว้ล่วงหน้า มีการใช้คนเป็นผู้วิเคราะห์และกำหนดสัญญาณเทรด ก่อนเทรดจะวิเคราะห์จากกราฟก่อนตัดสินใจSystem Trader ต้องมีการกำหนดดชนิดสินค้า ระยะเวลาที่จะเทรด และเงื่อนไขในการลงมือเทรดที่แน่นอนตั้งแต่ต้น หลังกำหนดเงื่อนไขที่เป็นสัญญาณเทรดแล้ว ก็ใช้คอมพิวเตอร์ติดตามและคำนวณสัญญาณเทรด เรารอสัญญาณเทรดแล้วค่อยลงมือ หรือให้คอมส่งคำสั่งเทรดแบบอัตโนมัติก็ได้เช่นกันทั้งนี้ก็ขอให้มีวินัยในการเทรดด้วย จะมีอยู่ 2 กรณีที่เรามักจะพบเจอบ่อย นั่นคือ1.ราคาแนวโน้มขาลงก็ไม่ควรลงมือในฝั่งซื้อ เพราะมีโอกาสขาดทุนมากกว่า แต่หลายคนก็ซื้อ เพราะรู้สึกว่าราคามันลงไปมากแล้ว2.เรากำหนดจุดตัดขาดทุนตามข้อแนะนำ แต่พอถึงจังหวะตัดขาดทุนจริงกลับไม่ลงมือ สวดภาวนาหวังว่าตลาดมันจะดีขึ้น เพราะกลัวขาดทุน สไตล์การเทรด1.แบบ Trend Followingซื้อ เมื่อมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น ขาย เมื่อแนวโน้มเป็นขาลง โดยคาดหวังว่าแนวโน้มยังคงเป็นแบบนั้นต่อเนื่อง มีระยะเวลาเข้าออกค่อนข้างนาน2.แบบ Mean Reversion ซื้อ เมื่อราคาต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงที่ผ่านมา ขาย เมื่อราคาสูงกว่าช่วงที่ผ่านมา มีแนวคิดว่าราคาที่วิ่งออกจากค่าเฉลี่ยจะวกกลับเข้าหาค่าเฉลี่ยเสมอ การเทรดจะเข้าและออกไม่นานเท่าไหร่3.แบบ Swing Trade ซื้อขายเพื่อเข้าออกเป็นรอบๆตามการแกว่งตัวของกราฟราคา (Swing)4.แบบ Scaping เป็นการเข้าไปสร้างสถานะและออกจากสถานะอย่างรวดเร็ว เน้นทำกำไรระยะสั้นๆ แม้กำไรไม่มาก แต่อาศัยจำนวนครั้งเข้าออกบ่อยๆเพื่อสะสมกำไร5.แบบ Day Trade มีแนวคิดว่าการถือสถานะข้ามวันมีความเสี่ยงสูงจึงเข้าออกภายในวันเดียวกัน แนวคิดที่ได้ภายในเล่มจากมุมมองของผู้เขียนTime Frame (TF) คือ ช่วงเวลาที่เราใช้ในการวาดกราฟ 1 ตำแหน่ง ให้เลือก Time Frame สอดคล้องกับระยะเวลาในการเทรดของเรา เช่น ถ้าถือหุ้น 2-3 เดือนขึ้นไป เลือก TF 1 วัน กราฟจะแสดงทิศทางแนวโน้มระยะกลางออกมาได้เวลาอ่านกราฟ ให้มองโครงสร้างและส่วนประกอบของกราฟว่าปัจจุบันกราฟราคาอยู่ ณ ตำแหน่งใดของโครงสร้าง โดยรูปแบบการเคลื่อนที่มีอยู่ 3 อย่าง1.กราฟราคาเคลื่อนที่ไม่เป็นเส้นตรง แต่เคลื่อนที่สลับไปมาระหว่างจุดสูงสุดและจุดต่ำสุด2.กราฟราคาเคลื่อนที่ตามทิศทางของแนวโน้มปัจจุบัน จนกว่าแนวโน้มจะจบลง จึงค่อยเปลี่ยนทิศทางของแนวโน้มเป็นทิศทางใหม่3.กราฟราคาเคลื่อนที่ตามทิศทางของแนวโน้มปัจจุบัน ระหว่างทางจะมีการปรับฐานเป็นระยะๆขอให้สรุปสถานการณ์ตลาดจากสิ่งที่เกิดขึ้นจากกราฟ ไม่ใช่อ่านกราฟทำนายอนาคตวิธีการหาแนวรับ แนวต้าน1.จุดที่เคยเป็นจุดสูงสุด ต่ำสุดในอดีต2.เส้นแนวโน้มหรือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่3.ระดับราคาที่กราฟมีการซ้อนทับกันมากในอดีต4.