10 แนวทางดูแลห้องส้วมในบ้าน ช่วงมีฝนตกหนัก ระดับน้ำท่วมสูง อ่านเลย! เขียนโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล นอกจากในทุกๆ วันเราต้องดูแลร่างกายของเราแล้ว สิ่งแวดล้อมภายในบ้านเราก็ต้องฝึกสะสางและจัดการค่ะ โดยห้องส้วมในบ้านเป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญที่เราต้องดูแล ซึ่งหลายคนยังมองภาพไม่ออกว่าจะต้องเริ่มทำอะไรบ้าง โดยเฉพาะในช่วงที่ประเทศไทยของเรามีฝนตกลงมาอย่างหนัก ที่ในบางพื้นที่ก็หนักมากๆ จนทำให้มีน้ำท่วมขังห้องน้ำ จนทำให้หลายคนเริ่มมีความเครียดและกังวลใจในการใช้ชีวิตประจำวัน ในช่วงที่มีระดับน้ำสูงและห้องน้ำมีความชื้นเยอะ ที่มาพร้อมกับความสกปรกด้วยในบางบ้าน ซึ่งคุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า การดูแลห้องน้ำห้องส้วมจะคล้ายการดูแลร่างกายของคนเรา โดยประโยคนี้ผู้เขียนหมายความว่า เวลาปกติกับเวลาฉุกเฉิน การดูแลจะต่างกันค่ะ โดยที่ห้องส้วมในยามปกติเราจะดูแลในเรื่องของความสะอาดพื้นฐานเป็นหลักเท่านั้น ถูกต้องไหมคะ? แต่ในช่วงที่มีฝนตกหนักจะไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย ถ้าจะพูดว่าต่างกันอย่างมาก ก็คงจะไม่ผิดค่ะ ซึ่งความต่างในการดูแลส้วมในช่วงมีฝนตกมาเยอะต้องทำอะไรบ้างนั้น ในบทความนี้มีคำตอบมาให้แล้วนะคะ และถ้าอยากรู้แล้ว งั้นเรามาอ่านต่อกันเลยดีกว่า ดังนี้ 1. ทำความสะอาดท่อระบายน้ำอย่างสม่ำเสมอ คุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า ในช่วงที่ฝนกระหน่ำหนักจนน้ำใต้ดินสูงนั้น สิ่งหนึ่งที่ต้องรีบจัดการในห้องน้ำเลย คือ การดูแลท่อระบายน้ำให้สะอาดอยู่เสมอค่ะ ลองนึกภาพดูว่าถ้าท่อระบายน้ำตันไปด้วยเส้นผม คราบสบู่หรือเศษสิ่งสกปรกต่างๆ พอฝนตกหนักๆ น้ำก็จะระบายไม่ทัน ยิ่งถ้าน้ำใต้ดินสูงด้วยแล้ว น้ำจะดันขึ้นมาตามท่อ ทำให้ห้องน้ำมีน้ำเอ่อขัง หรือบางทีอาจมีกลิ่นเหม็นย้อนกลับขึ้นมาด้วยซ้ำ ง่ายๆ เลยคือให้หมั่นทำความสะอาดรูระบายน้ำทิ้งบ่อยๆ อาจจะใช้มือหยิบเส้นผมออก หรือใช้แปรงเล็กๆ ขัดคราบสกปรกที่เกาะตามซี่ตะแกรง ถ้าท่อตันหนักๆ ลองใช้น้ำยาละลายท่อตันชนิดอ่อนโยน หรือลองใช้น้ำร้อนผสมเบกกิ้งโซดาและน้ำส้มสายชูเทลงไปทิ้งไว้สักพักแล้วราดน้ำตาม แค่นี้ก็จะช่วยให้น้ำไหลสะดวกขึ้นเยอะ ลดปัญหาห้องน้ำท่วมขังและกลิ่นไม่พึงประสงค์ในช่วงหน้าฝนได้ค่ะ 2. ตรวจสอบระดับน้ำในชักโครกและบ่อเกรอะ การตรวจสอบระดับน้ำในชักโครกและบ่อเกรอะของบ้านเราเป็นเรื่องสำคัญมากๆ ค่ะ ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะว่าระบบบ่อเกรอะหรือถังบำบัดน้ำเสียใต้ดินของเรา