ปิโตรเลียมหรือน้ำมันเป็นของเหลวหนาสีเหลืองถึงสีดำที่พบในชั้นหิน เกิดจากการทับถมของพืชและสัตว์ที่ตายแล้วนับล้านปี ลึกลงไปในพื้นดินความดันและความร้อนเปลี่ยนเป็นน้ำมัน ทุกวันนี้โลกของเราบริโภคน้ำมันเป็นจำนวนมากประมาณ 90 ล้านบาร์เรล แต่เนื่องจากว่ากว่าจะเป็นน้ำมันได้นั้นต้องใช้เวลาหลายล้านปีในการพัฒนาเลยค่ะ photo by Life Of Pix on Pexels ประวัติความเป็นมาของน้ำมัน น้ำมันได้กลายเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจของเราในช่วง 2 ศตวรรษที่ผ่านมา ครั้งแรกที่น้ำมันถูกสร้างขึ้นในช่วงกลางของศตวรรษที่ 19 ในเพนซิลเวเนียปี 1870 การผลิตน้ำมันได้แพร่กระจายไปยังรัฐอื่นในอเมริกา ในช่วงหลังของศตวรรษที่ 19 น้ำมันก็เริ่มผลิตขึ้นในแคนาดาและในประเทศในยุโรป photo by Skitterphoto on Pexels ความเจริญของอุตสาหกรรมรถยนต์ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ส่งผลให้มีความต้องการน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น มันมีบทบาทสำคัญในการเป็นเชื้อเพลิงหลักสำหรับรถถังและเครื่องบินในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองด้วย ในปี 1950 สหรัฐอเมริกาได้กลายเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก แต่ในศตวรรษที่ 20 ซาอุดิอาระเบียและรัสเซียผลิตน้ำมันได้มากกว่าสหรัฐอเมริกา วันนี้กว่าร้อยละ 90 ของยานพาหนะที่มีการขับเคลื่อนโดยใช้ผลิตภัณฑ์จากน้ำมัน มันเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญที่สุดในโลกของเรา ประมาณ 80% ของปริมาณน้ำมันสำรองของโลกตั้งอยู่ในตะวันออกกลาง และผู้ผลิตที่มีชื่อเสียงอื่น ๆ ได้แก่ เวเนซุเอลา บริเตนใหญ่ ซาอุดีอาระเบียและรัสเซียค่ะ photo by Pixabay on Pexels ปิโตรเลียมทำมาจากอะไร น้ำมันดิบส่วนใหญ่จะประกอบไปด้วยไฮโดรคาร์บอนรวมกันของไฮโดรเจนและคาร์บอน การสะสมของปิโตรเลียมแต่ละครั้งมีการรวมกันของไฮโดรคาร์บอนที่แตกต่างกัน จึงทำให้มันเป็นของเหลวข้นหรือทินเนอร์ นอกจากนี้ยังมีกำมะถัน ไนโตรเจนและองค์ประกอบอื่น ๆ อยู่ด้วยค่ะ วิธีการผลิตน้ำมัน ก่อนที่น้ำมันจะสามารถสกัดจากแผ่นดินโลกได้ นักธรณีวิทยาจะต้องตรวจสอบที่ดินและชั้นหินที่อยู่ใต้พื้นผิว เมื่อประมาณ 30 ปีที่แล้วการขุดเจาะน้ำมันเป็นความเสี่ยงที่ยิ่งใหญ่ เพราะนักธรณีวิทยาไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะพบน้ำมันในที่ที่พวกเขาสันนิษฐาน แต่ในทุกวันนี้มีวิธีการสำรวจที่ทันสมัยขึ้นทำให้สามารถค้นหาแหล่งน้ำมันด้วยอัตราความสำเร็จถึง 70% เลยค่ะ โดยการขุดเจาะจะพบน้ำมันดิบกับก๊าซซึ่งลอยอยู่เหนือชั้นน้ำมัน ก่อนที่น้ำมันจะถูกนำขึ้นสู่พื้นผิวจะมีการติดตั้งแท่นขุดเจาะน้ำมัน มักถูกฝังลึกลงไปในชั้นหินลงไปที่ความลึก 10,000 เมตรขึ้นไป แท่นขุดเจาะจะอยู่นอกชายฝั่งดำเนินการเพื่อขุดหาน้ำมันใต้พื้นมหาสมุทร หลังจากนำขึ้นสู่พื้นผิวแล้วน้ำมันดิบจะถูกนำไปยังโรงกลั่น ซึ่งจะผลิตเป็นน้ำมันเบนซินหรือแก๊ส น้ำมันก๊าด น้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินและผลิตภัณฑ์พลาสติก สารเคมีและปุ๋ยอื่น ๆ ก็ทำมาจากน้ำมันด้วยเช่นกันค่ะ Photo by Zukiman Mohamad on Pexels ราคาน้ำมัน ราคาน้ำมันเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาขึ้นอยู่กับปริมาณการผลิตและการบริโภค มีหลายปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อราคาน้ำมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสงครามและความขัดแย้งในประเทศผู้ผลิตน้ำมันสามารถนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันได้ยกตัวอย่างเช่น วิกฤตการณ์พลังงานในช่วงทศวรรษ 1970 นำไปสู่การปรับตัวสูงขึ้นของราคาน้ำมันและทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกตกต่ำอย่างรุนแรง องค์การโอเปก (OPEC) ได้เริ่มมีอิทธิพลอย่างมากในการผลิตและกำหนดราคาน้ำมันตั้งแต่ปี 1970 เป็นต้นมาค่ะ photo by Lloyd Freeman on Pexels ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากการผลิตน้ำมัน การผลิตการบริโภคน้ำมันและผลิตภัณฑ์จากน้ำมัน ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของเราในหลาย ๆ ด้าน มันเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดภาวะโลกร้อน เพราะการเผาไหม้เชื้อเพลิง การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ก่อให้เกิดภาวะเรือนกระจก การขุดเจาะน้ำมันมักจะสร้างความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากสารเคมีถูกนำมาใช้เพื่อแยกน้ำมันออกจากน้ำ photo by Pixabay on Pexels ในอดีตที่ผ่านมาหลายทศวรรษได้มีการเกิดอุบัติเหตุเกี่ยวกับเรือบรรทุกน้ำมันล่ม ทำให้เกิดการปนเปื้อนของโลกใต้มหาสมุทรและท้องทะเล ซึ่งภัยพิบัติที่ใหญ่ที่สุดคือการจมของเรือ Exxon Valdez นอกชายฝั่งของ Alaska ในปี 1989 และในปี 2010 ก็ได้เกิดน้ำมันรั่วไหลในอ่าวเม็กซิโกแพร่กระจายไปยังพื้นที่ชายฝั่งในสหรัฐอเมริกาและเม็กซิโก ซึ่งทำให้น้ำมันปนเปื้อนอยู่ในน้ำเป็นจำนวนหลายพันตารางกิโลเมตร ฉะนั้นเราต้องช่วยกันรณรงค์ให้มีการลดการใช้น้ำมันและผลิตภัณฑ์ที่มาจากน้ำมันด้วย นอกจากจะช่วยโลกและสัตว์น้ำแล้วยังช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติให้อยู่กับเราได้นานขึ้นด้วยค่ะ Cover photo by Pixabay on Pexels