รีเซต

ไทยจับมือ Tomorrow.io ยกระดับ “พยากรณ์อากาศ” เตือนภัยเร็ว แม่นยำขึ้น!

ไทยจับมือ Tomorrow.io ยกระดับ “พยากรณ์อากาศ” เตือนภัยเร็ว แม่นยำขึ้น!
TNN ช่อง16
3 ธันวาคม 2568 ( 10:30 )

นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีถึงความร่วมมือด้านการจัดการภัยพิบัติทางอุทกภัยระหว่างประเทศไทยและบริษัท Tomorrow.io ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกด้านการพยากรณ์อากาศ โดยระบุว่า สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปในปัจจุบันทำให้เกิดภัยพิบัติรุนแรงบ่อยครั้งขึ้นทั่วโลก ขณะที่ประเทศไทยเพิ่งเผชิญ “มหาอุทกภัย” รัฐบาลจึงให้ทุกหน่วยงานเร่งศึกษาแนวทางยกระดับประสิทธิภาพการรับมือภัยพิบัติอย่างเร่งด่วน ตามนโยบายของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย


กระทรวงดิจิทัลฯ ได้ศึกษาความร่วมมือกับ Tomorrow.io ซึ่งถือเป็นบริษัทอันดับหนึ่งของโลกด้านเทคโนโลยีพยากรณ์อากาศ ใช้อุปกรณ์มาตรฐานระดับเดียวกับ NASA กองทัพอากาศสหรัฐฯ และมูลนิธิ Bill & Melinda Gates Foundation ให้บริการทั้งข้อมูลเชิงลึกและแพลตฟอร์มวิเคราะห์ด้วยระบบ AI เพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพการคาดการณ์ของไทย

สำหรับเทคโนโลยีหลักของ Tomorrow.io ใช้ดาวเทียมส่งคลื่นไมโครเวฟสแกนชั้นบรรยากาศเพื่อวิเคราะห์ความชื้นของเมฆทุกระดับ ทำให้สามารถประเมินความเสี่ยงของการเกิดปรากฏการณ์ “Rain Bomb” ได้แม่นยำยิ่งขึ้น ปัจจุบันบริษัทมีดาวเทียมทั้งหมด 11 ดวง และเตรียมส่งขึ้นสู่วงโคจรเพิ่มในอนาคต ส่งผลให้คุณภาพและความละเอียดของข้อมูลมีแนวโน้มพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ช่วยให้การแจ้งเตือนต่อประชาชนทำได้รวดเร็วขึ้น และหน่วยงานรัฐสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที


ด้านแพลตฟอร์มการแสดงผลข้อมูลของ Tomorrow.io ยังสามารถปรับรูปแบบตามความต้องการของผู้ใช้งาน พร้อมอัปเดตข้อมูลทุก 15 นาที เพื่อเสริมศักยภาพระบบพยากรณ์อากาศของไทยให้ละเอียดขึ้นอีกหลายเท่า นอกจากนี้ ยังสามารถประมวลผลออกมาเป็นข้อความที่อ่านเข้าใจง่าย กระจายสู่ประชาชนได้ทันที ทั้งในระดับประเทศ ระดับภูมิภาค หรือจำแนกลงไปถึงระดับชุมชน ช่วยให้ประชาชนตัดสินใจทำกิจวัตรประจำวันได้แม่นยำขึ้นตามสภาพอากาศจริง

ทั้งนี้ ครม. มีมติอนุมัติให้ทดลองใช้ระบบของ Tomorrow.io เป็นเวลา 3 เดือน โดยในช่วงทดสอบดังกล่าว กระทรวงดิจิทัลฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเร่งนำข้อมูลที่มีความละเอียดสูงขึ้นมาประยุกต์ใช้ เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจจัดการสาธารณภัยอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมตั้งเป้าว่าหลังจากนี้ภายใน 6 เดือน ประเทศไทยจะสามารถประเมินผลสภาพอากาศได้ครอบคลุมทั่วประเทศ ยกระดับระบบข้อมูลด้านสภาพอากาศของชาติให้แม่นยำและพร้อมรับมือภัยพิบัติมากยิ่งขึ้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง