บทความตัวเองกับการเริ่มต้น ซึมเศร้าเมื่อครึ่งปีหลัง ฉันเจอบททดสอบอย่างมากมายจนรู้สึกว่าตัวเองมีร่างกายที่ซูบผอม และรู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอลงเรื่อยๆ จากที่เป็นคนเเข็งแกร่ง สดใส ร่างเริง และสามารถท่องเที่ยว ทำอะไรคนเดียวได้อย่างสบายตัวอย่างสุดๆ เมื่อเดือนมิถุนายน ที่แล้วฉันเจอเหตุการณ์ไม่คาดคิดในชีวิต ฉันไปลงทุนบริษัทหนึ่งซึ่งนำเงินเก็บตัวเองที่มีอยู่ไปลงทุน เเล้วอยากให้เงินที่ลงทุนนั้นช่วยหล่อเลี้ยงตัวเองและครอบครัว คิดเเค่ว่าฉันจะสร้างรายดายเป็นรายได้ Passed in come ฉันเลยศึกษาเรียนรู้ เป็นเวลาหนึ่งเดือน ก็เลยตัดสินใจลงทุนไป อย่างคิดถี่ถ้วนและรู้สึกว่ากาารตัดสินใจครั้งนี้มันถูกต้องมากๆสำหรับตัวเองเเเล้ว จนวันหนึ่งทางบริษัทก็จ่ายเงินไม่ปกติ ถัดวันวันบ้างไม่ตรงวันบ้าง เริ่มรู้สึกหนาวๆร้อนๆอย่างบอกไม่ถูก ผลสุดท้ายปรากฏว่า สิ่งที่เราคิดนั้น มันได้เริ่มเกิดขึ้นจริงๆและสถานการณ์ตอนนั้นราวกับว่า เสมือนคนตาบอด คิดวนซ้ำไปซ้ำมา และรู้สึกจุกๆข้างใน ร้องไห้ไม่ออก และเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเริ่มมีจุดดำๆเล็กๆได้คลื่บคลานเข้ามาอย่างช้าๆ วันนิดๆ และนั้นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมด ผ่านไปหนึ่งเดือนก็รอความหวังอยู่ หวังว่าตัวเองจะได้เงินคืน รอวันแล้ววันเล่า แต่ก็ไร้วี่แววที่จะได้กลับมา ก็ทำใจยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นและเริ่มนับหนึ่งใหม่ให้ตัวเอง ได้ไปเจอกับสิ่งใหม่ๆ ด้วยการออกไปหาประสบการณ์หางานใหม่ เพื่อชดเชยในสิ่งที่สูญเสียไป ฉันทำงานได้อย่างราบรื่นเเละรู้สึกปลดล็อกกับบรรยากาศพอลืมเรื่องที่ลงทุนไปได้ และแล้ว บททดสอบขั้นที่สองก็ถามหา พ่อเป็นโรคหัวใจหมอให้ทำเรื่องส่งตัวเพื่อไปโรงพยาบาลที่มีหมอเฉพาะทาง ฉันดำเนินเรื่องเป็นเวลาที่ค่อนข้างซับซ้อน เพราะพ่อเป็นหลายโรค กระบวนการขั้นตอนมันเลยซับซ้อน ระหว่างนั้นรู้สึกว่า ตัวเองเริ่มรู้สึกีวิตกลับมาดาวน์อีกครั้ง กับการต้องไปมาๆที่โรงพยาบาล เห็นคนไข้ รับรู้โรคต่างๆ บวกกับใจเราอ่อนเเอ ณ ตอนนั้น แต่ด้วยหน้าที่ตรงนั้นทำให้เราต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จ เพื่อรอคิวในการ ฉีดสวนหัวใจ และทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย หลังจากลับจาการโรงบาล รู้สึกว่าตัวเอง ผ่อนคลายไม่ค่อยได้ ไม่ค่อยอยากเจอผู้คน คิดวนไป ปล่อยวางได้ยากขึ้น อยากอยู่แต่ในบ้าน รู้สึกว่าสิ่งรอบข้างอันตรายไปหมด ทั้งถูกคาดหวังของคนในครอบครัว ทั้งการหาเวลาให้ตัวเองในการนั่งพักกับตัวเองไม่ได้ การเป็นอยู่ของตัวเองก็เริ่มเปลี่ยนไป ป่วยง่าย การคิดถึงวนซ้ำๆ การกิน การนอน เริ่มไม่ปกติ กินไม่ค่อยหลับ นอนไม่ค่อยอิ่ม รู้สึกชีวิตมีเเต่ความหม่นหมองและรู้สึกว่า ชีวิตฉันคงต้องเจอแบบนี้เรื่อยๆ ก็พอรู้ตัวเองว่าน่าจะเศร้าไม่เเค่ซึมๆ ตัวเองเริ่มจมปลักกับความรู้สึกนี้นานๆเข้า เริ่มเสพติดอารมณ์ลบ จนวันหนึ่งเพื่อนคนหนึ่งสังเกตพฤติกรรมเราว่า คล้ายเป็นโรคซึมเศร้า ทันใดนั้นเรารู้สึกว่า เฮ้ย ! ใช่หรอ เหมือนเป็นการสะกิตเราให้ตื่น เราเริ่มตัดสินใจไปหาหมอจิตเวต ตอนรอคิวบอกกับตัวเองว่า นี่เรามาถึงจุดๆนี้ได้อย่างไรกัน ? ทำไมเราถึงปล่อยตัวเองได้ขนาดนี้ ? คำถามวิ่งเเล่นในหัวเต็มไปหมด จากนั้นเราเริ่มเข้าห้องเพื่อพบหมอ ได้เล่าเรื่องจุดเริ่มต้นทั้งหมดให้หมอได้วินิจฉัยของอาการ ด้วยเรื่องๆราวต่างๆที่ตัวเองพบเจอ ทั้งชีวิต การเงิน การงาน โรคของพ่อ การถูกคาดหวัง การโดนตัดสิน การโดดเปรียบเทียบ ความกังวลใจ ความเครียดสะสม ต่างๆ ทำให้ความรู้สึกเอ่อล้นออกมาจนกลั่นน้ำตาไว้ไม่อยู่ และก็พบว่า เราเป็นโรคซึมเศร้า จริงๆ ยอมรับว่า ณ ช่วงเวลานั้นเราตกใจเเละรู้สึกชีวิตตัวเอง ดาวน์ไปหมด ไร้ทิศทาง หลังจากออกจากห้องนักจิตวิทยา ก็เริ่มเฝ้ามองความคิดตัวเองและบอกกับตัวเองว่าสู้สิๆ สู้สิ เราจะไม่ยอมให้ความมืดนี้มีครอบงำชีวิตเราและกัดกินชีวิตที่สดใสเราไปตลอดหรอก และเวลาผ่านไปเราใช้ยา เริ่มพึงพายาในการนอนหลับและรู้สึกว่าชีวิตเริ่มสมดุลบ้างมาแล้ว ก็เจอบททดสอบเข้ามาอีก ในขณะที่เรารู้สึกอยากมีเพื่อนข้างๆอยากให้เพื่อนช่วนเราบ้าง มีอยู่ในกลุ่ม ยอมรับเลยตอนนั้นทางการเงินรู้สึกตันมาก บริหารเงินไม่ทัน ค่าใช้จ่าย เราเป็นคนหลักในค่าใช้จ่ายในบ้าน เป็นเหมือนเสาหลักเกือบทุกเรื่องในการเเก้ปัญหาภายในบ้าน ตอนนั้นเรารู้สึกอยากมีคนที่รับฟังเรา อยากรู้สึกว่าตัวเองยังสำคัญกับเพื่อน ด้วยเหตุหลายอย่างทำให้ เพื่อนห่างหายจากเราไปหมด เหลือไม่กี่คนที่ช่วยเหลือเเละรับฟังเรา เป็นความจริงที่ว่า เราจะรู้จักมิตรเเท้ก็ต่อเมื่อเราเจอปัญหา ก็ต่อเมื่อเราต้องการความช่วยเหลือ ส่วนตัวเป็นคนที่รักเพื่อนมากๆเพราะช่วงชีวิตที่ผ่านมาเราเเทบจะมีเพื่อนเกือบจะทุกช่วงเวลาของชีวิต แต่วันนี้คนเหล่านั้นถูกกลืนไปไหนหมด เราตั้งคำถามกับตัวเองซ้ำๆ เเต่เรากลับไม่พบคำตอบเลย เราพบเเต่ความว่างเปล่าของคำตอบเหล่านั้น และนั้นอาการซึมเศร้าของเราที่เริ่มปรับตัวได้เเล้วนั้นก็กลับมาหาเราอีกครั้ง ก็อย่างว่าเเหละว่า การสูญเสียในสิ่งที่เรารัก สิ่งที่เราคุ้นเคย เราก็ย่อมสะเทือนใจเเละต้องใช้ช่วงเวลาช่วงหนึ่งในการรักษาและเยี่ยวยา เป็นไงบ้างค่ะ ชีวิตเหมือเเสนจะเศร้าใช่ไหมล่ะ เเต่อย่าพึงเพราะชีวิตยังมีเรื่องที่ต้องให้คิดตัดสินใจครั้งใหญ่อีก