รีเซต

STGT ปักฐานเวียดนาม ชูฟิลิปปินส์ดันยอดขาย

STGT ปักฐานเวียดนาม ชูฟิลิปปินส์ดันยอดขาย
ทันหุ้น
30 พฤศจิกายน 2564 ( 00:00 )
107

 

ทันหุ้น – STGT เดินเกมขยายฐานลูกค้าเวียดนาม รุกตั้งบริษัทย่อยจำหน่ายถุงมือยาง เล็งตั้งบริษัทย่อยบุกฟิลิปปินส์ เพื่อขยายธุรกิจในแถบอาเซียน หวังสร้างยอดขายเพิ่มขึ้น ด้านโบรกมองแนวโน้มไตรมาส 1/2565 ปริมาณขายถุงมือยางเพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาขายทรงตัวประเมินหุ้นปรับฐาน Valuation น่าสนใจ

 

นางสาวจริญญา  จิโรจน์กุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT ผู้ผลิตและจำหน่ายถุงมือยางธรรมชาติและถุงมือยางไนโตรล์รายใหญ่ของโลก เปิดเผยว่า บริษัทได้จัดตั้งบริษัทย่อย บริษัท SRI TRANG GLOVES VEITNAM COMPANY LIMITED (STGV) ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยบริษัทถือหุ้น 100% เพื่อรองรับแผนงานขยายตลาดต่างประเทศ ซึ่งบริษัทดังกล่าวจะดูแลด้านการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ถุงมือยางในประเทศเวียดนาม

 

ทั้งนี้มองว่าประเทศเวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศภูมิภาคอาเซียนที่มีศักยภาพ และมีแนวโน้มที่ความต้องการใช้ถุงมือยางจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในระยะยาว เนื่องจากเป็นตลาดเกิดใหม่ อัตราการบริโภคถุงมือยางยังอยู่ในระดับต่ำ อีกทั้งมีปัจจัยบวกจากการเติบโตทางเศรษฐกิจและความเจริญก้าวหน้าของระบบสาธารณสุขในประเทศ และยังมีจำนวนประชากรมากถึงกว่า 90 ล้านคน

 

ทั้งนี้การจัดตั้งบริษัทย่อยในเวียดนาม เพื่อรองรับการจัดจำหน่ายสินค้าดังกล่าว เป็นไปตามแผนงานที่ต้องการขยายตลาดในประเทศแถบภูมิภาค โดยช่วงก่อนหน้านี้ได้จัดตั้งบริษัทย่อยในสิงคโปร์ รองรับการบริหารงานวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมถึงการจัดจำหน่ายถุงมือยาง และจัดตั้งบริษัทย่อยในอินโดนีเซียเพื่อรองรับการจัดจำหน่ายถุงมือยางไปแล้ว และหลังจากนี้ได้วางแผนจัดตั้งบริษัทย่อยในประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตลาดที่มีศักยภาพเติบโตสูง ซึ่งการจัดตั้งบริษัทย่อยดังกล่าว เพื่อเข้าไปดูแลด้านการจัดจำหน่ายและทำการตลาดเอง ซึ่งจะช่วยเพิ่มความคล่องตัวและสร้างยอดขายเพิ่มขึ้น

 

*คาด Q1/65 กำไรฟื้น

บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด  (มหาชน) แนะนำซื้อ STGT ให้ราคาเป้าหมายที่ 40 บาทต่อหุ้น มองว่าหุ้น STGT เป็นหุ้นไม่กี่ตัวที่อยู่รอดในช่วงที่ตลาดผันผวนจากประเด็นโควิด-19 โดยพิจารณาจากสถิติในอดีต และการที่ตลาดหุ้นช่วงนี้มีความกังวลต่อโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ โอไมครอน และหากการรับมือสายพันธุ์ใหม่ใช้เวลานาน อาจกดดันเงินทุนต่างชาติในช่วงที่เหลือปีนี้

 

ขณะที่ คาดว่าหุ้น STGT จะมีกำไรสุทธิไตรมาส 4/2564 ปรับลดลงต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2564 และเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน จากแนวโน้มราคาถุงมือยางปรับลดลง แต่ในเบื้องต้น คาดทิศทางกำไรสุทธิในงวดไตรมาส 1/2565 จะฟื้นตัวจากงวดไตรมาส 4/2564 จากแนวโน้มปริมาณขายถุงมือยางเพิ่มขึ้น และราคาขายถุงมือยางทรงตัวจากงวดไตรมาส 4/2564 ขณะที่ราคาหุ้นผ่านการปรับฐานมาสักระยะจนมี Valuation ที่น่าสนใจ

 

*การแข่งขันเบาบาง

บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ทิศทางราคาถุงมือยางเฉลี่ยในไตรมาส 4/2564 จะลดลง 25% QoQ ทำให้คาดว่ากำไรยังคงเป็นขาลงอีกไตรมาส แม้ว่าบริษัทเริ่มเห็นสัญญาณในลักษณะราคาขายเฉลี่ยอาจเจอจุดต่ำสุดในเดือนธันวาคมนี้ เนื่องจากตลาดถุงมือยางธรรมชาติที่ STGT เป็นเจ้าตลาดนั้นอุตสาหกรรมมีการขยายกำลังการผลิตเล็กน้อย ขณะที่ต้นทุนน้ำยางขึ้น ดังนั้นการแข่งขันด้านราคาน่าจะเบาบางลงได้ ทำให้ผู้ประกอบการจีนบางรายเริ่มขาดทุนแล้ว ซึ่งผู้บริหาร STGT เชื่อว่าอุตสาหกรรมอาจใกล้เข้าสู่สมดุลแล้ว

โดยคาดการณ์ว่ากำไรปกติของ STGT ในไตรมาส 4/2564 จะอยู่ที่ 3.8 พันล้านบาท ลดลง 19.7% จากไตรมาส 3/2564 ทำให้กำไรปกติทั้งปี 2564 มีแนวโน้มสูงกว่าประมาณการของฝ่ายวิจัย 5% ยังคงคำแนะนำถือ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง