สวัสดีผู้อ่านที่น่ารักทุกคนด้วยนะครับ ผม Kakommz วันนี้ก็มีหนังสือดีดีมาแนะนำให้ผู้อ่านทุกท่านได้รับชมกัน (อีกแล้ว) นะครับ และจะขออนุญาตเปลี่ยนมารีวิวหนังสือที่แปลมาจากต่างประเทศกันบ้าง โดยหนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า "คนทำงานเร็วทำอะไรตอนที่เราไม่เห็น" ผู้เขียนคือ คุณ คิเบะ โทโมะยูกิ ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมโปรเจกต์อาวุโสของบริษัท IBM ประเทศญี่ปุ่น และแปลโดย คุณ ภัทรวรรณ ศรประพันธ์ นั่นเองครับโดยเนื้อหาภายในหนังสือเล่มนี้ จะบอกถึงวิธีการทำงานในด้านต่างๆ ที่จะมีตั้งแต่วิธีการคิดขั้นพื้นฐานด้วยการจัดการตัวเอง ไปจนถึงขั้นตอนการสอนการคิดอย่างเป็นระบบและมี "เฟรมเวิร์ก" ในการทำงานให้เป็นระเบียบและละเอียดมากขึ้น นอกจากนี้ คุณ คิเบะ ก็ได้บอกถึงปุ่มลัดที่น้อยคนจะรู้ ที่สามารถนำมาใช้กับโปรแกรมต่างๆ อาทิ โปรแกรมเวิร์ดและโปรแกรมเอกซ์เซล (คุณ คิเบะ จะเน้นโปรแกรมเอกซ์เซลเป็นหลัก) อีกด้วยอีกทั้งหนังสือเล่มนี้มีทั้งหมด 5 บทใหญ่ และมีเนื้อหาที่สำคัญๆ แทบจะทั้งเล่มก็ว่าได้ ด้วยเหตุนี้ แอดจึงขออนุญาตนำเสนอในรูปแบบ 'หนึ่งบทหนึ่งหัวข้อ' ที่ชื่นชอบเป็นการส่วนตัวในบทนั้นๆ มาเล่าให้ผู้อ่านทุกท่านได้รับชมกัน ทั้งนี้เพื่อความยาวของการรีวิวหนังสือที่กระชับที่สุดเท่าที่จะทำได้นั่นเองครับ และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามารับชมพร้อมกันได้เลยครับบทที่ 1งานจะเสร็จเร็วหรือช้า ตัดสินกันตั้งแต่ "ก่อน" ลงมือทำตัวอย่างจาก หัวข้อที่ 02 คนที่ทำงานเร็วจะ "ลงมือทำ" ทันทีในหัวข้อนี้ จะเป็นการอธิบายถึงก้าวแรกของการทำงานทุกอย่างนั้น เริ่มต้นที่ "ลงมือทำ" ครับ ตราบใดที่ยังไม่เริ่มลงมือทำ เราก็จะไม่มีทางเข้าใกล้เป้าหมายได้เลย ดังนั้น หากมีเวลาในการทำงานอย่างจำกัดละก็ การ "ลงมือทำ" ทันทีจะทำให้งานเสร็จเร็วมากขึ้นฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นงานเล็กหรืองานใหญ่ คุณ คิเบะ ไม่อยากให้คุณทุกคนคิดมากจนเกินไปครับ เพราะว่าการคิดที่จะทำบางสิ่งมากเกินไป อาจก่อให้เกิดความต้องการที่จะหาสิ่งที่ "สมบูรณ์แบบ" ให้กับงานนั้นๆ และเมื่อหาความสมบูรณ์แบบไม่ได้ ก็อาจจะส่งผลให้ตัวของเราไม่เริ่มต้นทำงานสักที ดังนั้น ขอแค่เริ่ม "ลองลงมือทำดูก่อน" และงานที่คุณทุกคนทำ จะเสร็จเร็วมากขึ้นแน่นอนครับบทที่ 2 "ความเร็วในการทำงาน" เพิ่มขึ้นได้ด้วยการใช้เทคนิคจนติดเป็นนิสัยตัวอย่างจากหัวข้อที่ 12 ใช้ปากกาที่จดโน้ตได้เร็วในหัวข้อนี้ แอดขอหยิบยกจากตัวอย่างการเลือกใช้ปากกาของ คุณ คิเบะ ครับ เพราะแอดมองว่า การสร้างความรวดเร็วในการทำงานที่นอกจากจะต้องใช้คอมพิวเตอร์ให้เชี่ยวชาญในระดับหนึ่งแล้ว การใช้ "ปากกา" ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการจดสิ่งต่างๆ เช่นกัน ฉะนั้น การเลือกปากกาเพื่อใช้จดโน้ตตามสถานการณ์ต่างๆ จะช่วยทำให้เราสามารถทำงานได้รวดเร็วมากขึ้น โดย คุณ คิเบะ ได้ทำการแนะนำปากกา 3 แบบ ไว้ใช้จดโน้ตตามสถานการณ์ต่างๆ ดังนี้- "ปากกาลูกลื่น 3 สี" หรือ "ปากกาลูกลื่น 4 สี"ใช้สำหรับจดโน้ตโดยใช้สีที่ต้องการได้ในทันที เช่น สีดำสำหรับจดโน้ตเรื่องทั่วไป สีน้ำเงินสำหรับจดโน้ตข้อความสำคัญ และสีแดงสำหรับขีดเน้นข้อความที่ต้องการเน้นย้ำ เป็นต้น- "ปากกาหมึกเจล" ใช้สำหรับจดโน้ตได้อย่างลื่นไหลในทุกสถานการณ์แม้กระทั่งตอนยืนอยู่ก็ตาม เพราะถ้าใช้ปากกาลูกลื่นธรรมดา กระดาษที่เอาไว้เขียนจะต้องมีความหนาพอสมควร และเวลาจดโน้ตจะต้องใช้แรงกดในระดับหนึ่ง แต่ถ้าเป็นปากกาเจล เราไม่จำเป็นต้องใช้แรงกดมากเหมือนกับปากกาลูกลื่นทั่วไป ทำให้จดโน้ตได้อย่างลื่นไหลนั่นเอง- "ปากกาหมึกซึม" ใช้สำหรับจดโน้ตที่ไหนก็ได้ โดยแทบจะไม่ต้องออกแรงกด ซึ่งทำให้สามารถจดโน้ตได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น อย่างเช่น ในเวลาที่เราจะต้องยืนบนรถไฟฟ้าหรือรถเมล์เวลากลับบ้าน ซึ่งทำให้สะดวกในการจดสิ่งต่างๆ มากขึ้นครับและนี่คือปากกา 3 แบบ ที่ คุณ คิเบะ เลือกใช้ครับบทที่ 3"ความเร็วของทีม" เพิ่มขึ้นได้ด้วยการปรับกลไกการทำงานตัวอย่างจากหัวข้อที่ 47 งานที่มอบหมายให้มักจะไม่เสร็จ จนกว่าจะใกล้ถึงเดดไลน์ในหัวข้อนี้ แอดต้องขอบอกความเห็นส่วนตัวก่อนว่า จริงมากๆ ครับ เพราะว่า ตัวของแอดเองจนถึงตอนนี้ ในบางครั้งก็ยังต้องรอให้ใกล้เดดไลน์ก่อนถึงจะเริ่มทำงานส่ง ซึ่งก็ทำและผ่านมาได้นะครับ แต่ผลงานมันจะไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร และแอดกำลังแก้ไขจุดบกพร่องในส่วนนี้อยู่ กลับเข้าเรื่องกันต่อครับ ในหัวข้อนี้ คุณ คิเบะ ได้อธิบายถึงสาเหตุสำหรับคนที่ชอบทำงานให้เสร็จก็ต่อเมื่อใกล้ถึงเวลากำหนดส่งอยู่ 2 ข้อ ดังนี้- Student Syndrome (สติวเดนต์ซินโดรม)เป็นอาการที่ให้อารมณ์คล้ายกับนักเรียนที่จะเริ่มทำการบ้าน ก็ต่อเมื่อใกล้หมดช่วงปิดเทอมฤดูร้อน หรือ การอ่านหนังสือสอบเพียงคืนเดียวและไปสอบในวันรุ่งขึ้น เป็นตัน- Parkinson's law (กฎของพาร์กินสัน)คือ อาการที่มนุษย์เรามักมีพฤติกรรมที่จะใช้เวลาหรือสิ่งที่ได้รับมาจนหมด เช่น หัวหน้าให้เวลาทำงาน 1 เดือน เราก็จะใช้เวลา 1 เดือน หรือ หากได้รับงบประมาณมา 5 ล้านบาท เราก็จะใช้งบจำนวนนั้นจนหมด เป็นต้นดังนั้น ถ้าเกิดเราได้พบเจอคนในทีม (หรือตัวของคุณ) ที่มีลักษณะดังกล่าว ให้ทำการแก้ไขโดยการกำหนดระยะเวลาการทำงานหรือกำหนดเดดไลน์ให้ตรงกับลักษณะนิสัยของแต่ละบุคคล เพื่อเป็นการสร้างประสิทธิภาพในการทำงานของคนในทีมให้ดีมากยิ่งขึ้นบทที่ 4 จัดการ "เวลาที่มีอยู่อย่างจำกัด" ตัวอย่างจากหัวข้อที่ 60 เมื่อมีเวลาในการทำงานไม่พอ ให้ตัดสินใจว่า "จะลดเวลาในการทำกิจกรรมใดได้บ้าง"ในหัวข้อนี้ คุณ คิเบะ มองว่า นอกจากการทำงาน คนเราก็ควรที่จะมีเวลาสำหรับการทำกิจกรรมอื่นๆ เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือเพื่อสอบเลื่อนตำแหน่ง จัดทำเอกสารต่างๆ หรือศึกษาภาษาอังกฤษ เป็นต้น ฉะนั้น นอกจากการเพิ่มเวลาในการทำบางสิ่งแล้ว การ "ลดเวลา" ในการทำกิจกรรมบางอย่างก็สำคัญไม่แพ้กัน เช่น คุณ คิเบะ ตัดสินใจลดเวลานอนในวันธรรมดา และลดเวลาในการทำกิจกรรมอื่นๆ หลังอาหารเย็นในวันหยุด เพื่อนำเวลาดังกล่าวมาใช้ทำในสิ่งที่นอกเหนือจากการทำงาน อย่างการเขียนหนังสือ เป็นต้นฉะนั้น เวลาเป็นสิ่งที่สำคัญ หากทุกคนมีเป้าหมายที่สำคัญๆ ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งแล้ว การลดเวลาเพื่อมุ่งมั่นในการทำสิ่งต่างๆ เพื่อให้ถึงเป้าหมาย เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง ในทางกลับกันหากสิ่งที่ต้องทำและจำเป็นในช่วงเวลานั้น ต้องใช้เวลายาวนานในการทำ (อาจจะทำหลายเดือน หรือ เป็นปี) เมื่อเจอสถานการณ์เช่นนี้ การกำหนดเวลาสำหรับพักผ่อนให้แน่นอน ก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน เช่นกันครับบทที่ 5ความเร็วในการคิด "เพิ่มขึ้นได้ด้วยการใช้เฟรมเวิร์ก" ตัวอย่างจากหัวข้อที่ 71-74ในหัวข้อสุดท้ายนี้ ขอสรุปแบบภาพรวมจาก "เฟรมเวิร์ก" ที่ได้พบเจอจากหนังสือเล่มนี้ครับ โดยเฟรมเวิร์กที่ คุณ คิเบะ ใช้ มีทั้งหมด 3 สิ่งดังต่อไปนี้1. MECE (Mutually Exclusive, Collectively Exhaustive) คือ เฟรมเวิร์กที่ว่าด้วยเรื่องของ ภาวะที่ไม่ให้มีการตกหล่นของสิ่งที่ทำ หรือ ไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนเป็นการมองภาพรวมถึงสิ่งที่ทำ ให้เกิดความละเอียดมากที่สุดก่อนที่จะเริ่มลงมือปฏิบัตินั่นเอง2. พีระมิด (วางโครงสร้าง) เป็นขั้นตอนถัดไป ที่สามารถนำมาผสมกับวิธีการใช้เฟรมเวิร์กแบบ MECE ได้ ทั้งนี้เพื่อวางโครงสร้างของสิ่งต่างๆ ให้จำแนกออกเป็นประเภทหรือจำแนกเป็นกลุ่ม เพื่อสามารถวิเคราะห์สิ่งเหล่านั้นได้สะดวกมากยิ่งขึ้น3. แก้ไขปัญหา แบ่งเป็น 3 ข้อย่อย คือ3.1 ท้องฟ้า ฝน ร่มคือ การมองถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เปรียบเสมือน "ท้องฟ้า" และมองถึงปัญหาที่ได้จากสถานการณ์นั้นๆ เปรียบเสมือน "ฝน" จากนั้น จึงค่อยๆ หาวิธีแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ซึ่งเปรียบเสมือน "ร่ม" นั่นเองครับ3.2 แผนผังขั้นตอนการทำงานเป็นวิธีที่ช่วยให้เราเข้าใจขั้นตอนการทำงานได้ดียิ่งขึ้น ฉะนั้น เราจึงควรทำแผนผังขั้นตอนการทำงานขึ้นมา เพื่อที่จะทำให้เห็นปัญหาได้ชัดเจนขึ้นและจับประเด็นสำคัญได้ง่ายขึ้นนั่นเอง3.3 ถามว่าทำไม 5 ครั้งอีกหนึ่งวิธีที่โด่งดังและอาจจะนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย คือ การถามว่า "ทำไม" 5 ครั้ง เพื่อที่จะทำให้เราสามารถเจาะลึกถึงต้นเหตุของประเด็นหรือปัญหาต่างๆ ได้ดีขึ้น แล้วค่อยคิดหาวิธีแก้ไข จึงจะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ยั่งยืนได้ครับตัวอย่างเช่น เมื่อเกิดผื่นแดงตามร่างกาย เราไม่ควรทายาในทันที แต่ควรหาสาเหตุที่ทำให้เกิดผื่นก่อน เพราะนั่นอาจเป็นผื่นแดงที่เกิดจากอาการแพ้ หรือ เป็นผื่นแดงที่เกิดจากความเครียดก็ได้ เช่น ถ้าเกิดจากอาการแพ้ เราก็ต้องตรวจสอบว่าเป็นอาการแพ้อาหารหรืออาการแพ้ที่เกิดจากการสัมผัสหรือไม่ อย่างไร เป็นต้นฉะนั้น ยิ่งตั้งคำถามว่า "ทำไม" เรื่อยๆ จะยิ่งทำให้เห็นปัญหาเหล่านั้นได้อย่างชัดเจนมากขึ้น และจะทำให้แก้ไขปัญหาได้ดีมากขึ้นอีกด้วยครับนี่เป็นเพียงตัวอย่างที่เล็กน้อยจากในแต่ละบทของหนังสือเล่มนี้เพียงเท่านั้น หวังว่าจะเป็นประโยชน์ในการประกอบการตัดสินใจที่จะหาหนังสือเล่มนี้มาอ่านหรือเป็นประโยชน์ต่อการทำงานของผู้อ่านทุกท่านไม่มากก็น้อยนะครับ สุดท้ายนี้ ต้องขอตัวลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่กับ Book Review By Kakommz ครั้งหน้า สำหรับวันนี้ สวัสดีครับ ผู้อ่านที่น่ารักทุกคนTrick บางส่วน ของปุ่มลัดในการทำงานที่รวดเร็วมากขึ้น โดย คุณ คิเบะ โทโมะยูกิ1. ปุ่ม Win + Dสั่งให้คอมพิวเตอร์แสดงหน้า Desktop ได้2. ปุ่ม Win + Lสั่งให้ปิดล็อกหน้าจอคอมพิวเตอร์ได้3. ปุ่ม Alt + Tab หรือ Win +Tabสามารถสลับหน้าต่างโปรแกรมได้ เช่น สลับโปรแกรม Word กับ Excel เป็นต้น4. ปุ่ม Alt + F4สามารถปิด Browser หรือ Program ได้5. ปุ่ม Ctrl + F4ปิด Tab ของ Browser แค่อันเดียว6. Escสามารถกดปุ่มนี้ได้ทันที เมื่อมีคำสั่ง "ยกเลิก" ขึ้นมาบนหน้าจอAbout Fact- หนังสือ "คนทำงานเร็วทำอะไรตอนที่เราไม่เห็น" สามารถหาซื้อได้ที่ร้านหนังสือ SE-ED, นายอินทร์, B2S ทุกสาขา และร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป- ราคา 220 บาท- หมวดหมู่ จิตวิทยาภาพหน้าปกโดยผู้เขียนขอขอบคุณภาพประกอบโดยภาพลงมือทำ โดย Maklay62ภาพปากกา โดย JCamargoภาพไม่ทำงาน โดย www_slon_picsภาพเวลา โดย Tumisuภาพตัวอย่างเฟรมเวิร์ก โดย Campaign_Creatorsภาพหนังสือ คนทำงานเร็วทำอะไรตอนที่เราไม่เห็น ถ่ายรูปโดยผู้เขียนบทความ Book Review อื่นๆ ที่น่าสนใจของผู้เขียน- Book Review By Kakommz : SUPER PRODUCTIVE - Book Review By Kakommz : เป็นเราคือพิเศษ- Book Review By Kakommz : รื้อ สร้าง ต่าง โต REINVENT- Book Review : Future Mindset เมื่อวิธีคิดที่คุณมี ใช้กับงานในวันพรุ่งนี้ไม่ได้- Review Book : โลกนี้สอนให้รู้ว่า...- Review Book : Speech Secret เทคนิคการพูด เพื่อความสำเร็จก้าวหน้า