คือ การได้ไปหาหมอที่นัดกันไว้ในการทำสวนหัวใจ ต้องเเอดมิทโรงบาลเป็นเวลา 3 วันเพื่อเตรียมตัวในการักษา ถึงวันที่ต้องเข้ารักษา คนที่อยู่นอกห้อง ก็ได้เเต่ภาวนาให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี เวลาผ่านไปเกือบ2ชั่่วโมงครึ่ง หมอเรียกชื่อญาติคนไข้ให้เข้ามาเพื่อฟังผล หมอบอกว่า คุณพ่อไม่สามารถทำสวนหัวใจได้ ไม่สามารถทำบอลลูนได้เพราะเส้นเลือดทั้งสามเส้นตันหมดแล้ว สิ่งเดียวที่ทำได้คือ การผ่าตัดอย่างเดียวโอกาสรอด 50/50 ความรู้สึกตอนนั้นรู้ตัวเองเลยว่า หน้าซืด เข่าทรุด เเละหมดเรี่ยวเเรง ที่จะก้าวผ่านบททดสอบนี้ได้ สิ่งที่ทำได้ตอนนั้นคือ การยอมรับให้เร็วที่สุด และ เดินหน้าต่อไป เเละก็ให้คำตอบกับหมอว่า ขอปฎิเสธการรักษา คิดช่วงเวลาที่อยู่โรงพยาบาลแล้วได้เห็นเหตุการณ์ ได้เห็นคนเสียที่ลากรถเข็นต่อหน้า ได้เห็นผู้หญิงคนหนึ่งถูกใส่ท่อหายใจกระตุกด้วยความเจ็บปวด ได้เห็นหัวใจของภรรยาคนหนึ่งที่ต้องเห็นหมอปั้มหัวใจ และสุดท้ายเขาก็ได้สูญเสียสามีอันเป็นที่่รักและบททดสอบยิบย่อยยังคงมาเรื่อยๆ รู้สึกว่าตัวเองหายจากการซึมเศร้าโดยการเจอบททดสอบ เหมือนทุกอย่างถูกเยี่ยวยา อย่างค่อยๆ เราคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดคือ จุดเริ่มต้นที่ทำให้เราเติบโต เเละรับความเจ็บปวดในอนาคตน้อยลง สุดท้ายอยากบอกกับทุกคนที่เข้ามาอ่านบทความนี้ว่า ชีวิตเราสั้นมากๆ คงไม่มีพื้นที่ที่เราเราจะมานั่งเศร้า เศร้าได้ ซึมได้ เเต่อย่าใช้มันเปลือง สิ่งสำคัญในเรื่องนี้ทั้งหมด คือการยอมรับเรื่องสัจธรรมของชีวิตให้ได้ ยิ่งเรายอมรับเราเราก็จะปล่อยวางได้เร็ว เกิด เเก่ เจ็บตาย สูญเสีย โรคภัย เพื่อนฝูง การเงิน คนรัก ล้วนเเล้วเป็นสิ่งที่ผ่านมาแล้ววันหนึ่งต้องจากไป หากวันนี้คุณคือหนึ่งที่เป็นโรคซึมเศร้าอยู่ อยากบอกว่า ไม่ต้องคาดหวังอะไร อยู่กับปัจจุบัน ให้ได้มากที่สุด อย่าได้เก็บความอ่อนเเอไว้กับตัวเองจนหนักอึ้ง อย่าได้สนใจว่าเราเป็นซึมเศร้า อย่าให้ความสำคัญกับอารมณ์มันมาก เฉยๆมันบ้างก็ได้ จงยิ้มสู้เเม้ในสถาการณ์ทำให้คุณร้องไห้ จงโอบกอดตัวเองให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ ขอเป็นหนึ่งกำลังใจผ่านบทความบทนี้น่ะคะ ขอบคุณคะภาพปกโดย trilemedia / pixabay จาก canva ภาพที่ 1 โดย darksouls1 / pixabay ภาพที่ 2 โดย greyerbaby / pixabay ภาพที่ 3 โดย publicdomainpictures / pixabay ภาพที่ 4 โดย greyerbaby / pixabay ภาพที่ 5 โดย publicdomainpictures / pixabay ภาพที่ 6 โดย rondellmelling / pixabay7-11 Community ห้องลับเมาท์มอยของกินของใช้ในเซเว่น อะไรดีอะไรใหม่ ต้องรู้ ต้องคุย ต้องแชร์