รัฐเซาท์ ดาโคต้า (South Dakota) ตั้งอยู่ในแถบ Midwest หรือบริเวณเขตตอนกลางส่วนบนของประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นรัฐที่มีพื้นที่กว้างขวาง แต่ประชากรอาศัยอยู่เบาบาง ภูมิทัศน์ส่วนมากของรัฐจะเป็นทุ่งหญ้าเสียส่วนใหญ่ ในรัฐเซาท์ ดาโคต้า มีสถานที่ท่องเที่ยวอิงหลักประวัติศาสตร์อยู่มากมายหนึ่งในสถานที่ที่ผู้เขียนจะขอแนะนำให้รู้จัก มีชื่อว่า “Crazy Horse Memorial” เป็นสถานที่ที่ไม่ค่อยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามเสียเท่าไหร่ และเหมือนน้อยคนนักที่จะสามารถเดินทางมาในที่แห่งนี้ได้ เนื่องจากต้องใช้เวลาขับรถเป็นเวลานาน อ้างอิงจากการเดินทางจากสนามบินที่ใกล้ที่สุด ที่มีชื่อว่าสนามบิน Idaho Falls Regional จนมาถึง Crazy Horse ต้องใช้เวลาในการขับรถถึง 10 ชั่วโมง รวมเป็นระยะทางถึง 922 กิโลเมตร เพื่อมายังสถานที่ไกลปืนเที่ยงแห่งนี้Crazy Horse คือฉายาของแม่ทัพเผ่าชนพื้นเมือง (เผ่าอินเดียนแดง) ที่เติบโตมาจากครอบครัวของหมอยาพื้นบ้าน ในปี ค.ศ. 1876 เขาที่ได้ต่อสู้กับทหารสหรัฐอเมริกา จากการถูกไล่ล่าอาณานิคมอย่างกล้าหาญร่วมกับหัวหน้าเผ่าที่มีฉายาว่า Sitting Bull แต่สุดท้ายในปี ค.ศ. 1877 Crazy Horse ก็ยอมมอบตัว และหลังจากนั้น 5 เดือน เขาก็ถูกลอบสังหารในช่วงเที่ยงคืนด้วยฝีมือทหารอเมริกานายหนึ่งด้วยความที่ Crazy Horse เป็นชายหนุ่มที่มีความหยิ่งทะนง รักศักดิ์ศรี รักพวกพ้อง และกล้าหาญบ้าบิ่น เมื่อเขาได้นำทัพปะทะสงครามกับทหารสหรัฐอเมริกาที่เรียกว่า Battle of the Little Bighorn ชื่อเสียงของเขาจึงขจรไปไกลเป็นที่จดจำในหน้าประวัติศาสตร์แถบ Midwest ดังนั้น นายKorczak Ziolkowski นักแกะสลักชื่อดัง ที่มีถิ่นกำเนิดจาก บอสตัน แมสซาชูเซตส์ จึงมีไอเดียที่จะปั้นรูปปั้นของ Crazy Horse ไว้บนภูเขา Black Hillsในรัฐเซาท์ ดาโคต้า เพื่อสดุดีวีรบุรุษผู้กล้าที่ยืนหยัดในความถูกต้อง และให้เกียรติแด่ชนพื้นเมืองทุกคนในอเมริกาเหนือความพิเศษของสถานที่แห่งนี้คือ Crazy Horse เป็นภูเขาแกะสลักที่ใหญ่ที่สุดในโลก และอยู่ในระหว่างการพิจารณาให้เป็น หนึ่งในแปดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก (The Eighth Wonder Of The World) ภูเขาแกะสลัก Crazy Horse แท้จริงแล้วเป็นรูปของ Crazy Horse นั่งบนม้า และกำลังยกแขนซ้ายชี้นิ้วไปข้างหน้า จากการได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ พบว่าการแกะสลักรูปปั้นขนาดใหญ่เท่าภูเขาขนาดนี้ (ขนาด172 ม. x 195 ม.) เริ่มขึ้นตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1948 เนื่องจากเป็นโครงการส่วนตัวจึงทำให้ต้องใช้เงินมหาศาล เพราะการแกะสลักต้องใช้การระเบิดหินด้วยไดนาไมต์เข้าช่วย การไม่มีเงินทุนมาต่อยอด จึงทำให้โครงการยืดเยื้อมาถึงทุกวันนี้ รวม ๆ แล้วเป็นระยะเวลา 72 ปี และเจ้าหน้าที่ยังบอกอีกว่า ภูเขาแกะสลัก Crazy Horse อาจสร้างไม่เสร็จถึงรุ่นเหลนของคุณด้วยซ้ำ ฟังแล้วแอบสลดใจจริง ๆ ค่ะหลังจากได้ถ่ายรูปภูเขา และพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ ก็ถึงเวลาเดินชมพิพิธภัณฑ์ ภายในมีการแสดงภาพเขียนของบุคคลสำคัญของเผ่าชนพื้นเมือง มีนิทรรศการจำลองที่อยู่อาศัย ของเล่นของเด็ก ๆ การแต่งกายของชนเผ่า รวมไปถึงการขายของประดิษฐ์ต่าง ๆ เพื่อนำรายได้ไปแกะสลักภูเขา Crazy Horse สืบทอดเจตนารมณ์ของ ศิลปิน Korczak Ziolkowski ต่อไปสำหรับค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ของที่นี่จะแปลกจากที่อื่นอยู่บ้าง โดยคิดค่าเข้าชมจากจำนวนคน และยานพาหนะที่ใช้เดินทาง รถยนต์ที่มีผู้โดยสาร 3 คนขึ้นไป มีราคาอยู่ที่ 930 บาทรถยนต์ที่มีผู้โดยสาร 2 คน มีราคาอยู่ที่ 744 บาทรถยนต์ที่มีผู้โดยสาร 1 คน มีราคาอยู่ที่ 372 บาทรถจักรยานยนต์ รถจักรยาน และคนเดินเท้า มีราคาอยู่ที่ 217 บาท/คนPhotos by : Writer