เส้นที่ลากขึ้นมาได้เป็นกรอบการเคลื่อนที่ของกราฟราคาในปัจจุบัน5.ตัวเลขกลมๆที่ลงท้ายด้วย 06.Fibonacci Ratio Trade Trigger คือ เงื่อนไขหรือรูปแบบกราฟเพื่อใช้หาจังหวะในการลงมือเทรด ไม่มีกฎตายตัวแน่นอน เช่น ถ้ากำหนดว่าถ้ากราฟสร้างจุดต่ำสุดระยะสั้น เราจึงจะลงมือส่งคำสั่งซื้อTrade Filters คือ ตัวกรองสัญญาณหลอก เงื่อนไขที่ใช้คือ1.ราคาปิดราคาปิดของ TF 1 วันหรือ 1 สัปดาห์ ถ้าราคาปิดเลย Trade Trigger ไปได้ค่อยลงมือเทรด2.ราคาที่เปลี่ยนแปลงเพิ่มจาก Trade Trigger3.ระยะเวลาสมมติว่าใช้ Time Filter 2 แท่งเทียน โดยกราฟที่ใช้มี TF 1 วัน เมื่อ Trade Trigger เกิดขึ้นต้องรออีก 2 วัน ถ้ายังผ่าน Trade Trigger ได้อยู่ก็ค่อยลงมือเทรด4.Indicators เช่น MACD ถ้าแนวโน้มระยะกลางของกราฟเป็นขาขึ้น MACD มีค่าเป็น + ถ้าแนวโน้มไม่สนับสนุนฝั่งซื้อ MACD มีค่าเป็น –สิ่งที่ต้องยอมรับจากการใช้ตัวกรองสัญญาณหลอก คือราคาซื้อมักแพงกว่าหรือราคาขายมักถูกกว่าราคาที่เราลงมือทันทีขณะที่เกิด Trade Trigger พูดง่ายๆคือได้ราคาที่แย่ลง การใช้งาน Indicators 2 วิธี1.ใช้เป็นตัวกรองสัญญาณหลอกนั่นคือ เราวิเคราะห์กราฟจนได้จังหวะซื้อขาย จากนั้นจึงตรวจสอบ Indicators (Filters) ว่าสนับสนุนการเทรดหรือไม่2.ใช้เป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้านั่นคือ Indicators ส่งสัญญาณเตือนล่วงหน้า จากนั้นวิเคราะห์กราฟหาจังหวะลงมือเทรด ทั้งนี้เราไม่ควรใช้สัญญาณจาก Indicators เพียงอย่างเดียว เพราะพฤติกรรมซื้อขายในตลาดถูกสะท้อนโดยตรงมาที่ราคา ปริมาณการซื้อขาย และสถานะคงค้าง ราคาและปริมาณการซื้อขายเป็นตัวกำหนด Indicators ไม่สามารถนำ Indicators มากำหนดราคาในอนาคตได้ Indicators ประเภทต่างๆ1.ข้อมูลเกี่ยวกับทิศทางแนวโน้มของกราฟราคา เช่น Moving Average, MACD2.ข้อมูลเกี่ยวกับความแข็งแกร่งหรือความน่าเชื่อถือของแนวโน้ม เช่น ADX, On Balance Volume3.แรงส่งของราคา (Momentum) เช่น MACD (ใช้ได้ทั้งทิศทางแนวโน้มและ Momentum), RSI. Stochastic4.ความผันผวนของราคา เช่น Standard Deviation, ATR ถ้าแนวโน้มของกราฟราคาอยู่ในทิศทางแนวโน้มขาขึ้น EMA 10 จะอยู่เหนือ EMA 50ตรงกันข้าม ถ้าแนวโน้มของกราฟราคาอยู่ในทิศทางแนวโน้มขาลง EMA 10 จะอยู่ใต้ EMA 50 Trade Setup หมายถึง แผนการเทรดที่ประกอบด้วยรูปแบบที่เราตัดสินใจเทรดและความเสี่ยงในการเทรดScreener คือฟังก์ชันตัวช่วยทุ่นแรงในการกรองหาหุ้นที่เราสนใจ โดยที่ไม่ต้องสุ่มหาหุ้นด้วยตัวเองทีละตัวๆ ซึ่งมันใช้เวลามากTrailing Stop เป็นเทคนิคกำหนดราคาปกป้องกำไร โดยถ้ากราฟมาถึงระดับนี้ เราก็ตัดสินใจออกเพื่อไม่ให้กำไรต่ำกว่านี้ ถ้ากราฟไปในทิศทางที่กำไรเพิ่มขึ้น ก็จะขยับราคาปกป้องกำไรตามกราฟด้วย ถ้ากราฟปรับตัวในทิศทางที่ทำให้กำไรลดลงชั่วคราว แต่ยังไม่ถึงจุดทำกำไร