เคยเป็นกันไหมคะ เวลาเราทำอะไรพลาดไปสักอย่าง เหมือนโลกหยุดหมุนแล้วป้าย “คนผิดคนนี้” แปะอยู่บนหน้าผากตลอดเวลา? สำหรับอ้อมเอง ตอนแรกเป็นคนที่ยอมรับความผิดพลาดไม่เก่งเอาซะเลย ถ้าพลาดทีไร ก็จะวนอยู่ในลูปของความคิดตัวเองแบบว่า “ทำไมฉันโง่อย่างนี้” หรือ “ไม่น่าเลย ถ้าย้อนเวลากลับไปได้คงดีกว่านี้” จนกลายเป็นการโทษตัวเองซ้ำ ๆ และยิ่งโทษก็ยิ่งรู้สึกแย่เหมือนมีหินก้อนใหญ่ถ่วงอยู่ในใจ วันหนึ่งอ้อมทำพลาดครั้งใหญ่กับงานที่รับผิดชอบ ซึ่งแน่นอนว่าทำให้ทีมต้องเดือดร้อน (แถมเราเองก็แทบร้องไห้ไปแล้วหลายรอบ) ตอนแรกก็หันมาด่าตัวเองก่อนเลย “นี่แกทำอะไรลงไป” แต่หลังจากที่นั่งจ๋อยอยู่พักใหญ่ แล้วเห็นเพื่อน ๆ ช่วยกันแก้สถานการณ์ อ้อมก็เริ่มคิดได้ว่า การนั่งโทษตัวเองมันไม่ช่วยอะไรเลยนอกจากทำให้เราหมดแรง สุดท้ายสิ่งที่อ้อมทำในวันนั้นคือ ลุกขึ้นไปขอโทษทุกคน ยอมรับตรง ๆ ว่าเราพลาด และพร้อมจะช่วยทำทุกอย่างให้มันกลับมาดีที่สุด พอผ่านจุดนั้นไป อ้อมก็รู้สึกได้ถึงความโล่งแบบบอกไม่ถูก มันเหมือนยอมรับความจริงไปแล้วความรู้สึกผิดมันก็เบาลงอย่างน่าประหลาด หลังจากวันนั้น อ้อมก็ได้บทเรียนที่สำคัญมาก ๆ คือ “คนเรามันพลาดกันได้ ไม่มีใครสมบูรณ์แบบหรอก” แต่สิ่งสำคัญคือต้องยอมรับความผิดพลาดของตัวเองให้ได้ก่อน เพราะถ้าเราไม่ยอมรับ เราก็จะเอาแต่โทษตัวเองวนไปไม่จบไม่สิ้น และอีกอย่างคือ การให้อภัยตัวเองมันสำคัญมากค่ะ อ้อมเคยคิดว่าการให้อภัยตัวเองมันเหมือนการปล่อยผ่าน แต่ไม่ใช่เลย มันคือการบอกกับตัวเองว่า “เอาน่า แกก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่ง พลาดได้ เดี๋ยวเราลุกขึ้นไปแก้ไขใหม่ก็ได้” ทุกวันนี้เวลาเจอความผิดพลาด อ้อมมักจะให้เวลากับตัวเองสักพักนะคะ อาจจะเดินออกไปสูดอากาศ หรือนั่งนิ่ง ๆ คิดว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วค่อยกลับมาถามตัวเองว่า “เราทำดีที่สุดแล้วหรือยัง?” ถ้าคำตอบคือใช่ ก็พอแล้วค่ะ ไม่ต้องแบกมันไว้ให้หนักใจอีก ส่วนเรื่องการให้อภัยตัวเอง อ้อมมักจะทำเหมือนให้กำลังใจเพื่อน คือบอกตัวเองว่า “ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวครั้งหน้าก็ทำได้ดีขึ้น” ข้อดีของการยอมรับผิดให้เป็น ทำให้ใจโล่งขึ้น การยอมรับผิดเหมือนการปลดล็อกความรู้สึกผิดที่แบกไว้ในใจนะคะ พอพูดออกมาหรือยอมรับว่า “ใช่ เราพลาดไป” มันเหมือนเราวางหินก้อนใหญ่ลงจากไหล่ ความรู้สึกโล่งแบบนี้ช่วยให้เรามีแรงไปแก้ไขปัญหาแทนที่จะจมอยู่กับมัน พัฒนาความสัมพันธ์กับคนรอบตัว