NERเก็งQ3กำไร505ล. ชูปันผลสูงอัพไซด์57%
#NER #ทันหุ้น –NER โบรกส่องผลงานไตรมาส 3/2565 มีกำไร 505 ล้านบาทโต 32.1% ปริมาณขายยางพุ่ง 41% ลูกค้าจีน-อินเดียเพิ่ม ประเมินไตรมาส 4/2565 ดีต่อเนื่อง ส่วนธุรกิจแผ่นปูนอนปศุสัตว์เริ่มส่งออกไตรมาส 1/2566 ชูอัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูงกว่า 7% ราคาหุ้นมีอัพไซด์กว่า 57%
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) ระบุถึง บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ว่าคาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/2565 ที่ 505 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.1% QoQ และ 14.7%YoY โดยคาดจะบันทึกขาดทุนจาก FX เข้ามา 70 ล้านบาท ทั้งนี้ หากไม่รวมรายการดังกล่าว คาดกำไรปกติอยู่ที่ 575 ล้านบาท เพิ่มขึ้น ถึง 29.1% QoQ (แต่ลดลง 5.7% YoY) มีปัจจัยสนับสนุนจาก 1.คาดการณ์รายได้รวมจะเพิ่มขึ้นถึง 38.7%QoQ และ 2.2%YoY มาที่ 7.3 พันล้านบาท
ทั้งนี้ คาดปริมาณขายยางพาราเพิ่มขึ้นถึง 41.4%QoQ (แต่ลดลง 10.4%YoY) มาที่ 1.3 แสนตัน จากคำสั่งซื้อของลูกค้าในจีนและอินเดียเพิ่มขึ้น จากลูกค้าจีนเพิ่มคำสั่งซื้อและการได้ลูกค้าและปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลนทยอยดีขึ้น ทำให้การส่งมอบ ใหม่จากอินเดียยางพาราได้เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งมีน้ำหนักมากกว่าแนวโน้มราคาขายางพาราเฉลี่ยงวดไตรมาส 3/2565 ที่ จะอ่อนตัวลง 1.9% จากไตรมาสก่อนหน้า (แต่เพิ่มขึ้น 14.1% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ) มาที่ 58.50 บาทต่อกิโลกรัม ตามทิศทางราคายางพาราในตลาดโลก
*ทิศทางราคายางขาขึ้น
ทั้งนี้คาดกำไรสุทธิปี 2565-2566 จะเพิ่มขึ้น 2.2% และ 9.9% จาก แนวโน้มปริมาณขายยางพาราและทิศทางราคายางพาราปรับเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้ ในเบื้องต้นคาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/2565 จะเติบโตจากไตรมาส 4/2564 จากแนวโน้มปริมาณขายยางพาราเพิ่มขึ้น และคาด Gross Margin งวดไตรมาส 4/2565 จะยังดีต่อเนื่อง จากการประหยัดต่อขนาด และผลบวกจากทิศทางค่าเงินบาทเฉลี่ยไตรมาส 4/2565 อ่อนค่าลงจากงวด ไตรมาส 3/2565
สำหรับความคืบหน้าธุรกิจแผ่นปูนอนปศุสัตว์ ปัจจุบัน NER ได้ติดตั้งเครื่องจักรเสร็จแล้วโดยปัจจุบันขายในประเทศเป็นหลัก ซึ่งยังขายในปริมาณไม่มากนัก และจะเริ่มส่งออกสู่ต่างประเทศตั้งแต่งวด ไตรมาส1/2566 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นการผลิตและขายเพิ่มขึ้น โดย NER ได้มีการทำการตลาดและมีลูกค้ารองรับไว้บ้างแล้ว โดยฝ่ายวิจัยยังไม่ได้รวมธุรกิจดังกล่าวไว้ในประมาณการกำไรสุทธิปี 2565-2566
*ลุ้นปันผลกว่า 7%
อย่างไรก็ดี แนะนำ “ชื้อ” แม้ว่าฝ่ายวิจัยจะปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 9 บาท (เดิม FV ปี 2565 เท่ากับ 10.20 บาท) อิง PER 8 เท่า (เดิม 10 เท่า) สะท้อนความเสี่ยงเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกชะลอตัว แต่ราคาหุ้นปรับฐานไปกว่า 18% YTD ปัจจุบันมีค่า PER ปี 2566 เพียง 5 เท่า มี Upside อีกกว่า 57% และคาดหวัง Div Yields ได้กว่า 7% ทั้งนี้ NER จะประกาศผลประกอบการวันที่ 8 พฤศจิกายน 2565
ด้านนายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NER เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า ธุรกิจของบริษัทยังมีโอกาสที่จะเติบโตต่อเนื่อง อุตสาหกรรมยางพารามีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น หากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนมีโอกาสคลี่คลาย รวมไปถึงประเทศจีนที่มีโอกาสคลายล็อกดาวน์มากขึ้น ดังนั้นมองว่าราคายางแผ่นรมควันมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นถึงระดับ 60 บาทต่อกิโลกรัม จากปัจจุบันที่ประมาณ 52 บาทต่อกิโลกรัม ทั้งนี้ราคายางพารามีการปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 10% ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา จากก่อนหน้านี้ที่ปรับตัวลดลงไปถึงระดับ 45 บาทต่อกิโลกรัม
ทั้งนี้บริษัทยังคงเป้าหมายยอดขายปีนี้ที่ 460,000 ตัน และรายได้ 28,000 ล้านบาท พร้อมกับเน้นการจำหน่ายสินค้าปลายน้ำเนื่องจากเป็นสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง โดยอยู่ระหว่างการพัฒนาสินค้า คาดว่าจะเปิดตัวได้ในช่วงต้นปี 2566