รีเซต

โควิดภาคใต้พุ่งเฉียด 2 พัน พบร้านอาหารแอบเปิดเกินเวลา ลอบขายเบียร์

โควิดภาคใต้พุ่งเฉียด 2 พัน พบร้านอาหารแอบเปิดเกินเวลา ลอบขายเบียร์
ข่าวสด
4 ตุลาคม 2564 ( 14:21 )
32
โควิดภาคใต้พุ่งเฉียด 2 พัน พบร้านอาหารแอบเปิดเกินเวลา ลอบขายเบียร์

 

โควิดภาคใต้พุ่งเฉียด 2 พัน สวนทางกับที่อื่น เผยพบร้านอาหารแอบเปิดเกินเวลา ลอบขายเบียร์ใส่แก้วพลาสติก เร่งฉีดวัคซีน ลดคนติดเชื้อด่วน

 

 

วันที่ 4 ต.ค.2564 พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆากศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศบค.) แถลงสถานการณ์ประจำวันว่า วันนี้ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อใหม่ 9,930 ราย คงทำให้หลายคนรู้สึกสบายใจ แต่เราเพิ่งประกาศตามข้อกำหนดฉบับที่ 34 มีผลบังคับใช้วันที่ 1 ต.ค. ที่ผ่อนคลายกิจการกิจกรรมมากขึ้น

 

 

ทั้งนี้ทางกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) คาดการณ์ว่าอาจจะมีการติดเชื้อสูงขึ้นเกินหมื่นรายได้ แต่ถ้ายังแตะอยู่ที่หมื่นนิด ยังเป็นในทิศทางที่สาธารณสุขยอมรับได้ เพราะเมื่อเราผ่อนคลายเปิดกิจการให้ดำเนินชีวิตใกล้เคียงปกติมากขึ้น

 

 

แม้จะมีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นบ้าง แต่ถ้าอยู่ในภาวะที่ระบบสาธารณสุขยอมรับได้ก็เป็นในทิศทางที่เป็นไปได้ ส่วนการเสียชีวิตวันนี้ต่ำกว่าร้อย คือ 97 ราย รักษาหาย 12,336 ราย ยังรักษา 109,748 ราย อาการหนัก 3,071 ราย และใส่เครื่องช่วยหายใจ 719 ราย

 

 

กลุ่มผู้ป่วยที่ ศบค.เป็นห่วงคือ 4 จังหวัดภาคใต้ ที่วันนี้ติดเชื้อ 1,968 ราย สัดส่วนคิดเป็น 21% ถือว่าสูงขึ้น สวนทางกับ กทม.และปริมณฑลที่ลดลง

 

 

จำนวนผู้เสียชีวิตก็มีถึง 11 จังหวัดภาคใต้ที่มีรายงานเสียชีวิต รวม 27 คน ได้แก่ ภูเก็ต 4 ราย ยะลา 4 ราย นครศรีธรรมราช 3 ราย นราธิวาส 3 ราย ปัตตานี 3 ราย สุราษฎร์ธานี 2 ราย ตรัง 2 ราย พัทลุง 2 ราย สงขลา 2 ราย ระนอง 1 ราย และกระบี่ 1 ราย

 

 

สำหรับ 10 จังหวัดติดเชื้อสูงสุด ก็มีภาคใต้ถึง 5 จังหวัด คือ ยะลา 764 ราย สงขลา 484 ราย ปัตตานี 406 ราย นราธิวาส 314 ราย และนครศรีธรรมราช 313 ราย สิ่งที่ สธ.เป็นห่วงคือ รายงานจากการสอบสวนประวัติผู้ติดเชื้อพบว่า ยังมีการพบการสัมผัสใกล้ชิดในครอบครัว

 

 

โดยก่อนหน้านี้จะเป็นการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนโรงงาน หมายถึงจากการติดเชื่้อในสถานที่ทำงาน ไปสถานที่เสี่ยง ตอนนี้นำเชื้อเข้าสู่ครอบครัวและทำให้ติดเชื้อในคนใกล้ชิด จึงต้องฝากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดในพื้นที่ใต้

 

 

วันนี้มีรายงานว่าที่อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พบร้านอาหารเปิดเกินเวลาและจำหน่ายแอลกอฮอล์ โดยมีการใส่ในแก้วพลาสติกธรรมดา แต่เป็นการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ต้องขอให้ช่วยกันกำชับมาตรการ และขอบคุณประชาชนที่แจ้งเข้ามา ไม่ถือว่าเป็นการตำหนิติเตียน ถ้าเราต้องการช่วยให้มาตรการทำอย่างมีประสิทธิภาพ ลดจำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตของภาคใต้ได้ก็ต้องร่วมด้วยช่วยกัน

 

 

ส่วนการฉีดวัคซีนพื้นที่ชายแดนใต้ ยอดรวมวันที่ 4 ต.ค. นราธิวาสการฉีดเข็ม 2 เพิ่งอยู่ที่ 22.4% ปัตตานี 19.6% และยะลา 28.2% สงขลา 28.5% ซึ่งเป้าหมายต้องครอบคลุมให้ได้ 50% โดยพื้นที่เหล่านี้ได้รับการจัดสรรวัคซีนเพียงพอ มีการทำงานหนัก แต่ยอดวัคซีนยังไม่เป็นไปตามเป้า จึงขอให้พื้นที่ทั้ง รพ.ภาครัฐ เอกชน มหาวิทยาลัย ระดมค้นหาผู้ป่วย 7 กลุ่มโรค สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์เข้ารับวัคซีนตามเป้าหมาย

 

 

สำหรับการฉีดวัคซีนทั่วประเทศเพิ่มขึ้น 281,070 โดส สะสม 55,150,481 โดส แบ่งเป็นเข็มแรก 32,987,918 ราย คิดเป็น 45.8% ของประชากร เข็มสอง 20,696,791 ราย คิดเป็น 28.7% ของประชากร และเข็มสาม 1,465,772 ราย คิดเป็น 2% สิ่งสำคัญคือวันนี้เป็นวันแรกในการระดมฉีดวัคซีนให้แก่เด็กนักเรียน โดยยอดคิกออฟที่ลงทะเบียนไฟเซอร์ 12 ปีขึ้นไป 3.5 ล้านคนทั่วประเทศ ฉีดตั้งแต่ 09.09 น. รวม 2 ชั่วโมงมีรายงาน 943 ราย ผ่านระบบ MOPH IC การฉีดเป็นตามความสมัครใจ

 

 

ทั้งนี้ได้เน้นย้ำทุกสถานที่ฉีดให้เข้มมาตรการสาธารณสุขให้เว้นระยะห่าง ดูเรื่องความแออัด ไม่ให้สถานที่ฉีดเป็นสถานที่แพร่ระบาด และจะทำให้โรงเรียนเป้นโควิดฟรีเซตติ้ง เป็นโรงเรียนปลอดโควิด ส่วนภูเก็ตที่ฉีดเข็ม 3 วันนี้มีรายงาน 193,754 โดส เป็นการเพิ่มตัวเลขอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเป็นการฉีดในชั้นผิวหนัง ทำให้ทำได้รวดเร็ว

 

 

ส่วนการติดเชื้อเป็นคลัสเตอร์ มีรายงานโรงงาน ชลบุรี สงขลา สมุทรปราการ สำหรับพัทลุงที่รายงานสูงเป็นการติดเชื้อในเรือนจำ ส่วน กทม.เป็นแคมป์คนงานที่กรุงเทพเหนือและตะวันออก ซึ่งตอนนี้สำนักงานเขตและสำนักโยธาได้เข้าไปดูแลแล้ว แม้บางแคมป์ยังไม่มีการระบาดก็มีการไปสุ่มตรวจเฝ้าระวังเป็นระยะ ซึ่งต้องสุ่มตรวจเรื่อยๆ วันนี้ก็สุ่มตรวจตลาด 5 แห่งในกทม. พบติดเชื้อ 75 ราย คิดเป็น 5%

สำหรับคนต่างชาติที่ไม่มีสิทธิการรักษาใดๆ เมื่อเจ็บป่วยก็ดูแลอย่างถูกต้องไม่มีเลือกปฏิบัติ โดยมีการของบกลางมาใช้จ่าย และหารือ รพ.สังกัด กทม. สมาคม รพ.เอกชน ให้แรงงานต่างด้าวไร้สิทธิเข้าถึงการรักษามาตรฐาน เมื่อปลอดภัยสังคมก็ปลอดภัย และการฉีดวัคซีนต้องไม่เลือกปฏิบัติด้วย แต่การเข้ามาผิดกฎหมายก็ต้องเอาผิดทั้งนายจ้างและลูกจ้างตามกฎหมาย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง