BAY ตั้งเป้าสินเชื่อโต 3.5 % รุกภูมิภาคอาเซียนเต็มสูบ
![BAY ตั้งเป้าสินเชื่อโต 3.5 % รุกภูมิภาคอาเซียนเต็มสูบ](https://cms.dmpcdn.com/contentowner/2020/08/18/15980f10-e133-11ea-8e82-0b494f6be91c_original.jpg)
#BAY #ทันหุ้น - BAY กางเป้าหมายธุรกิจปี 2566 ตั้งเป้าสินเชื่อโต 3.3-.3.5% คุมหนี้เสียไม่เกิน 2.6% กรณี บล.กรุงศรี ย้ำตั้งสำรองหุ้น MORE ไว้แล้วเต็ม 100% หากคดีถึงที่สุดจ่าย เงินชดเชย Book กลับมาทำกำไรทันที เผยกลยุทธ์รุกอาเซียนต่อเนื่องเน้นเจาะเข้าสู่เวียดนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ควบคู่นำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ อาทิ สินเชื่อ ESG ในตลาดเดิมทั้งกัมพูชา สปป.ลาว และไทย
นายเซอิจิโระ อาคิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จํากัด (มหาชน) หรือ BAY เปิดเผยว่า ธนาคารตั้งเป้าสินเชื่อรวมทั้งปี 2566 เติบโตระหว่าง 3.3-3.5% จากสินเชื่อรวมทั้งปี 2565 ที่ 1.66 แสนล้านบาท แบ่งเป็น สินเชื่อคงเหลือกว่า 150,000 ล้านบาท และโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) และสินเชื่อเพื่อการฟื้นฟูธุรกิจอีกกว่า 16,000 ล้านบาท
ทั้งนี้คาดว่าจะมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ระหว่าง 3.3-3.5% ซึ่งคาดว่ารายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย (Non-Interest Income) จะยังอยู่ในระดับเดียวกับปีที่ผ่านมา โดยตั้งเป้าควบคุมอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL Ratio) ไม่เกิน 2.5 – 2.6% จาก ณ สิ้นปี 2565อยู่ที่ 2.32%
ขณะที่อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) คาดว่าอยู่ที่ 145 – 155% จากปี 2565 อยู่ที่ 167.4%ขณะที่อัตราส่วนค่าใช้จ่ายดําเนินงานต่อรายได้รวม (Cost to Income Ratio) จะเฉลี่ยที่ราว 40%
“เป้าหมายทางการเงินดังกล่าว เป็นการคาดการณ์ของธนาคารในเบื้องต้น ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ตามสภาวะเศรษฐกิจ และสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ”
สำหรับกรณีหุ้น บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE นั้นบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) มีหุ้นรวมมูลค่าทั้งสิ้น 898 ล้านบาท ซึ่งตั้งสำรองครบแล้วทั้ง 100%และอยู่ระหว่างร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์อื่นดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งหากถึงที่สิ้นสุดสามารถได้รับชดเชยความเสียหาย จะถือเป็นปัจจัยหนุนศักยภาพการทำกำไรในอนาคต
ศึกษา Virtual Bank
ทั้งนี้ BAY ได้ตั้งทีมศึกษาข้อดี - ข้อเสียของการตั้งธนาคารไร้สาขา หรือ Virtual Bank อย่างจริงจัง และรอบด้านโดยจะเปรียบเทียบกับทั้งการพัฒนาศักยภาพการให้บริการผ่านแอปพลิเคชัน ณ ปัจจุบันของธนาคาร รวมถึงศึกษาการพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านอื่นเพื่อประกอบการพิจารณาดำเนินการ
“ธนาคารเร่งศึกษาอย่างจริงจัง เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่าควรจัดตั้งธนาคารไร้สาขาหรือไม่ ดังนั้นจึงยังคงเร็วไปที่จะตอบว่าธนาคารมีความสนใจหรือไม่”
มุ่งขยายฐานในอาเซียน
สำหรับกลยุทธ์การดำเนินงานปี 2566 กลุ่มกรุงศรีมุ่งเน้นขยายฐานการบริการ และผลิตภัณฑ์ทางการเงินเข้าสู่ภูมิภาคอาเซียนอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนรุกเข้าเปิดตลาดใหม่ อาทิ ประเทศเวียดนาม, อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ควบคู่กับการคิดค้นผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆ เสริมการบริการ-ขยายฐานลูกค้าในกลุ่มประเทศเดิมที่แข็งแกร่งทั้งกัมพูชา และสปป.ลาว
โดยมุ่งดำเนินงานตามกลยุทธ์ 3 ด้าน ได้แก่
- 1.การดำเนินธุรกิจที่เชื่อมโยงภูมิภาคอาเซียน (ASEAN-Linked Business) ผ่านนวัตกรรมบริการด้านการเงิน
- 2.การดำเนินธุรกิจที่เชื่อมโยงกับความยั่งยืนตามโมเดล ESG (ESG-Linked Business) เพื่อเป็นธนาคารพาณิชย์ที่ยั่งยืนที่สุดของประเทศไทยรวมถึงการเป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจการเงินเพื่อความยั่งยืน
- 3.การพัฒนาด้านดิจิทัลและนวัตกรรม (Digital & Innovation) ด้วยการเดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัลเพื่อประโยชน์ต่อลูกค้าทั้งในประเทศไทยและอาเซียน
ทั้งนี้ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนลูกค้าในภูมิภาคอาเซียนขึ้น 10% จาก ณ สิ้นปี 2565 ที่ทำได้ทั้งสิ้น 5 แสนราย
“การเป็นเครือของ MUFG และกลยุทธ์การผนึกกับพันธมิตรท้องถิ่น นำผลิตภัณฑ์ของ BAY เข้าไปให้บริการทั้งธุรกรรมเงินฝาก, การให้บริการสินเชื่อรายย่อย – สินเชื่อธุรกิจ, การเป็นที่ปรึกษาด้านการลงทุน ที่ปรึกษาการดำเนินธุรกิจ ส่งผลให้ลูกค้าในแต่ละประเทศให้ความเชื่อมั่นในกลุ่ม BAY สูงมากจึงค่อนข้างมั่นใจว่าจะสามารถขยายฐานลูกค้าได้ตามเป้าหมายที่ 10%YoY ขณะเดียวกันก็จะเร่งปล่อยสินเชื่อ หรือให้บริการจัดหาแหล่งเงินทุนให้กับลูกค้าที่สนใจปรับโครงสร้างธุรกิจเข้าสู่ธุรกิจสีเขียว จาก ณ สิ้นปี 2565 ที่มีสินเชื่อรวม 3 หมื่นล้านบาท ให้ได้ราว 5 หมื่น – 1 แสนล้านบาท”