อาจได้รับผลกระทบจากแรงดันน้ำใต้ดินที่สูงขึ้น ทำให้น้ำในบ่อเกรอะเอ่อสูงกว่าปกติ พอเรากดชักโครก น้ำเลยระบายลงได้ช้าหรือไม่ระบายเลย บางทีอาจมีกลิ่นเหม็นย้อนกลับขึ้นมาด้วย โดยให้ลองสังเกตง่ายๆ ว่าหลังจากกดชักโครกแล้ว น้ำไหลลงช้าผิดปกติไหม หรือน้ำในโถชักโครกสูงค้างอยู่ตลอดหรือเปล่า ถ้าพบอาการแบบนี้แสดงว่าบ่อเกรอะอาจมีปัญหาเนื่องจากน้ำใต้ดินสูงนะคะ ทางที่ดีควรงดใช้ชักโครกบ่อยๆ ชั่วคราว และถ้าปัญหายังคงอยู่หลังจากฝนหยุดตกแล้ว อาจจะต้องเรียกช่างผู้เชี่ยวชาญมาช่วยตรวจสอบ เพื่อป้องกันปัญหาหนักกว่าเดิมตามมาค่ะ 3. เตรียมกระสอบทรายกั้น ถ้าสถานการณ์ไม่สู้จะดีนัก การเตรียมกระสอบทรายมากั้นบริเวณห้องน้ำก็จำเป็นค่ะ ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายแต่ได้ผลดีมาก เพราะในช่วงที่น้ำท่วมสูงหรือมีน้ำเอ่อขึ้นมาจากท่อระบายน้ำใต้ดิน กระสอบทรายจะทำหน้าที่เป็นเหมือนกำแพงกั้นน้ำไม่ให้ไหลทะลักเข้ามาในห้องน้ำได้โดยตรง ช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับพื้น ผนัง หรือข้าวของในห้องน้ำได้เยอะเลยค่ะ ง่ายๆ เลยคือเตรียมกระสอบทรายไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ถ้าเห็นว่าฝนมาหนักแน่ๆ หรือบ้านเราอยู่ในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมบ่อยๆ ก็จัดเรียงกระสอบทรายวางซ้อนกันเป็นแนวให้สูงพอสมควรบริเวณหน้าประตูห้องน้ำ หรือตามจุดที่น้ำอาจจะซึมเข้ามาได้ แค่นี้ก็ช่วยให้ห้องน้ำเราปลอดภัยจากน้ำท่วมขังในช่วงหน้าฝนได้เยอะแล้วล่ะค่ะ 4. จัดเตรียมส้วมเฉพาะกิจ (ในกรณีฉุกเฉิน) ในยามที่ฝนกระหน่ำหนักจนน้ำท่วมสูงจนระบบส้วมปกติของเราใช้การไม่ได้ การจัดเตรียมส้วมเฉพาะกิจไว้ล่วงหน้า เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในสถานการณ์ฉุกเฉินค่ะ เพราะว่าการขับถ่ายเป็นสิ่งที่เราทุกคนต้องทำเป็นประจำ หากระบบส้วมใช้งานไม่ได้ขึ้นมาจริงๆ จะเป็นปัญหาใหญ่มาก ทั้งเรื่องสุขอนามัยและกลิ่นไม่พึงประสงค์ การมีส้วมสำรองจะช่วยให้เราสามารถจัดการเรื่องส่วนตัวได้อย่างถูกสุขลักษณะ และยังช่วยป้องกันการแพร่กระจายของสิ่งปฏิกูลได้อีกด้วย วิธีการคือให้เตรียมถังพลาสติกที่มีฝาปิดมิดชิด เช่น ถังสี หรือถังขยะใบใหญ่หน่อย แล้วนำถุงพลาสติกสีดำขนาดใหญ่มาสวมรองไว้ด้านในถัง หลังจากการขับถ่ายทุกครั้ง ให้โรยปูนขาวหรือขี้เถ้าทับลงไปเล็กน้อย เพื่อช่วยดับกลิ่นและฆ่าเชื้อ จากนั้นก็ปิดฝาถังให้สนิท เมื่อน้ำลดลงแล้ว ก็ค่อยนำถุงดำที่ใช้แล้วไปทิ้งในที่ที่จัดเตรียมไว้สำหรับการกำจัดขยะอันตราย แค่นี้ก็จะช่วยให้เราผ่านพ้นสถานการณ์ยากลำบากนี้ไปได้อย่างถูกสุขลักษณะค่ะ 5. ใช้จุลินทรีย์บำบัดน้ำเสีย หลายคนยังไม่รู้ว่า เวลาที่ฝนตกหนักจนน้ำใต้ดินสูงและมีน้ำท่วมเข้ามาในห้องน้ำ ปัญหาที่ตามมาบ่อยๆ คือกลิ่นเหม็นอับและน้ำสกปรกขังนะคะ ซึ่งการใช้จุลินทรีย์บำบัดน้ำเสีย จะเป็นตัวช่วยที่ดีมากในตอนนั้นถ้าต้องการ เพราะเจ้าจุลินทรีย์มีคุณสมบัติพิเศษในการย่อยสลายสิ่งปฏิกูล สารอินทรีย์ และลดกลิ่นเหม็นในน้ำได้ พอเราใส่ลงไปในน้ำที่ท่วมขังหรือบริเวณที่เหม็นอับ จุลินทรีย์ก็จะเริ่มทำงานทันที ช่วยให้น้ำสะอาดขึ้น และกลิ่นไม่พึงประสงค์ก็ลดลงไปอย่างเห็นได้ชัด เพียงแค่นำจุลินทรีย์บำบัดน้ำเสียที่หาซื้อได้ทั่วไป มาใส่ลงไปในน้ำที่ท่วมขังในห้องน้ำหรือเทลงในท่อระบายน้ำตามปริมาณที่ระบุไว้ข้างผลิตภัณฑ์ได้เลย เพียงเท่านี้ห้องน้ำของเราก็จะกลับมาสะอาดและไม่มีกลิ่นกวนใจ แม้ในวันที่ฝนตกหนักแค่ไหนก็ตามค่ะ 6. ฆ่าเชื้อโรคและทำความสะอาดอย่างทั่วถึง สิ่งสำคัญที่สุดที่เราต้องทำหลังน้ำลดหรือเมื่อน้ำเริ่มแห้ง คือ การฆ่าเชื้อโรคและทำความสะอาดอย่างทั่วถึงค่ะ เพราะน้ำท่วมไม่ได้มาแค่น้ำเปล่าๆ แต่ยังพัดพาเอาสิ่งสกปรกต่างๆ มาเต็มไปหมด ซึ่งสามารถก่อให้ความเจ็บป่วยได้ หรือทำให้ห้องน้ำมีกลิ่นเหม็นอับและเป็นแหล่งสะสมของสิ่งปนเปื้อนได้ อันดับแรกเลยคือสวมอุปกรณ์ป้องกันให้พร้อม เช่น ถุงมือยาง หน้ากากอนามัย และรองเท้าบูท จากนั้นก็เริ่มขัดล้างทำความสะอาดทุกซอกทุกมุม ทั้งพื้น ผนัง สุขภัณฑ์ ด้วยน้ำยาทำความสะอาดที่มีฤทธิ์ในการทำความสะอาด ให้เน้นบริเวณที่มีคราบสกปรกหรือคราบน้ำท่วมเป็นพิเศษ เมื่อขัดล้างเสร็จแล้ว ก็ใช้น้ำสะอาดล้างออกให้หมดจด และพยายามทำให้ห้องน้ำแห้งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แค่นี้ห้องน้ำของเราก็จะกลับมาสะอาดและพร้อมใช้งานได้เหมือนเดิมแล้วค่ะ 7. ระบายอากาศและลดความชื้น พอฝนตกหนักจนห้องน้ำมีน้ำขังหรือมีความชื้นสูง สิ่งสำคัญที่ต้องรีบทำคือการระบายอากาศและลดความชื้นค่ะ ลองนึกภาพดูว่าถ้าห้องน้ำเปียกชื้นตลอดเวลา จะเป็นแหล่งเพาะเชื้อจุลินทรีย์ชั้นดีเลย แถมยังทำให้เกิดกลิ่นอับชื้นไม่พึงประสงค์อีกด้วย ซึ่งการระบายอากาศและลดความชื้น ให้เริ่มจากการเปิดประตูหน้าต่างห้องน้ำให้กว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้ และปล่อยให้ลมพัดผ่านเข้ามาเพื่อระบายอากาศและความชื้นออกไป ถ้าไม่มีหน้าต่างก็ให้ใช้พัดลมช่วยเป่าให้ห้องน้ำแห้งเร็วขึ้นได้ หรือถ้ามีเครื่องดูดอากาศก็เปิดใช้งานได้เลยค่ะ การทำแบบนี้จะช่วยให้ห้องน้ำแห้งสนิท ลดปัญหาเชื้อรา กลิ่นอับ และทำให้ห้องน้ำน่าใช้งานมากขึ้น แม้จะเพิ่งผ่านพ้นช่วงที่ฝนตกหนักมาก็ตาม 8. ป้องกันสัตว์มีพิษ รู้ไหมคะว่า ในช่วงที่ฝนตกหนักและน้ำท่วมสูง สัตว์มีพิษหลายชนิด เช่น งู ตะขาบ หรือแมงป่อง มักจะหนีน้ำเข้ามาหลบภัยในที่แห้งๆ ในบ้านของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในห้องน้ำที่มักจะมีซอกหลืบและมีความชื้น ซึ่งเป็นที่ที่สัตว์มีพิษชอบซ่อนตัวอยู่ เพราะฉะนั้นการป้องกันสัตว์มีพิษไม่ให้เข้ามาในห้องน้ำจึงสำคัญมากๆ เพราะสัตว์เหล่านี้อาจก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้หากเราเผลอไปสัมผัสหรือโดนกัดต่อย ดังนั้นก่อนจะเข้าไปทำธุระในห้องน้ำ ควรเปิดไฟและมองสำรวจให้ทั่วทุกซอกทุกมุม โดยเฉพาะตามพื้น ใต้สุขภัณฑ์ หรือในท่อระบายน้ำ ลองใช้ไม้หรือร่มเขี่ยๆ ดูก่อนก็ได้ ถ้าเจอสัตว์มีพิษก็อย่าเข้าใกล้เด็ดขาด พยายามหาอุปกรณ์มาจับหรือถ้าเกินความสามารถให้เรียกผู้เชี่ยวชาญมาจัดการให้ เพื่อความปลอดภัยของทุกคนในบ้านค่ะ 9. ระวังการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้า สิ่งสำคัญที่เราต้องจำให้ขึ้นใจ คือ การระวังการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดในบริเวณห้องน้ำห้องส้วมค่ะ เพราะน้ำเป็นตัวนำไฟฟ้าที่ดีมาก ถ้าเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น ไดร์เป่าผม เครื่องทำน้ำอุ่น หรือแม้แต่ปลั๊กไฟ ถูกน้ำท่วมหรือเปียกชื้น สามารถทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรได้ หรือที่แย่กว่านั้นคืออาจทำให้เกิดไฟดูดที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้เลยนะคะ การป้องกันนั้นสิ่งแรกที่ต้องทำ คือ รีบตัดกระแสไฟฟ้าในส่วนที่เกี่ยวข้องกับห้องน้ำทันทีค่ะ ถ้าเป็นไปได้ก็ปิดเบรกเกอร์ของบ้านไปเลยจะยิ่งปลอดภัยที่สุด จากนั้นไม่ควรใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าใดๆ ในห้องน้ำจนกว่าห้องน้ำจะแห้งสนิท และเรามั่นใจว่าไม่มีความเสี่ยงจากไฟฟ้าแล้วจริงๆ การระมัดระวังเรื่องไฟฟ้าในสถานการณ์แบบนี้คือหัวใจสำคัญเพื่อความปลอดภัยของทุกคนในบ้านค่ะ 10. ซ่อมแซมจุดรั่วซึม ไม่ว่าจะเป็นรอยรั่วเล็กๆ ตามท่อระบายน้ำ หรือตามรอยต่อต่างๆ ที่เราอาจจะมองข้ามไปในช่วงเวลาปกติ มักจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ทันทีเมื่อมีน้ำท่วมขังหรือน้ำใต้ดินสูงขึ้นนะคะ เพราะน้ำจะหาทางซึมเข้ามาตามรอยรั่วเหล่านั้น ทำให้ห้องน้ำเปียกชื้น มีน้ำขัง หรือบางทีอาจจะทำให้โครงสร้างของบ้านเสียหายได้ในระยะยาวอีกด้วย