เฟซบุ๊กปิดบัญชี กองทัพเมียนมา-ไอโอทหารเพียบ ยั่วยุ-วิจารณ์ 'อองซานซูจี'
เฟซบุ๊กปิด บัญชีทางการของกองทัพเมียนมา รวมถึงปิดบัญชีปลอม และ บัญชีไอโอ ของกองทัพ ที่สนับสนุนกองทัพและวิจารณ์นางอองซานซูจี
Reuters
เมื่อวันที่ 21 ก.พ.64 สำนักข่าว รอยเตอร์ รายงานว่า ในวันอาทิตย์ (21ก.พ.64) เฟซบุ๊กได้ทำการลบเพจบัญชีทางการของกองทัพเมียนมา ด้วยเงื่อนไขการละเมิดมาตรฐานชุมชน ในข้อการห้ามไม่ให้มีการปลุกปั่นให้เกิดความรุนแรง หลังจากผู้ประท้วงสองคนถูกสังหารโดยตำรวจ
"ตามนโยบายสากล ทีมงานเฟซบุ๊กได้ลบเพจ Tatmadaw True News ออกจาก เฟซบุ๊ก เนื่องจากมีการละเมิดมาตรฐานชุมชนของเฟซบุ๊กซ้ำ ๆ ซึ่งเข้ากับการละเมิดเงื่อนไข ห้ามยั่วยุให้เกิดความรุนแรงและให้ความร่วมมือในการทำร้าย" โฆษกของเฟซบุ๊ก กล่าวในแถลงการณ์
Reuters
กองทัพทหารเมียนมา หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อ 'ทัทมาดาว (Tatmadaw)' เป็นผู้ควบคุมเพจเฟซบุ๊กดังกล่าว โดยวันอาทิตย์ (21 ก.พ.64) เพจ Tatmadaw True News ไม่สามารถเข้าถึงได้ อย่างไรก็ตาม โฆษกกองทัพทหารเมียนมา ยังไม่ออกมาแสดงความเห็น จากการติดต่อสอบถามทางโทรศัพท์จากรอยเตอร์
เมื่อวันเสาร์ (20ก.พ.64) มีผู้เสียชีวิต 2 คนในเมืองมัณฑะเลย์ (มัณฑะเลย์ เป็นอดีตเมืองหลวง และเมืองใหญ่อันดับที่สองของเมียนมา) โดยตำรวจและทหารได้ใช้อาวุธกราดยิงใส่ผู้ประท้วงที่แสดงออกว่าต่อต้านการรัฐประหารโดยกองทัพ ที่ทำการโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของนางอองซานซูจี โดยเจ้าหน้าที่หน่วยฉุกเฉินระบุว่า วันเสาร์ (20ก.พ.64) ถือเป็นวันที่นองเลือดที่สุด นับตั้งแต่มีการเดินขบวนประท้วงหลังเกิดรัฐประหาร
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เฟซบุ๊ก ได้มีส่วนร่วมกับนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิพลเมืองและพรรคการเมืองที่เป็นประชาธิปไตยในเมียนมา เพื่อโต้กลับกองทัพเมียนมา เนื่องจากกองทัพเมียนมาถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากนานาประเทศว่ากองทัพไม่สามารถจัดการรณรงค์เกี่ยวกับเรื่องความเกลียดชังทางออนไลน์ในเมียนมาได้
ในปี ค.ศ. 2018 เฟซบุ๊กได้ทำการแบนบัญชีของ มิน อ่อง หล่าย หัวหน้ากองทัพเมียนมาในปัจจุบัน และแบนบัญชีเจ้าหน้าที่ระดับสูงอีก 19 คน นอกจากนี้ยังได้ทำการลบเพจและบัญชีอีกจำนวนหลายร้อยบัญชี ที่ดำเนินการโดยสมาชิกของกองทัพ เนื่องจากมีพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง
โดยก่อนการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน เฟซบุ๊ก ได้ประกาศว่าได้ลบเครือข่ายบัญชีปลอม 70 บัญชีและเพจที่ดำเนินการโดยสมาชิกของกองทัพเมียนมา ซึ่งโพสต์เนื้อหาเชิงบวกเกี่ยวกับกองทัพและคำวิจารณ์ต่อนางอองซานซูจีและพรรค NLD