(ภาพจาก pixabay) ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ในยุคโลกาภิวัตน์ เหตุการณ์ทางเศรษฐกิจ การเมือง สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรม ผลจากการพัฒนาการติดต่อสื่อสาร การคมนาคมขนส่ง และเทคโนโลยีสารสนเทศ อันแสดงให้เห็นถึงการเจริญเติบโตของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ ทำให้เรานั้นสุขสบาย แต่ต้องการแลกด้วยการทำลายทรัพยากรมากมายและสิ่งแวดล้อมเพื่อให้ได้ความความเจริญ และนั้นคือการจุดสนวนให้เกิดการเอาคืนของธรรมชาติของบ้านเราที่เรียกว่า PM2.5 มันน่ากลัวยังไงมารู้จักกับ PM 2.5 คำว่า PM (พีเอ็ม) ย่อมาจาก Particulate Matters (พาร์ทิคิวเลทแมทเทอร์) เป็นคำเรียกค่ามาตรฐานของฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ มีหน่วยวัดคือ ไมครอน หรือไมโครเมตร ด้วยความเล็กเท่าเส้นผมนั้นทำให้ pm2.5แพร่กระจายเข้าสู่ทางเดินหายใจ กระแสเลือด และเข้าสู่อวัยอื่นๆ ซึ่งมีอันตรายต่อเนื้อเยื่อในร่างกาย และส่งผลกระทบต่างๆ ดังนี้ กระตุ้นให้คนที่มีโรคระบบทางเดินหายใจเรื้อรังเกิดอาการกำเริบ เช่น โรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ โรคหอบหืด และโรคถุงลมโป่งพอง กระตุ้นให้คนที่มีโรคระบบหัวใจและหลอดเลือดเรื้อรังเกิดอาการกำเริบ โดยเฉพาะโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด สำหรับผลระยะยาวจะทำให้การทำงานของปอดถดถอย อาจเกิดโรคถุงลมโป่งพองได้ แม้ว่าคุณจะไม่สูบบุหรี่ก็ตาม และเพิ่มโอกาสทำให้เกิดมะเร็งปอดได้อีกด้วย (ภาพจากpixabay) สาเหตุที่ทำให้เกิด PM2.5 แน่นอนว่าคงต้องบอกว่าเป็นฝีมือของเราอีกแล้ว เพราะว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดpm2.5 คือการเผาในที่โล่ง การคมนาคมขนส่ง การผลิตไฟฟ้า อุตสาหกรรมการผลิต ฝีมือของเราทำให้เกิดการรวมตัวของก๊าซอื่นๆ ในบรรยากาศ โดยเฉพาะซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) และออกไซด์ของไนโตรเจน (NOx) รวมทั้งสารพิษอื่นๆ ที่ล้วนเป็นอันตรายต่อร่างกายมนุษย์ จนกลายเป็นจอมวายร้ายที่เราที่เรียก pm 2.5 (ภาพจาก : pixabay) การป้องกันขั้นพื้นฐาน 1.หน้ากากอนามัยแบบ N95 เป็นหน้ากากอนามัยชนิดที่ช่วยป้องกันการเชื้อโรคที่มีขนาดเล็กมาก ๆ ได้ โดยประสิทธิภาพในการป้องกันจะสูงกว่าหน้ากากอนามัยแบบทั่วไป เนื่องจากลักษณะของหน้ากากอนามัยชนิดนี้จะมีลักษณะครอบลงไปที่บริเวณหน้าปากและจมูกอย่างมิดชิดทำให้เชื้อไวรัสหรือสารปนเปื้อนไม่สามารถลอดผ่านได้ 2.ถ้าไม่สามารถหาซื้อหน้ากาก N95 ได้จริง ๆ สามารถใช้หน้ากากอนามัยแบบธรรมดา แล้วนำกระดาษทิชชู่มาซ้อนกัน 2 ชั้น บนหน้ากาก 3.หากต้องอยู่ในพื้นที่ควันรถหรืออุตสาหกรรมแล้วไม่มีหน้ากากn95 ให้ใช้ทิชชู่หรือผ้าปิดไว้ก่อนเพื่อป้องกันไม่เข้าสู่โดยตรง (ภาพโดย:ท้าวอมรินทร์) แน่นอนว่าจะโทษแต่โรงงานอย่างเดียวก็ไม่ใช่เสียเหตุผลเดียวเพราะชาวบ้านอย่างเราก็ยังมีส่วนด้วยไม่ว่าจะเป็นการเผาป่า เผาฟางข้าวจากการเพื่อเป็นการประหยัดง่ายต่อการไถ่ และแน่นอนการเผาป่าก็ยังทำให้เกิด มลพิษทางอากาศ(Air pollution) คือการเกิดฝุ่นละออง โมเลกุลชีวภาพ หรือวัตถุอันตรายชนิดอื่น ๆ จนทำลายชั้นบรรยากาศเป็นระบบแก๊สธรรมชาติที่ซับซ้อนที่จำเป็นต่อชีวิตบนโลก การลดลงของโอโซนในชั้นสตราโทสเฟียร์ มลพิษทางอากาศถือว่าเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพของมนุษย์ รวมถึงระบบนิเวศของโลก (ภาพจาก pixabay) สุดท้ายนี้ผมขอฝากคำพูดไว้ว่า ถึงเวลาหรือยังที่พวกเราต้องรู้จักการยอมรับผลของการกระทำของพวกเราและแก้ไขในสิ่งพวกเราได้กระทำ