อุตสาหกรรมเหมืองแร่และยานยนต์ไฟฟ้ารถยนต์น้ำมันเชื้อเพลิง และ รถยนต์ไฟฟ้า ปัจจุบันเทคโนโลยี และนวัตกรรม ได้ถูกพัฒนาไปอย่างก้าวหน้า รวมถึงในเรื่องของยานพหานะ ซึ่งปัญหาของคนที่ใช้รถยนต์น้ำมันเชื้อเพลิงกำลังพบเจอ คือ ราคาน้ำมันแพง ยิ่งในช่วงวิกฤตโควิด 19 ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบโลกสูงขึ้น ทำให้ไทยได้รับผลกระทบเต็ม ๆ เนื่องจากประเทศไทยผลิตน้ำมันใช้เองในประเทศเพียง 10% นอกนั้นเป็นการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศ ในช่วงเดือนมีนาคม 2565 ราคาน้ำมันเบนซินแตะไปถึง 47.56 บาท/ลิตร ส่วนราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 29.94 บาท/ลิตร ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กระแสความสนใจในรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกเติบโตขึ้นอย่างมาก เนื่องจากเป็นพลังงานทางเลือกที่ผู้คนเริ่มหันมาสนใจ อีกทั้งยังตอบโจทย์กระแสการเป็นต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องด้วยรถยนต์ไฟฟ้าปล่อยมลพิษน้อยกว่ารถยนต์น้ำมันเชื้อเพลิง โดยในประเทศไทยนั้นพบว่าสถิติรถยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนใหม่ในครึ่งปี 2565 ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเท่าตัวเมื่อเทียบจากปีก่อน มีการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเช่นเดียวกัน อาทิเช่น ราคาของรถยนต์ไฟฟ้า ส่วนลดภาษีรถยนต์ และยังมีสถานีชาร์จไฟฟ้าครอบคลุมในหลายพื้นที่มากยิ่งขึ้น ข้อดีหลักอีกอย่างนึงของยานยนต์ คือ พลังงานไฟฟ้าที่ใช้ในการขับเคลื่อน ซึ่งเป็นลดการพึ่งพาน้ำมัน รวมถึงลดการปล่อยคาร์บอนที่ตอนนี้ทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญ สามารถเห็นได้จากหลายบริษัทที่หันมาใช้รถยานยนต์ไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น บริการเดลิเวอรี่ของร้านอาหาร ได้นำรถ EV Bike ใช้ในการขนส่งเหมืองแร่กับยานยนต์ไฟฟ้า อุตสาหกรรมหลายแห่งได้มีการปรับตัวกับเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมเหมืองแร่ มีการนำรถบรรทุกไฟฟ้า หรือที่เรียกว่า EV Mining Truck เข้ามาใช้ในการขนส่งแร่ภายในเหมือง อย่างบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (ทุ่งสง) จำกัด ได้มีการเปิดตัวรถ EV Mining Truck แห่งแรกในประเทศไทย เพื่อพัฒนาสู่อุตสาหกรรมเหมืองแร่สีเขียว ซึ่งการใช้รถบรรทุกไฟฟ้าหนึ่งคันเมื่อเทียบกับการใช้รถบรรทุกน้ำมันนั้น สามารถลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ได้ถึง 72 ตัน/ปี และยังประหยัดในเรื่องของต้นทุน เพราะในระบบของรถยานยนต์ไฟฟ้านั้นมีระบบเบรกเพื่อสร้างใหม่ในการชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ไปในตัวโดยที่ไม่ต้องชาร์จที่สถานีชาร์จไฟฟ้า กล่าวคือ ระบบเบรกเพื่อสร้างใหม่ (Regenerative braking) นั้นสามารถสร้างกระแสไฟฟ้าส่งกลับเข้าแบตเตอรี่ จากการเหยียบเบรก เพื่อส่งพลังงานจลน์ที่ได้จากการชะลอการหมุนของล้อ แปลงเป็นพลังงานไฟฟ้าและส่งกลับเข้าสู่แบตเตอรี่ ทำให้สามารถใช้ รถ EV ได้นานมากขึ้นโดยที่ไม่ต้องนำรถกลับเข้าไปชาร์จที่สถานี ถือว่าเป็นจุดเด่นหลักสำหรับการใช้รถ EV Mining truck เลยก็ว่าได้ จากประสบการณ์ของผู้เขียนเองที่เคยได้มีโอกาสเข้าไปศึกษาและการเก็บข้อมูลการใช้รถ EV Mining truck บนเหมืองนั้น ผู้เขียนก็ได้เล็งเห็นว่า หากมีดึงประโยชน์จากการใช้รถไฟฟ้า (EV) ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด จะเกิดเป็นผลดีทั้งกับอุตสาหกรรมและของโลกเราอีกด้วย ทั้งในเรื่องของการลดปริมาณการปล่อย CO2 การประหยัดพลังงานและค่าใช้จ่าย สุดท้ายนี้ผู้เขียนหวังว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะนำไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมเหมืองแร่ให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสอดคล้องกับหลัก SDG และ ESG มากยิ่งขึ้นรูปที่ 1 จาก: ผู้เขียนรูปที่ 2 จาก: freepikรูปที่ 3 จาก: freepikรูปที่ 4 จาก : ผู้เขียนภาพปก จาก:ผู้เขียน🗺 แชร์ที่เที่ยวใหม่ๆ ไม่ว่าจะเที่ยวสายไหนก็มาแวะแชร์กับทรูไอดีคอมมูนิตี้ “เที่ยวไปให้สุด”