วิธีการคือให้สำรวจตรวจสอบท่อระบายน้ำ ก๊อกน้ำ หรือบริเวณที่เคยมีน้ำหยดน้ำซึมบ่อยๆ อย่างละเอียด หากพบรอยแตก รอยร้าว หรือจุดที่น้ำซึมออกมาได้ ก็รีบหาทางอุดซ่อมแซมทันที ไม่ว่าจะเป็นการใช้กาวกันซึม ซิลิโคนยาแนว หรือถ้าเป็นท่อแตกก็อาจจะต้องเรียกช่างมาเปลี่ยนหรือซ่อมแซมให้ถูกต้อง การทำแบบนี้จะช่วยป้องกันปัญหาน้ำซึมเข้าห้องน้ำ และลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในช่วงที่ฝนตกหนักๆ ได้อย่างยั่งยืนค่ะ และทั้งหมดนั้นคือแนวทางสำหรับนำไปดูแลห้องน้ำห้องส้วมที่บ้านของเรา ในช่วงที่มีฝนตกหนัก น้ำใต้ดินสูง ที่ในบางพื้นที่ก็เกิดปัญหาน้ำท่วมขังตามมา จะเห็นได้ว่าแนวทางข้างต้นที่ผู้เขียนได้พูดถึงเอาไว้นั้น บางแนวทางเหมาะกับช่วงที่ปัญหาไม่ได้รุนแรงมาก และบางแนวทางเป็นในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น ดังนั้นเราต้องประเมินสถานการณ์ของตัวเราก่อนนะคะว่า ต้องได้เตรียมกระสอบทรายไหม หรือแค่เฝ้าระวังด้วยการสังเกตก็พอ โดยที่นี่สำหรับผู้เขียนทำในส่วนของการทำความสะอาดทั่วไป สังเกตระดับในชักโครกและที่ถังเกรอะเป็นหลักค่ะ ยังไม่ถึงขนาดต้องเตรียมกระสอบทราย เพราะที่นี่ไม่ได้มีน้ำท่วมเป็นปกติค่ะ จะว่าไม่เคยเจอน้ำท่วมเลยตั้งแต่เกิดก็ได้ แต่ยังไงก็ตามหากฉุกเฉินขึ้นมา แนวทางในนี้ก็เป็นสิ่งที่ผู้เขียนต้องนำมาใช้เหมือนกัน ยังไงนั้นคุณผู้อ่านลองอ่านทำความเข้าใจอีกสักรอบก่อนก็ได้นะคะ จากนั้นก็ให้นำวิธีการในนี้ไปจับกับสถานการณ์จริง เพียงเท่านี้ก็จะทำให้เรามองภาพออกมากขึ้นแล้วว่า จะต้องจัดการห้องน้ำห้องส้วมในช่วงที่มีระดับน้ำสูงกว่าปกติยังไง ด้วยความตั้งใจ ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากสนใจเนื้อหาเช่นนี้อีก อย่าลืมกดติดตามหรือบุ๊กมาร์กโปรไฟล์ไว้ เพื่อรับข้อมูลใหม่ๆ ในบทความต่อไปค่ะ เครดิตรูปภาพประกอบบทความ รูปภาพทำหน้าปก โดย Photo By: Kaboompics.com จาก Pexels และออกแบบหน้าปกโดยผู้เขียน ใน Canva รูปภาพประกอบเนื้อหา: ภาพที่ 1,4 โดยผู้เขียน, ภาพที่ 2 โดย Photo By: Kaboompics.com จาก Pexels และภาพที่ 3 โดย Alexander F Ungerer จาก Pexels เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การบำบัดน้ำเสียและกำจัดสิ่งปฏิกูล 10 วิธีกำจัดกลิ่นเหม็นไม่พึงประสงค์ ในห้องน้ำ-ห้องส้วม ผลกระทบจากภาวะน้ำท่วม ในสิ่งแวดล้อม และส่งผลกระทบต่อคน ทริคซ่อมท่อรับน้ำทิ้ง ทรงกระปุก อุดตันน้ำไหลช้า แก้ไขได้เอง เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !