Breath of Fire เป็นเกม RPG คลาสสิกที่วางจำหน่ายครั้งแรกบนเครื่อง Super Nintendo ในปี 1993 โดยบริษัท Capcom เกมนี้ได้วางรากฐานให้กับซีรีส์ Breath of Fire ที่กลายเป็นที่รู้จักในเวลาต่อมา แม้จะผ่านมากว่า 30 ปีแล้ว แต่เสน่ห์ของเกมนี้ก็ยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้ เนื้อเรื่อง: Breath of Fire นำเสนอเรื่องราวของ Ryu หนุ่มน้อยจากตระกูล Light Dragon ที่ต้องออกผจญภัยเพื่อช่วยพี่สาวของเขาและต่อสู้กับ Dark Dragon Empire ที่ต้องการครอบครองโลก เนื้อเรื่องของเกมค่อนข้างตรงไปตรงมาและอาจดูคลาสสิกเกินไปสำหรับผู้เล่นในปัจจุบัน แต่ในยุคนั้น ถือว่าเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจและชวนติดตาม การนำเสนอเนื้อเรื่องผ่านบทสนทนาและเหตุการณ์ต่างๆ ทำได้ดีพอสมควร แม้จะมีข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีในสมัยนั้น ผมรู้สึกประทับใจกับการที่เกมพยายามสร้างโลกที่มีชีวิตชีวาผ่านตัวละครที่หลากหลายและสถานที่ที่น่าสนใจ ระบบการเล่น: ระบบการต่อสู้ของ Breath of Fire เป็นแบบ turn-based ซึ่งเป็นมาตรฐานของเกม RPG ในยุคนั้น แต่มีจุดเด่นที่น่าสนใจคือระบบการเปลี่ยนร่างของ Ryu ที่สามารถกลายร่างเป็นมังกรได้ ซึ่งเพิ่มความน่าสนใจให้กับการต่อสู้อย่างมาก นอกจากนี้ ยังมีระบบการใช้ความสามารถพิเศษของตัวละครแต่ละตัวนอกการต่อสู้ เช่น การใช้ Bo ล่าสัตว์ หรือการใช้ Gobi ว่ายน้ำ ซึ่งช่วยเพิ่มมิติให้กับการสำรวจโลกของเกมได้อย่างดี อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าระบบการเล่นบางอย่างอาจดูล้าสมัยไปบ้างในปัจจุบัน เช่น อัตราการเจอศัตรูที่ค่อนข้างสูง หรือการไม่มีระบบ auto-save ซึ่งอาจทำให้ผู้เล่นรู้สึกหงุดหงิดได้ กราฟิกและเสียง: สำหรับเกมที่ออกมาในยุค 16-bit กราฟิกของ Breath of Fire ถือว่าทำออกมาได้ดีทีเดียว ตัวละครมีการออกแบบที่โดดเด่นและมีเอกลักษณ์ โดยเฉพาะการออกแบบมังกรของ Ryu ที่ดูยิ่งใหญ่และน่าประทับใจ ฉากต่างๆ ในเกมมีความหลากหลายและสวยงาม ตั้งแต่หมู่บ้านเล็กๆ ไปจนถึงปราสาทอันยิ่งใหญ่ แม้จะมีข้อจำกัดด้านสีสันบ้าง แต่ก็สามารถสร้างบรรยากาศได้ดี ในด้านเสียง เพลงประกอบของ Breath of Fire ถือเป็นจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของเกม ด้วยเทคโนโลยีเสียงของ SNES ทำให้เพลงในเกมฟังดูมีมิติและสร้างอารมณ์ได้ดี โดยเฉพาะเพลงต่อสู้กับบอสที่ให้ความรู้สึกตื่นเต้นและเร้าใจ ประสบการณ์การเล่น: การเล่น Breath of Fire ครั้งแรกของผมเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ ผมรู้สึกตื่นเต้นกับการได้ผจญภัยไปในโลกแฟนตาซีที่เต็มไปด้วยความลึกลับและอันตราย การค้นพบความสามารถใหม่ๆ ของตัวละคร และการไขปริศนาต่างๆ ในเกมทำให้ผมรู้สึกเพลิดเพลินอย่างมาก แม้ว่าบางครั้งการเจอศัตรูบ่อยเกินไปจะทำให้รู้สึกหงุดหงิด แต่ระบบการต่อสู้ที่ท้าทายและการวางแผนการใช้ไอเทมและสกิลต่างๆ ก็ทำให้ผมรู้สึกสนุกและอยากเล่นต่อไปเรื่อยๆ จุดที่ประทับใจผมมากที่สุดคือการได้เห็น Ryu เปลี่ยนร่างเป็นมังกรครั้งแรก ซึ่งเป็นฉากที่ทำให้ผมรู้สึกถึงพลังและความยิ่งใหญ่ของตัวเอกได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ การได้รวบรวมสมาชิกในทีมที่มีความสามารถแตกต่างกันไป ทำให้ผมรู้สึกเหมือนกำลังนำทีมฮีโร่ออกผจญภัย ซึ่งเป็นความรู้สึกที่น่าตื่นเต้นมาก สรุป: Breath of Fire อาจไม่ใช่เกม RPG ที่สมบูรณ์แบบที่สุด แต่ก็เป็นเกมที่มีเสน่ห์และคุณค่าในตัวเอง การผสมผสานระหว่างเรื่องราวแฟนตาซีคลาสสิก ระบบการเล่นที่น่าสนใจ และการออกแบบตัวละครที่โดดเด่น ทำให้เกมนี้กลายเป็นตำนานที่ยังคงได้รับความนิยมจนถึงทุกวันนี้ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบเกม RPG คลาสสิกหรือต้องการสัมผัสประสบการณ์การเล่นเกมในยุค 90 Breath of Fire เป็นเกมที่ควรค่าแก่การลองเล่นอย่างยิ่ง แม้ว่าอาจจะมีข้อจำกัดบางอย่างเมื่อเทียบกับเกมในยุคปัจจุบัน แต่เสน่ห์และความสนุกของเกมก็ยังคงอยู่ และอาจทำให้คุณหลงรักการผจญภัยของ Ryu และเพื่อนๆ ได้ไม่ยาก ในฐานะที่เป็นเกมแรกของซีรีส์ Breath of Fire ถือว่าทำหน้าที่ได้ดีในการวางรากฐานให้กับภาคต่อๆ มา และยังคงเป็นเกมที่น่าจดจำสำหรับแฟนๆ เกม RPG ทั่วโลก เครดิตภาพ ทางผู้เขียนได้ซื้อเกมนี้มาเล่นเองถ่ายรูปลงเอง เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !