นักวิชาการ จี้รัฐผ่อนปรนจัดกิจกรรม กระตุ้นใช้จ่าย-ท่องเที่ยว ชี้สงกรานต์ตัวชี้วัดศก.เริ่มฟื้น
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า จากการที่รัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการต่างๆ อาทิ โครงการ “เราชนะ” “คนละครึ่ง” “เรารักกัน” ซึ่งจะมีเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจกว่าแสนล้านบาท นั้นจะมีผลต่อการขยายตัวจีดีพี 0.5% และทำให้ทั้งไตรมาสแรก 2564 จีดีพีติดลบน้อยแค่ 1-2% จากช่วงเดียวกันปีก่อนลบกว่า 4.2% และการต่อเนื่องโครงการในไตรมาส 2/2564 ทำให้จีดีพีบวกอีก 1-2% ส่งผลต่อการขยายตัวจีดีพี 6 เดือนแรกปีนี้ได้ 0-1% ทั้งนี้ เพื่อให้จีดีพีครึ่งปีหลังขยายตัวได้ 5.5% ซึ่งจะส่งผลต่อการขยายตัวของจีดีพีทั้งปี 2564 บวก 3-3.5% ได้นั้น รัฐบาลควรต่อมาตรการต่างๆที่ทำอยู่ที่จะมีเงินเข้าระบบเศรษฐกิจ1-2แสนล้านบาทต่อไตรมาส และเพิ่มเติมกระตุ้นการท่องเที่ยวผ่านโครงการเติมเงินหรือลดค่าใช้จ่าย เช่น การลดค่าตั๋วสายการบินเพื่อให้คนไทยเดินทางเที่ยวได้ไกลข้ามภาคมากขึ้น และการเร่งกระจายวัคซีนและเปิดให้เอกชนหรือกลุ่มที่มีความพร้อมฉีดวัคซีนได้เอง และการเปิดประเทศได้ตามที่กำหนดในไตรมาส4/2564 จะเป็นตัวเลขการฟื้นของเศรษฐกิจ และหากไม่มีเหตุการณ์อะไรรุนแรงการฟื้นตัวก่อนโควิด-19 ระบาดจะกลับมาได้ในไตรมาส 2/2565
นายธนวรรธน์ กล่าวต่อว่าในระยะ 6 เดือนจากนี้ รัฐยังต้องสนับสนุนการใช้จ่ายและจัดกิจกรรม เพื่อดูจากสำรวจกำลังซื้อประชาชนในอนาคต ระบุว่า ยังใช้จ่ายน้อยกว่าเดือนธันวาคมปีก่อน โดยเริ่มจาก รัฐควรสนับสนุนการจัดกิจกรรมสงกรานต์ การกระตุ้นการท่องเที่ยว เร่งใช้พาสปอร์ตวัคซีน เร่งใช้งบประมาณองค์กรส่วนท้องถิ่นที่มีงบประมาณ 1 แสนล้านบาทในการจัดประชุมหรือสัมมนา โดยเฉพาะในวันธรรมดา ที่ตอนนี้มียอดเข้าพักและใช้บริการตามโรงแรมหรือแหล่งเที่ยวเพียง 30% เท่านั้นต่ำกว่าวันหยุด วันเสาร์หรืออาทิตย์ ที่เกิน 50% ที่สำคัญรัฐต้องประกาศแผนการกระจายวัคซีนและไทม์ไลน์ในการบริหารจัดการเพื่อเปิดรับประเทศ เพื่อให้ทุกฝ่ายได้เตรียมพร้อม ซึ่งหากเปิดได้ตามกำหนดคาดจะมีนักท่องเที่ยวเข้าไทยในไตรมาส4ปีนี้ 4-6 ล้านคน หรือเฉลี่ยเดือนละ 1-2 ล้านคน เรื่องการฉีดวัคซีน น่าจะทำอย่างที่หลายประเทศเริ่มทำเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและสร้างความมั่นใจในการเดินทาง คือ การฉีดหน้าด่าน ณ จุดสนามบิน ก่อนขึ้นเครื่องเพื่อไปพักผ่อนในสถานที่ภายในประเทศ เพิ่มเติมจากบุคคลากรด้านท่องเที่ยวแล้ว เมื่อต่างชาติได้รับรู้เมื่อเปิดประเทศ ก็จะมั่นใจการเดินทางมาไทย และไทยก็มั่นใจว่าประเทศที่ฉีดวัคซีนก่อนเดินทาง ไปพร้อมกัน
” หากรัฐปล่อยการจัดกิจกรรมสงกรานต์ เปิดให้เล่นน้ำประแป้ง แต่อยู่ในมาตรการระมัดระวัง สวมหน้ากากอนามัยในการสาดน้ำ สาดกันเบาๆ ประแป้งบนหน้ากาก การสังสรรค์กินดื่มได้ปกติ และเวลาได้มากขึ้น เพื่อให้เกิดการใช้จ่ายและเดินทางในช่วงสงกรานต์ ซึ่งปีนี้หยุดยาวต่อเนื่องหลายวัน ดังนั้น สงกรานต์ปีนี้ ควรมีเงินสะพัด 1.3-1.5 แสนล้านบาท สูงกว่าปีก่อนที่สะพัด 1.4 แสนล้านบาท จึงจะเป็นตัวชี้วัดว่ากำลังซื้อและเศรษฐกิจเริ่มฟื้นจริงแล้ว “นายธนวรรธน์ กล่าว