หนุ่มชาวออสเตรเลียวัย 20 ปี เสียชีวิตจากโควิด-19 ที่บ้าน อายุน้อยที่สุดของประเทศ

Australia: หนุ่มชาวออสเตรเลียวัย 20 ปี เสียชีวิตจากการป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่บ้านในเมืองซิดนีย์ กลายเป็นหนึ่งในผู้ที่เสียชีวิตจากโควิดที่อายุน้อยที่สุดของประเทศ

เจ้าหน้าที่กล่าวว่า ชายหนุ่มคนดังกล่าว ซึ่งยังไม่ฉีดวัคซีน กักตัวอยู่ที่บ้าน 13 วัน หลังตรวจพบติดเชื้อไวรัส แต่สภาพร่างกายของเขาทรุดลงอย่างรวดเร็ว โดยเขาอาศัยอยู่กับอีกคนหนึ่ง ซึ่งก็ติดเชื้อเช่นกัน แต่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 

ขณะที่เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขกล่าวว่า การเสียชีวิตของเด็กหนุ่มผู้นี้ ตอกย้ำให้เห็นถึงความเสี่ยงจากไวรัส และความสำคัญของการฉีดวัคซีน โดยทางการตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้ประชาชนในซิดนีย์ให้ได้ครึ่งหนึ่ง ก่อนที่จะยกเลิกมาตรการคุมเข้มที่บังคับใช้ถึงวันที่ 28 สิงหาคมนี้

กลาดีส์ เบเรจิกเลียน มุขมนตรีของรัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งมีซิดนีย์เป็นเมืองเอก แถลงว่า กรณีนี้แสดงให้เห็นว่า ไวรัสโควิด-19 มีความร้ายแรงขนาดไหน และมันยังส่งผลกระทบต่อประชาชนทุกเพศทุกวัย

ส่วนชื่อของชายหนุ่มที่เสียชีวิตและเขาติดโควิด-19 ได้อย่างไร ไม่ได้มีการเปิดเผย เขาอาศัยอยู่ในพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองซิดนีย์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์ Delta ที่กำลังเล่นงานเมืองซิดนีย์ที่ประชากรมากที่สุดของประเทศมานานหลายสัปดาห์

จากข้อมูลของรัฐบาล พบว่า ในจำนวนผู้เสียชีวิตจากไวรัสประมาณ 17 ราย ตั้งแต่เริ่มต้นการระบาดใหม่ในเดือนมิถุนายน เกือบ 1 ใน 3 เสียชีวิตอยู่ที่บ้าน ส่วนหญิงอีกคนหนึ่ง อายุ 80 ปี เสียชีวิตในโรงพยาบาล รวมตัวเลขผู้เสียชีวิตทั่วประเทศเป็น 927 ราย ตั้งแต่ไวรัสเริ่มระบาด และในวันพุธ (4 สิงหาคม) ซิดนีย์มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอีก 233 ราย เพิ่มจาก 199 รายในวันอังคาร (3 สิงหาคม)
เบเรจิกเลียน กล่าวว่า รัฐนิวเซาท์เวลส์จะฉีดวัคซีนได้ตามเป้าหมาย 6 ล้านเข็มภายในสิ้นเดือนนี้ ซึ่งประชาชนผู้ใหญ่ทุกคนได้ฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็ม

ทั้งนี้ ไวรัสสายพันธุ์ Delta ที่แพร่เชื้ออย่างรวดเร็ว สร้างความตื่นตระหนกต่อเจ้าหน้าที่ ขณะเดียวกันการฉีดวัคซีนที่ดำเนินไปอย่างล่าช้าก็สร้างความผิดหวังในหมู่ประชาชน มีประชาชนที่อายุมากกว่า 16 ปี ประมาณ 20% เท่านั้นที่ได้ฉีดวัคซีนครบแล้ว