'อุทัยธานี' แหล่งเก็บน้ำหลักเริ่มแห้งขอด - 'พิจิตร' น้ำยมแล้งหนัก เร่งตอกบ่อบาดาลเลี้ยงนาข้าว
เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์แหล่งกักเก็บน้ำหลักเพื่อการเกษตรและประปาหมู่บ้าน ในพื้นที่จังหวัดอุทัยธานีขณะนี้ ในพื้นที่ เริ่มกลับเข้าสู่สภาวะภัยแล้งอีกครั้ง แหล่งกักเก็บน้ำเพื่อการเกษตรทั้งอ่างเก็บน้ำและเขื่อนต่างๆ เริ่มเหลือปริมาณมาณน้ำในวงจำกัด
โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำทับเสลา แหล่งกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ในพื้นที่ อำเภอลานสัก และบริเวณเหนือเขื่อนวังร่มเกล้า ซึ่งเป็นแหล่งกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ ในเขตพื้นที่ อำเภอเมืองอุทัยธานี ล่าสุด ทั้ง 2 แห่ง กลับมามีสภาพแห้งขอดอีกครั้ง ทำให้เกษตรที่ปลูกข้าวนาปรังในช่วงนี้ เริ่มประสบปัญหาขาดแคลนน้ำใช้หล่อเลี้ยงต้นข้าวที่กำลังจะออกรวงจำนวนมาก
ซึ่งการทำนาปรังในปีนี้ พื้นที่จังหวัดอุทัยธานี พบว่า มีเกษตรกรทำการปลูกข้าวนาปรัง ทั้งในเขตรับน้ำจากอ่างเก็บน้ำทับเสลา และจากเขื่อนวังร่มเกล่า รวมแล้วกว่า 4,000 ไร่ ซึ่งทางชลประทานจังหวัดอุทัยธานี ได้มีประกาศงดการระบายน้ำช่วยภาคการเกษตร เนื่องจากต้องเก็บสำรองไว้ใช้ส่งระบบประปาหมู่บ้าน เพื่อไม่ให้ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคในครัวเรือน
โดย นายฐกร กาญจิรเดช ผู้อำนวยการโครงการชลประทานอุทัยธานี กล่าวว่า ขณะนี้ในพื้นที่เริ่มกลับเข้าสู่สภาวะขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตรอีกครั้ง แต่เมื่อเทียบกับช่วง 2 ปีที่แล้ว ถือว่าในช่วงเดียวกันนี้ สถานการณ์ภัยแล้งปีนี้ค่อนข้างดีกว่า 2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากช่วงที่มีปริมาณฝนตกลงมา ทางเราได้พยายามกักเก็บน้ำไว้ให้ได้มากที่สุด พร้อมทั้งมีการส่งระบายต่อไปยังพื้นที่การเกษตร เพื่อให้เกษตรกรกักเก็บน้ำไว้ยังแหล่งกักเก็บของตนเอง จึงทำให้พอช่วยหล่อเลี้ยงนาข้าว หรือพื้นที่การเกษตรไปได้ระยะหนึ่ง แต่ก็ยังมีพื้นที่การเกษตรอีกจำนวนไม่น้อย ที่มีแหล่งกักเก็บน้ำไม่มากพอ จึงทำให้ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตรในระยะนี้ได้
ซึ่งปัจจุบัน ทางชลประทานไม่ได้มีการส่งน้ำเข้าไปช่วยเหลือภาคการเกษตร เนื่องจากจำเป็นต้องกักเก็บน้ำมีอยู่ไว้ส่งให้กับระบบประปาหมู่บ้าน เพื่อไม่ให้ประชาชนเดือดร้อนในด้านของน้ำอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งทางเราได้มีการแจ้งในเรื่องดังกล่าวนี้ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว ส่วนเรื่องการส่งน้ำในช่วงฤดูกาลนาปีนั้น ต้องรอดูอีกครั้งว่า ปีนี้จะมีปริมาณฝนตกลงมาในพื้นที่มากพอหรือไม่เช่นกัน
น้ำยมแห้ง-เจาะบ่อบาดาล
ขณะที่จ.พิจิตร นางโชติกา พึงไชยวรา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 ตำบล ทุ่งน้อย อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร เปิดเผยว่า สถานการณ์การณ์ ภัยแล้ง โดยเฉพาะ อำเภอโพทะเล ทั้ง 11 ตำบลกำลัง ได้รับผลกระทบอย่างหนัก เนื่องจาก แพสูบน้ำพลังไฟฟ้าไม่สามารถสูบน้ำเข้านาเกษตรกรได้ เนื่องจากระดับน้ำในแม่น้ำยม แห้งตลอด ทั้ง สายระยะทาง 124 กม.ซึ่งตั้งแต่ อำเภอสามง่าม โพทะเล บึงนาราง โพธิ์ประทับช้าง
ขณะนี้เกษตรกรชาวนา ซึ่งตนเองก็ทำนากว่า 100ไร่ โดยเฉพาะตำบล บ้านน้อย อำเภอโพทะเล ต้อง เจาะบ่อบาดาล ซึ่งสูบน้ำเข้านา ซึ่งทำกันแทบทุกบ้าน กว่า 3 พันไร่ แต่ปรากฏว่าน้ำ ที่เจาะบ่อบาดาลนั้นไม่ค่อยมีเกษตรกรชาวนาจำเป็นจะต้องตอก บ่อบาดาลจากเดิม เกษตรกรชาวนาเคยเจาะลึก 10 เมตร ก็ตอกเพิ่มอีก เป็น 20 เมตร เกษตรกรชาวนาบางคนเจาะ 20 ก็จะต้องตอกให้ลึกเพิ่มอีก 30 เมตร จึงจำเป็นต้องเจาะบ่อบาดาลให้ลึกลงไปอีก จึงเพียงพอกับการสูบน้ำหล่อเลี้ยงต้นข้าวเพื่อไม่ให้ข้าวเหี่ยวเฉา
สิ่งที่เกษตรชาวนากังวลอยู่ขณะนี้ ต้นทุนการทำนานั้นมีต้นทุนเพิ่ม แต่ก็ยังถูกนายทุน กดราคาข้าวจากเดิม 8500 บาท ตอนนี้เหลือ 8000 บาท อยากเรียกร้องรัฐบาลช่วย ดูแลเรื่องราคาข้าว