การกล้ายอมรับผิดเป็นสิ่งที่แสดงถึงความจริงใจ คนรอบข้างมักจะเคารพในความซื่อสัตย์ของเรา และมันช่วยสร้างความไว้วางใจให้กันด้วย เช่น เพื่อนร่วมงานหรือคนในทีมจะรู้ว่าเราพร้อมรับผิดชอบ ไม่หนีปัญหา ทำให้เราเรียนรู้และเติบโต ทุกครั้งที่ยอมรับผิด เราจะได้บทเรียนใหม่ ๆ ที่ช่วยให้เราไม่พลาดในแบบเดิมอีก การพลาดไม่ใช่เรื่องผิดนะคะ แต่ถ้าเราปิดตาไม่มองความผิดพลาดเลย เราจะเสียโอกาสที่จะพัฒนาตัวเอง สร้างตัวตนที่น่าเชื่อถือ คนที่ยอมรับผิดได้แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนมีวุฒิภาวะและมีความรับผิดชอบ คนแบบนี้จะได้รับความนับถือจากคนอื่น และถ้าเราเป็นผู้นำ การยอมรับผิดยังช่วยสร้างตัวอย่างที่ดีให้ทีมเห็นว่าทุกคนพลาดได้ และที่สำคัญคือเราพร้อมเดินหน้าต่อ ช่วยลดความกดดันและความเครียด การพยายามปกปิดหรือปฏิเสธความผิดพลาดทำให้เราต้องอยู่กับความกังวลตลอดเวลา แต่เมื่อเรายอมรับผิดตรง ๆ ความกดดันเหล่านั้นจะลดลงไปมาก และเราจะรู้สึกเบาใจขึ้นทันที อ้อมมีเคล็ดลับด้วยค่ะ ถ้าช่วงไหนที่รู้สึกไม่ดีแล้ว น้องแมวน้องหมาหรือคนที่เราอยู่ด้วยแล้วสบายใจเค้าจะช่วยเราได้เยอะเลยนะคะ เค้าว่ากันว่าการกอดน้องหมาน้องแมวจะช่วยให้เราคลายความกังวลใจได้ อ้อมก็ทำแบบนั้นเหมือนกันค่ะ ช่วยได้เยอะจริงๆ เพื่อนๆ ลองดูกันนะคะ สรุป การยอมรับผิดให้เป็นไม่ใช่เรื่องง่ายในตอนแรกค่ะ แต่ถ้าเราลองเปิดใจและกล้าพูดออกมา มันจะกลายเป็นนิสัยที่ช่วยให้เรามีความสุขกับตัวเองและได้รับความเคารพจากคนรอบข้างมากขึ้น แล้วอย่าลืมนะคะ ความผิดพลาดไม่ใช่จุดจบ แต่มันคือโอกาสในการเริ่มต้นใหม่ที่ดีกว่าเดิม! 😊 สุดท้ายนี้ อยากฝากไว้ว่าการยอมรับความผิดพลาดไม่ได้ทำให้เราอ่อนแอ แต่มันทำให้เราเป็นคนที่เข้มแข็งขึ้นและรู้จักตัวเองมากขึ้นต่างหาก เพราะคนที่กล้ายอมรับความผิดพลาดและให้อภัยตัวเอง คือคนที่พร้อมจะเติบโตขึ้นไปอีกขั้น แล้วอย่าลืมนะคะ เวลารู้สึกแย่ ๆ ให้ลองกอดตัวเองแน่น ๆ แล้วบอกตัวเองว่า “ไม่เป็นไรนะ แค่วันนี้พลาด เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็เริ่มใหม่ได้” และขอให้ความผิดพลาดครั้งนี้เป็นบทเรียนและระมัดระวังที่จะไม่ผิดซ้ำจุดเดิมนะคะ😊 อ้างอิง ภาพจาก www.pixabay.com / ภาพที่ #1 user sasint / ภาพที่ #2 user Foundry / ภาพที่ #3 user Pexels / ภาพที่ #4 user StockSnap / ภาพหน้าปก user IqbalStock ภาพแมวทั้งสอง โดยผู้เขียน เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !