แม่ค้าบ่นระงม! ของแพงทั้งแผ่นดิน 'เพชร' บี้ รบ.ส่งตัวแทนเดินตลาด ฟังความเดือดร้อนปชช.
ข่าววันนี้ 11 มกราคม นายกรุณพล เทียนสุวรรณ ผู้สมัครเลือกตั้งซ่อมส.ส.กทม. เขตหลักสี่-จตุจักร หมายเลข 6 พรรคก้าวไกล พร้อมด้วย นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก.ก. เดินตลาดพงษ์เพชร และตลาดท่าทราย เพื่อแนะนำตัวต่อพี่น้องประชาชน รวมถึงรับฟังปัญหาของพ่อค้าแม่ค้าในตลาด บรรยากาศตลอดการเดินตลาดทั้งสองแห่ง มีพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนส่วนใหญ่ฝากสะท้อนถึงปัญหาสินค้าซึ่งเกือบทุกชนิดมีราคาแพงขึ้น
นายกรุณพล กล่าวว่า แพงทั้งแผ่นดินจริงๆ ส่วนใหญ่บ่นว่าของแพงขึ้นทุกอย่าง แม่ค้าบอกว่าส่งผลทำให้ยอดขายตกลงมาก เพราะคนที่มาเดินก็ลำบาก รายได้ยังเท่าเดิมหรือน้อยลงช่วงโควิด จึงค่อนข้างระมัดระวังในการจับจ่าย ปัญหากำลังซื้อของประชาชน คือเรื่องเศรษฐกิจที่ทีมของเรากับพรรคนำปัญหาไปแลกเปลี่ยนกันทุกวันเพื่อจัดทำเป็นข้อเสนอทางนโยบายและให้คำแนะนำต่อภาครัฐ เพราะเป็นเรื่องเร่งด่วนที่พี่น้องประชาชนต้องการความชัดเจนในการแก้ปัญหา แต่จากการติดตามข่าว เรายังไม่เห็นมาตรการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่เป็นรูปธรรมออกมา มีแต่บอกว่าถ้าสิ่งนั้นแพงก็เลี่ยงไปซื้ออย่างอื่น หมูแพงก็ไปซื้อไก่เป็นต้น ซึ่งอะไรแบบนี้เป็นเรื่องที่ประชาชนเขาทำของเขาเองอยู่แล้วไม่ต้องรอให้รัฐบาลมาบอกก็ได้
สิ่งที่ประชาชนเจอจริงๆ คือ หมูแพง และอย่างอื่นก็แพงตามมาด้วย ไม่ว่า เนื้อไก่ ราคาไข่ หรืออื่นๆ เขาอยากรู้ว่ารัฐบาลจะช่วยทำให้รายได้เขามากขึ้นหรือช่วยเหลือค่าครองชีพเขาอย่างไร หรือว่าเสียงของประชาชนไม่ดังพอที่รัฐบาลจะรับฟังจึงไม่มีมาตรการชัดเจนออกมาเลย ตนอยากให้ตัวแทนของรัฐบาลลองมาเดินตลาดมาเพื่อฟังความทุกข์ร้อนของพี่น้องประชาชนในขณะนี้ดูบ้าง เพราะการแก้ปัญหาช้าไปเพียงหนึ่งวันก็สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนขึ้นอีกหนึ่งวัน การทำงานต้องรวดเร็ว ของแพงเป็นปัญหาระดับชาติกระทบกับทุกชีวิต เป็นเรื่องที่ต้องเร่งแก้ไขไม่ใช่ผลักภาระไปให้ประชาชนหาวิธีแก้ปัญหาไปหาสินค้าทดแทนเอาเอง คงมีแต่ผู้นำที่ไร้วิสัยทัศน์เท่านั้นที่เอ่ยปากทีไรก็ผลักภาระการแก้ปัญหาไปให้ประชาชน
จากนั้น นายกรุณพล ได้พาสื่อมวลชนไปดูจุดที่สายไฟและสายสื่อสารต่างๆ ขดรวมกัน จนมีการเสียดสีและชำรุดทำให้เกิดเพลิง ส่งผลให้ไฟดับเมื่อคืนวันที่ 9 มกราคม ที่ผ่านมา พร้อมอธิบายว่า สายไฟและสายสื่อสารต่างๆเป็นปัญหาของประเทศไทยมานาน ปัญหาดังกล่าวเคยมีแจ้งการไฟฟ้า และ กสทช. ไปแล้วตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนว่าเห็นประกายไฟ ให้เคลื่อนย้ายสายเหล่านี้ออกโดยเร็ว แต่ทั้ง 2 หน่วยงานโยนปัญหากันไปมาจนเกิดเหตุในที่สุด
นายกรุณพล กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นทั้งปัญหาเชิงโครงสร้างของระบบราชการที่ยังคิดและทำงานแบบแยกส่วน ถ้าอยากให้แก้ปัญหาได้ รัฐบาลต้องเอาหน่วยงานต่างๆ มาคุยกัน ไม่ว่าจะเป็น กทม.ในฐานะผู้บริหารกรุงเทพทั้งหมด การไฟฟ้าเป็นเจ้าของเสา มีรายได้จากการให้พาดสายสื่อสาร หรือ กสทช.ในฐานะผู้กำกับดูแลการสื่อสารโทรคมนาคม แต่เราจะเห็นการโบ้ยกันไปมาระหว่างหน่วยงานมาตลอด กสทช. แจ้งว่าจะนำสายไฟลงใต้ดินภายในปีนี้ แต่ประชาชนบอกว่าเป็นนโยบายปีนี้ก็จริง แต่ปฏิบัติเมื่อไหร่ไม่รู้ พอเกิดไฟไหม้ก็ไม่สามารถเรียกร้องความรับผิดชอบจากใครได้ การทำงานของหน่วยงานรัฐก็เชื่องช้า สับสน และโยนงานไปมาเหมือนไม่อยากรับผิดชอบ
“ต้องเอาสายไฟลงดินๆ ผมได้ยินพูดกันทุกปี แต่ 7 ปีของรัฐบาลประยุทธ์ที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จ เรื่องแค่นี้ก็ไม่สามารถทำได้สำเร็จหรือทำได้ไม่กี่แห่ง ถึงเวลาที่กรุงเทพจะต้องเอาสายไฟฟ้าลงดิน เอาสายสื่อสารลงดิน และเอารัฐบาลชุดนี้ลงดิน เพื่อสร้างความปลอดภัยและคืนทัศนียภาพที่ดีให้ประชาชน เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับทั้งเรื่องงบประมาณและการบริหารจัดการระหว่างหน่วยงานต่างๆของภาครัฐรวมถึง กทม. ซึ่งพรรคก้าวไกล ยืนยันว่าจะส่งผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ด้วย จึงไม่ใช่การตัดสินใจที่ยากเลยในการเลือกทั้ง ส.ส. และผู้ว่า กทม.จากพรรคก้าวไกล เพื่อไปทำงานร่วมกันในการจัดการปัญหาต่างๆ ของ กทม. ทั้งการเป็นปากเสียงจากพื้นที่และการบริหารจัดการแบบบูรณาการที่เอาปัญหาของประชาชนเป็นตัวตั้งในการขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ เพื่อคนกรุงเทพ” นายกรุณพล กล่าว