ก็จะไม่มีการปรับราคาตาม โดยเครื่องมือที่ใช้ในเทคนิค Trailing Stop เช่น ส่วนต่างราคา (Spread) แนวรับ/แนวต้าน (SARs) จุดสูงสุด/ต่ำสุด (H/L) Money Management Money Management คือการจัดการกับเงินที่จะนำไปลงทุน ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเทรดไปครั้งหนึ่งถ้าได้กำไรก็ได้ 20000 บาท แต่ถ้าขาดทุนจะขาดทุนถึง 50000 บาท แบบนี้ก็เท่ากับว่าไม่คุ้มความเสี่ยง นอกจากนี้การตัดสินใจว่าจะลงมือซื้อขายหรือไม่นั้น เราจะใช้แนวรับ แนวต้านในการหาราคาเป้าหมายและจุดตัดขาดทุน ราคาเป้าหมาย เกิดขึ้นเมื่อแนวต้านอยู่ใกล้ราคาลงมือเทรด ส่วนจุดตัดขาดทุนจะเกิดขึ้นเมื่อแนวรับอยู่ใกล้ราคาลงมือเทรด จังหวะเทรดที่คุ้มค่าคือ Reward to risk ratio มีค่ามากกว่า 2 ขึ้นไป สำหรับการเทรดแนว Trend Following ควรกำหนดความเสี่ยงเสียเงินแต่ละครั้งสูงสุดไม่เกิน 2% ของเงินที่ใช้ลงทุน กำหนดจำนวนเงินสูงสุดเทรดไม่เกิน 15% ของเงินที่ใช้ลงทุน และนี่ก็คือแนวคิดการลงทุนหุ้นสายเทคนิคที่ยังเป็นมือใหม่ควรรู้ก่อนลงมือเทรด ดูกราฟเป็น หาจังหวะซื้อ จังหวะขายเป็น ผลสุดท้ายคือผลกำไรที่ได้สูงกว่าเงินที่ขาดทุนไป นอกจากนี้ยังต้องวางแผนวงเงินที่เราเผื่อจะขาดทุนด้วยวงเงินที่เรายอมรับได้ จะว่าไปแล้วกลยุทธ์การวางแผนจัดการเรื่องวงเงินอาจสำคัญกว่ากลยุทธ์ในการเทรดเข้าเทรดออกก็เป็นได้ เพราะจะทำให้เราสบายใจกับการลงทุนได้มากกว่า โดยที่ไม่ถึงกับเป็นการทุ่มหมดหน้าตัก ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นมันก็ไม่ต่างอะไรกับการพนันเลยครับภายในเล่มอาจมีการใช้วลีประโยคที่เป็นคำซ้ำบ่อย อาจทำให้ผู้อ่านต้องแปลไทยเป็นไทยอีกรอบ (สรุปเป็นภาษาของตัวเองอีกครั้ง) เพื่อจะได้เข้าใจถึงเหตุผลและจดจำง่ายขึ้น ทั้งนี้เชื่อว่าผู้แต่งหนังสือต้องการให้เนื้อหานั้นตีความได้ถูกต้อง ไม่ตีความเป็นอื่นนั่นเองหากใครที่รู้สึกว่าลงทุนสายเทคนิคแล้วทำกำไรได้ไม่มากเท่าไหร่ จะลองกลับไปเป็นสาย VI ลงทุนหุ้นแบบเน้นคุณค่าของกิจการที่แข็งแกร่ง รอรับเงินปันผล ขายเมื่อพื้นฐานของกิจการเปลี่ยนแบบนี้ก็ทำได้เหมือนกัน ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใดขึ้นอยู่กับความถนัดและสไตล์การลงทุนส่วนบุคคลครับเครดิตภาพภาพปก โดย Markus Winkler จาก Unsplash.comภาพที่ 1 และ 2 โดยผู้เขียนภาพที่ 3 โดย Behnam Norouzi จาก Unsplash.comภาพที่ 4 โดย Luke Chesser จาก Unsplash.comภาพที่ 5 โดยผู้เขียน บทความอื่นๆที่น่าสนใจรีวิวหนังสือ 5 STEPS เทรดหุ้นจากเริ่มต้นจนเทรดเป็นรีวิวหนังสือ คู่มือเทรด FUTURES ในตลาด TFEXรีวิวหนังสือ เทรดหุ้นด้วยกราฟรีวิวหนังสือ นั่งตกปลากับบัฟเฟตต์ (Gone Fishing with Buffett)รีวิวหนังสือ เพาะหุ้นเป็นเห็นผลยั่งยืนเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !