รีเซต

APจัดหนักเปิด65โครงการ โกยยอดขายแตะ5หมื่นล.

APจัดหนักเปิด65โครงการ โกยยอดขายแตะ5หมื่นล.
ทันหุ้น
28 มกราคม 2565 ( 16:05 )
247

#AP #ทันหุ้น – AP กางแผนปี 2565 ลุยเปิดโครงการใหม่ 65 โครงการ มูลค่ารวม 7.5 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นหลายเท่า ตั้งเป้ายอดขาย 5 หมื่นล้านบาท และคาดรายได้รวมกว่า 4.7 หมื่นล้านบาท พร้อมตุนแบ็กล็อกในมือกว่า 3.83 หมื่นล้านบาท เผยมีคอนโดทยอยโอน 3 โครงการ ช่วงไตรมาส 2/2565 ทุ่มงบซื้อที่ดิน 2 หมื่นล้านบาท

 

นายวิทการ  จันทวิมล  รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายรวมทั้งปี 2565 ที่ 5 หมื่นล้านบาท พร้อมตั้งเป้ารายได้รวมที่ 4.7 หมื่นล้านบาท หนุนจากแผนเปิดโครงการใหม่ 65 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 7.8 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นทาวน์โฮม 29 โครงการ มูลค่า 2.52 หมื่นล้านบาท, บ้านเดี่ยว 26 โครงการ มูลค่า 3.56 หมื่นล้านบาท, คอนโดมิเนียม 5 โครงการ มูลค่า 1.3 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นโครงการของบริษัท 2 โครงการ, โครงการร่วมกับ JV อีก 3 โครงการ

 

รวมถึงจะขยายธุรกิจออกสู่ต่างจังหวัด 5 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 4.2 พันล้านบาท ซึ่งมีความชัดเจนแล้ว 3 จังหวัดคือ อุดรธานี, อุบลราชธานี, และฉะเชิงเทรา ส่วนอีก 2 พื้นที่อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อม ส่งผลให้ทั้งปี 2562 บริษัทจะมีโครงการพร้อมขายทั้งกทม.และต่างจังหวัดมากกว่าถึง 182 โครงการ มูลค่ากว่า 149,000 ล้านบาท

 

*ตุนแบ็กล็อก 3.83 หมื่นล.

"การเปิดตัวโครงการใหม่ในปริมาณที่มากขนาดนี้ ถ้าระบบหลังบ้านไม่พร้อมก็ยากที่จะเป็นจริงได้ ซึ่งตลอด 2ปีของการเผชิญวิกฤติได้พิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพของทีม AP ซึ่งเป็นผลมาจากการจัดโครงสร้างองค์กรภายในให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว โดยคีย์สำคัญคือ การให้อำนาจการตัดสินใจแก่คนที่เผชิญกับการเปลี่ยนแปลงนั้นๆ และปีนี้เราพร้อมก้าวข้อจำกัดไปอีกขั้น ด้วยแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ที่มากขึ้นกว่าที่ผ่านมาหลายเท่า"

 

ขณะที่ในปี 2565 บริษัทมีโครงการคอนโดมิเนียมรอโอน 3 โครงการ ได้แก่ โครงการ RHYTHM เอกมัย เอสเตท มูลค่า 3.2 พันล้านบาท, โครงการ LIFE สาทร เซียร์ร่า มูลค่า 6.3 พันล้านบาท และโครงการ ASPIRE เอราวัณ ไพร์ม มูลค่า 3.2 พันล้านบาท จะทยอยส่งมอบในช่วงไตรมาส 2/2565 ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่ 3.83 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาต่อเนื่อง

 

*ตั้งงบซื้อที่ดิน 2 หมื่นล.

โดยในปี 2565 บริษัทตั้งงบซื้อที่ดินไว้ทั้งสิ้น 2 หมื่นล้านบาท สูงกว่าปี 2564 ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท เนื่องจากประเมินว่าความต้องการที่อยู่อาศัยแนวราบยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มทาวน์โฮม, บ้านแฝด ดังนั้นบริษัทจึงมีแผนเปิดตัวแบรนด์น้องใหม่ PLENO TOWN เจาะทำเลปริมณฑลทั้งบางนา, เทพารักษ์, บางบ่อ และ พระราม 2 รวมถึงการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมบนทำเลศักยภาพที่ระดับราคาเฉลี่ยไม่เกิน 3 ล้านบาท ควบคู่กับการรักษาฐานลูกค้าระดับกลาง-บนด้วยโครงการบ้านเดี่ยวระดับราคาเฉลี่ย 5 ล้านบาท

 

ขณะเดียวกันบริษัทมีงบประมาณเพื่อการพัฒนาระบบ IT เฉลี่ยปีละ 200 ล้านบาท มุ่งเน้นพัฒนาแพลตฟอร์มเสมือนจริง (Metaverse) เข้ามาสนับสนุนการดำเนินงานทั้งด้านการตลาด, งานก่อสร้างโครงการ, การตรวจสอบ-ติดตามการดำเนินงานก่อสร้างโครงการ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่อง

 

*ยอดขายปี 64 ทำนิวไฮ

สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2565 นายวิทการ มองว่า ยังคงมีความไม่แน่นอนสูง แม้ทั่วโลกมีแนวโน้มควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนได้อย่างดี ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวขึ้น และมีแนวโน้มว่าประชาชนจะกลับมาใช้ชีวิตใกล้เคียงปกติมากขึ้นต่อเนื่อง หนุนความต้องการที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะแนวราบให้ขยายคัวได้ รวมถึงความต้องการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมเริ่มฟื้นตัวในบางพื้นที่ ทั้งนี้หากกิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับสู่ปกติ การจราจรกลับมาติดขัดเหมือนเดิม น่าเป็นโอกาสที่ดีที่มีต่อตลาดคอนโดมิเนียมที่จะมีคนเริ่มกลับมาซื้อมากขึ้นอีกครั้ง

 

สำหรับภาพรวมทั้งปี 2564 บริษัทคาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายสุทธิเติบโตสูงกว่าประมาณการเดิม เห็นได้จากยอดขายช่วง 10 เดือนแรกของปี 2564 กลุ่มบริษัทสามารถทำยอดขายได้กว่า 3.01 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และถือเป็นสถิติสูงสุดใหม่ หนุนจากยอดขายกลุ่มบ้านเดี่ยว โดยมียอดลูกค้าเข้าชมโครงการบ้านเดี่ยวเอพี เฉลี่ยประมาณ 600 ครอบครัวต่อสัปดาห์ เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง