สวัสดีครับเพื่อนๆ พอดีว่าผมไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติแห่งหนึ่งแล้วผมก็เห็นว่ามันมีในป้ายที่แสดงแผนที่การท่องเที่ยวและสถานที่ของจังหวัดว่ามันมีอุทยานอีกที่เป็นวนอุทยานผมก็เลยสงสัยว่าว่ามันต่างกันอย่างไร เครื่องเที่ยวถ้ามีโอกาสผมจะมาเขียนให้ได้อ่านกัน มีเพื่อนๆคนไหนที่สงสัยเหมือนผมไหมครับ ว่าพื้นที่เขตอนุรักษ์ธรรมชาติ อย่างอุทยานที่พวกเราไปเที่ยวกันบางครั้งก็เป็นอุทยานแห่งชาติบ้างเป็นวนอุทยานบ้าง ทั้งที่เป็นพื้นป่าที่ได้รับการอนุรักษ์เหมือนกันทําไมถึงเรียกต่างกัน ผมเองที่สงสัยก็ได้ไปสืบค้นและหาข้อมูลมาสรุปให้เข้าใจกันแบบง่ายๆตามนี้ครับวนอุทยานและอุทยานแห่งชาติคืออะไร ?อันดับแรกเรามาดูนิยามและความหมายของอุทยานแห่งชาตและวนอุทยานกันก่อนนะครับ เริ่มจากวนอุทยานนะครับวนอุทยานเนี้ยเป็นสถานที่มีทิวทัศน์และธรรมชาติสวยงามเหมาะแก่การผักผ่อนหย่อยใจ เช่น ถํ้า นํ้าตก หาดทราย เป็นต้นครับ มักจะอยู่ไม่ไกล้จากชุมชน ส่วนอุทยานแห่งชาติจะเป็นเขตอนุรักษ์และคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติทิวทัศน์และลักษณะภูมิประเทสที่สําคัญไว้ครับ ถ้าจะสรุปให้เข้าใจง่ายๆก็คือวนอุทยานเป็นแค่สถานที่ทางธรรมชาติที่สวยงามที่จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นที่พักผ่อนหน่อยใจ ส่วนอุทยานแห่งชาติเป็นเขตพื้นที่ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อ รักษา คุ้มครอง สัตว์ป่า และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติไว้ครับวนอุทยานและอุทยานแห่งชาติมีอะไรที่ต่างกันบ้าง ?จากการนิยามความหมายของวนอุทยานและความหมายของอุทยานแห่งชาติเพื่อนๆคงจะได้เข้าใจเพิ่มขึ้นว่าวนอุทยานและอุทยานแห่งชาติมีความหมายต่างกันอย่างไรต่อมาผมจะรวบรวมข้อแตกต่างมาเล่าให้ฟังครับ ความต่างอย่างแรกคือ การจะทําให้สถานที่สถานที่ใดที่หนึ่งเป็นวนอุทยานหรืออุทยานแห่งชาติเนี้ยมันทําได้ยังไง อันดับแรกต้องมีการสํารวจและวิเคราะห์ความเหมาะสมในการจัดตั้งโดยวนอุทยานจัดตั้งขึ้นตามประกาศกรมอุทยาน หรือกรมป่าไม้ ที่เห้นว่าพื้นที่ตรงนี้เหมาะหรือไม่เหมาะสมในการตั้งวนอุทยานครับส่วนอุทยานแห่งชาติจัดตั้งขึ้นตามพระราชกฤษฎีกา และประกาศในพระราชกิจจานุเบกษา ที่พิจารณาว่าพื้นที่นี้เหมาะสมหรือไม่ โดยจะมีรายละเอียดการจัดตั้งลงในพระราชกฤษฎีกาและพระราชกิจนุเบกษาตามที่ประกาศจัดตั้งครับ ต่อมาคือในเรื่องของเนื้อที่เนี้ยมีระบุชัดเจนว่าวนอุทยานต้องมีขนาดพื้นที่โดยประมาณ 500-5,000 ไร่ส่วนอุทยานแห่งชาติเขามีกัาหนดไว้ว่าต้องมีขนาดพื้นที่ไม่น้อยกว่า 10 ตารางกิโลเมตร หรือ 6,250 ไร่ ต่อมาในเรื่องการดูแลและเอาผิดผู้ที่ทําลายทรัพยากรในอุทยานทางวนอุทยานใช้พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ 2507 และพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ 2484 ส่วนอุทยานแห่งชาติใช้พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ 2504 ในเรื่องค่าบริการและค่าเยี่ยมชมสถานที่วนอุทยานส่วนใหญ่ไม่เสียค่าบริการแต่อาจมีบางวนอุทยานที่เรียกเก็บบ้างบางวนอุทยานครับเพื่อนๆอาจเคยโดนเจ้าหน้าอุทยานที่เรียกเก็บค่าบริการแล้วแต่บางสถานที่ครับ ส่วนอุทยานแห่งชาติจะคิดค่าบริการแน่นอนครับตามสถานที่แล้วแต่บางอุทยานจึงมีค่าธรรมเนียนในการเข้าใช้บริการไม่แน่นอน เรียกเก็บเพื่อใช้บํารุงดูแลจัดตกแต่งสถานอุทยานเป็นต้นครับ และการไปเที่ยวชมอุทยานแห่งชาติและวนอุทยานจะมีกฎและข้อปฏิบัติคล้ายๆกัน เช่น ห้ามเด็ดหรือทําลายพืชพรรณต่างๆ ห้ามขีดเขียนในบริเวณอุทยาน ห้ามอกองไฟ ห้ามล่าสัตว์ เป็นต้นครับ หากเพื่อนๆยังไม่เข้าใจมีสรุปเนื้อหาให้ตามภาพต่อไปนี้ครับถึงวนอุทยานและอุทยานและอุทยานแห่งชาติจะเป็นอุทยานเหมือนกันแต่ก็มีข้อแตกต่างและจุดประสงค์ในการจัดตั้งไม่เหมือนกันวนอุทยานจัดตั้งไว้สําหรับผักผ่อน ส่วนอุทยานแห่งชาติมีไว้สําหรับอนุรักษ์ทรัพยากรทางธรรมชาติสัตว์ป่าและพื้นที่ป่าไมที่สําคัญของชาติ เพราะฉนั้นการไปเที่ยวชมก็ไม่ควรทําลายสภาพของอุทยาน และการไปเที่ยวอุทยานทั้งสองประเภทก้ควรเตรียมค่าบริการในการเยี่ยมชมไปด้วยเพื่อให้เป็นค่าเยี่นมชมและบํารุ่งรักษาสถานที่ทางธรรมชาติที่สวยงามให้คงอยู่ตลอดไปครับสําหรับแหล่งที่มาข้อมูลผมจะลงอ้างอิงไว้ด้านล่างครับมีข้อมูลผิดหรือตกหล่นตรงไหนต้องขออภัยด้วยนะครับ ฝากเพื่อนๆผู้อ่านทุกคนติดตามผลงานของผมต่อไปด้วยนะครับขอบคุณครับอ้างอิงข้อมูลจากจาก เพจ Facebook กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธ์ุพืชจาก dnp.go.th อดีตความเป็นมาการจัดตั้งอุทยานแห่งชาติจากสํานักอุทยานแห่งชาติ หลักเกณฑ์ในการพิจารณากำหนดให้พื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งเป็นอุทยานแห่งชาติและวนอุทยานรูปภาพประกอบบทความภาพปกบทความ ออกแบบโดยเขียนมั่ว ด้วย canvaภาพประกอบบทความภาพที่ 1 จาก pixabay โดย Inactive account – ID 12019ภาพประกอบบทความภาพที่ 2 จาก pixabay โดย Inactive account – ID 12019ภาพประกอบบทความภาพที่ 3 จาก pixabay โดย Inactive account – ID 12019ภาพประกอบบทความที่ 4 ออกแบบโดยเขียนมั่ว ด้วย canvaติดตามผลงานอื่นได้ที่ Trueid in trendอัปเดตข่าวสาร และแหล่งเรียนรู้หลากหลายแบบไม่ตกเทรนด์ บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !