“Imagination is everything. It is a preview of life’s coming attractions” – Robert Einstien ไอสไตน์กล่าวไว้ว่า.. “จินตนาการคือทุกสิ่ง เสมือนภาพของสิ่งที่จะเกิดขึ้นในชีวิต” หลายคนน่าจะเคยได้ยินประโยคนี้มาบ้างล่ะ ประโยคที่ว่า.. "จินตนาการสำคัญกว่าความรู้" แต่เชื่อว่าส่วนใหญ่มักจะนำมาเป็นประโยคล้อเลียนขบขันกัน น้อยคนที่พยายามเข้าใจความหมายของประโยคนี้อย่างแท้จริงหากเพื่อน ๆ อ่านบทความนี้เป็นบทแรก แนะนำให้ย้อนกลับไปอ่าน EP 1 - 4 ก่อนนะคะ โดยสามารถกดที่โปรไฟล์ของดารัณและค้นหาได้เลย หรือกดจากลิงค์ที่จะแนบไว้ให้ที่ท้ายบทความได้เลยค่ะนอกจากการรู้แจ้งแก่ใจให้แน่ชัด ว่าเราต้องการสิ่งใดในชีวิต กระบวนการอันทรงพลังที่เราควรทำ คือการจินตนาการสร้างมโนภาพถึงสิ่งที่เราต้องการ จากแนวคิดที่ว่า “ถ้าเราสามารถจินตนาการถึงมันได้ มันก็สามารถเป็นจริงขึ้นมาได้..”นักวิทยาศาสตร์ได้มีการทดลองกระบวนการมโนภาพทางจิต หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า การมโนด้วยการสร้างภาพในใจ การทดลองนี้เริ่มมาจากแนวคิดที่ว่า จิตไม่สามารถแยกได้ว่าสิ่งที่มนุษย์คิด เป็นสิ่งที่ถูกกระทำขึ้นจริง ๆ หรือเป็นเพียงการจินตนาการภาพในหัวเท่านั้น กระบวนการนี้ได้ถูกนำมาทดลองใช้กับนักบินอวกาศของยานอะพอลโล และเริ่มถูกนำมาใช้อย่างเป็นทางการในช่วงยุคปี 1980 – 1990 และในกีฬาโอลิมปิก ซึ่งการทดลองทางจิตนี้เป็นที่น่าสนใจมากค่ะ อาสาสมัครซึ่งเป็นนักกีฬาโอลิมปิคได้ถูกทดลองโดยมีการวัดด้วยอุปกรณ์วัดการตอบสนองทางชีวภาพ วิธีการทดลองคือ 'ให้พวกเขาลงแข่งกีฬาในหัวของตัวเอง' อ่านไม่ผิดค่ะ ลงแข่งกีฬาในหัวของตัวเองด้วยการจินตนาการนั่นเองค่ะ!อาสาสมัครที่เข้าทดลองจะต้องจินตนาการถึงการฝึกซ้อม และลงแข่ง ให้ชัดเจนที่สุดเท่าที่จะจินตนาการได้ ผลที่ได้นั้นน่าทึ่งมากทีเดียวค่ะ นั่นคือในขณะที่พวกเขากำลังจินตนาการว่าได้ลงแข่งวิ่ง ปฏิกริยาทางร่างกายของพวกเขา มีการตอบสนองในรูปแบบเดียวกันกับขณะที่วิ่งจริง กล้ามเนื้อมัดเดียวกันถูกกระตุ้นในลำดับเดียวกัน ราวกับว่าพวกเขาได้ลงแข่งวิ่งในสนามจริง ๆ เลยล่ะค่ะ นั่นเพราะจิตเราไม่สามารถแยกแยะได้ว่าเราทำมันอยู่จริง ๆ หรือแค่จินตนาการในหัว น่าสนใจมาก ๆ เลยใช่ไหมล่ะ?Cr : Unsplashการจินตนาการภาพ (Visualization) หรือการมโนให้เกิดภาพในหัวของเรา เป็นขั้นตอนที่ทรงพลังมากในกระบวนการดึงดูดค่ะ เป็นหนึ่งในเทคนิคที่สำคัญมากที่ใช้ในการติดต่อกับจิตใต้สำนึกและสร้างกระบวนการดึงดูดสิ่งที่เราปรารถนาเข้ามาในชีวิต ตามหลักการที่ว่า "ถ้าเราสามารถจินตนาการถึงมันได้ เราก็สามารถมีมันได้.."สิ่งสำคัญในการการจินตนาการภาพ (Visualization) ให้เกิดประสิทธิภาพ ต้องมีองค์ประกอบของอารมณ์ความรู้สึกร่วมด้วยนะคะ เพื่อน ๆ ต้องรู้สึกให้ได้ถึงผัสสะทั้ง 5 นั่นคือ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส เพียงแต่ต้องรู้สึกที่โลกภายใน ก็คือภายในหัวของเรานั่นแหล่ะค่ะ หากต้องการให้เกิดแรงดึงดูดอย่างแรงกล้าและรวดเร็ว ภาพของสิ่งที่เราต้องการในหัวต้องชัดเจน และเราต้องรู้สึกถึงมันด้วยผัสสะทั้งหมด ไม่ใช่แค่ใส่ความรู้สึกลงไป แต่ต้องรับรู้ถึงสัมผัสของสิ่งนั้น เสมือนว่าเป็นของจริง ยกตัวอย่างง่าย ๆ เพื่อน ๆ ลองจินตนาการถึงสถานการณ์ที่กำลังหยิบลูกมะนาวขึ้นมานะคะ ลองคิดดูว่าลูกมะนาวมีขนาดเท่าไหร่ ผิวเปลือกของมันเป็นยังไง มีกลิ่นแบบไหน จากนั้นจินตนาการว่ากำลังใช้มีดผ่าไปที่ลูกมะนาวนะคะ ลองสูดดมกลิ่นของมัน แล้วหยิบเสี้ยวหนึ่งมาบีบน้ำมะนาวใส่ปาก เป้นยังไงคะ? รู้สึกยังไงบ้างเอ่ย? เชื่อว่าเพื่อน ๆ ต้องรู้สึกเปรี้ยวจนน้ำสายสออยู่ในตอนนี้แน่ ๆ ล่ะ ฮ่า ๆ ๆการจินตนาการถึงมะนาวเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับฝึก Visualization เลยค่ะ ยิ่งเราสามารถสัมผัสสิ่งนั้นได้ชัดเจนมากแค่ไหน แรงดึงดูดก็จะทำงานได้แรงมากเท่านั้น คราวนี้ให้เพื่อน ๆ ลองเปลี่ยนไปจินตนาการถึงอย่างอื่นที่ต้องการดูบ้าง เช่น การมีเงิน ไม่ใช่แค่ใส่ความรู้สึกว่ารวยแล้ว ได้เงินแล้ว มีความสุขแล้วเท่านั้นนะคะ เพราะความชัดเจนมันยังไม่มากพอ แต่ให้ทำเช่นเดียวกับการจินตนาการถึงมะนาวเลยค่ะ คือเราต้องสัมผัสให้ได้ด้วยว่า เงินที่เราได้รับมาแล้วในโลกภายในนั้น มันมีผิวสัมผัสเป็นยังไง เวลานับเงินจำนวนเยอะ ๆ มันเกิดเสียงอย่างไร ถ้าเอาเงินขึ้นมาสูดดม จะได้กลิ่นของแบงก์เป็นแบบไหน เพื่อน ๆ ต้องสัมผัสให้ได้ถึง รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสให้ได้เสมือนว่าเงินนั้นกำลังถือมันอยู่ในมือเราจริง ๆเทคนิคคือ เราต้องจินตนาการภาพความต้องการของเราให้เป็นภาพเคลื่อนไหวค่ะ คล้ายกับมิวสิควีดิโอ หรือภาพยนต์ นั่นแหล่ะค่ะ แต่เราต้องเป็นนักแสดงนำในเรื่องนะ พูดง่าย ๆ คือ เราต้องไม่เห็นตัวเองในภาพ แต่ต้องเห็นสภาพแวดล้อมในเรื่องราวนั้น เป็นการมองเรื่องราวจากมุมมองของเราเอง เสมือนว่าเราเป็นพระเอกหรือนางเอกของเรื่องนั้น ฟังดูน่าสนุกใช่ไหมล่ะ? และเมื่อเราจินตนาการเห็นภาพฉายอยู่ในหัว เราจะต้องนึกถึงแต่ผลลัพธ์สุดท้ายที่ต้องการเสมอนะ เช่น ถ้าเราอยากได้รถ ลองยกมือทั้งสองข้างขึ้นมา มองไปที่หลังมือ จดจำรูปร่างของมือเรา จดจำสีผิว ลักษณะของเล็บ แหวน รอยแผลเป็น เส้นเลือด อะไรก็ตามที่อยู่บนหลังมือเราให้ดีค่ะ จากนั้นกำมือในท่าจับพวงมาลัย แล้วหลับตา จินตนาการถึงพวงมาลัยของรถรุ่นที่เพื่อน ๆ อยากได้เลย คอนโซลรถรูปร่างหน้าตาเป็นยังไง? จินตนาการให้ได้ถึงกลิ่น อุณหภูมิ จากนั้นขับมันเลยค่ะ ขับมันในหัวของเรานั่นแหล่ะ สร้างประสบการณ์โฮโลแกรมของสิ่งที่เราต้องการขึ้นในหัวและอย่าลืมมีความสุขไปกับมันนะคะ เราจะไม่รู้สึกว่าโหยหาต้องการรถด้วยซ้ำ เพราะเราเชื่อสุดจิตสุดใจแล้วว่าเราได้เป็นเจ้าของมัน!Cr : Unsplashช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดสำหรับการจินตนาการภาพในหัว คือช่วงเวลาที่เคลิ้ม ๆ ใกล้จะหลับ และช่วงเวลางัวเงียหลังตื่นนอนค่ะ เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่คลื่นสมองของคนเราจะอยู่ในภาวะอัลฟรา (Alpha) และต่อเนื่องกับภาวะเธตรา (Theta) ซึ่งเป็นภาวะที่สมองส่วนตรรกศาสตร์มีการทำงานน้อย ทำให้เราสามารถส่งกระแสคลื่นความคิดไปยังจิตใต้สำนึกได้ดีที่สุดค่ะไม่ใช่เพียงการสร้างภาพในหัวเท่านั้นนะคะ แต่ต้องรู้สึกให้ได้ว่าเรามีมันอยู่แล้ว และมีความสุขไปกับมัน จะเป็นความรู้สึกที่จะสร้างแรงดึงดูดได้ดี หลายคนอาจคิดว่าแค่คิดบวก และสร้างภาพในหัว ก็คงจะเพียงพอ แต่หากเราไม่รู้สึกถึงความสุข ไม่รู้สึกว่าเรามีมันแล้วจริง ๆ มันอาจสร้างแรงดึงดูดได้ไม่มากพอ ในทางตรงข้าม หากเรายิ่งรู้สึกต้องการมัน นั่นยิ่งแสดงถึงความขาดแคลน และเราจะได้พบแต่ประสบการณ์ของความต้องการอยู่แบบนั้นไปเรื่อย ๆ ค่ะขอให้เพื่อน ๆ รู้สึกถึงความสนุก ความสุข ความเบิกบาน ยิ้มเข้าไป หัวเราะเข้าไป แม้ว่าใครจะว่าเราบ้าก็ตาม ถามตัวเองดูค่ะ ว่าเราต้องการผลลัพธ์แค่ไหน ถ้าเราต้องการมันจริง ๆ ก็แค่ลงมือทำตามขั้นตอนนี้โดยไม่มีข้อแม้ไม่ต้องสนใจค่ะว่าจะได้มันมาได้อย่างไร ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแรงดึงดูดไป เราแค่ต้องมีความสุขกับสิ่งที่ต้องการเท่านั้น แล้ววิธีการจะปรากฎให้เห็นเอง จากความตั้งใจและความเชื่อที่มากพอของเรา ขอให้ทำมันทุกขณะจิต แต่อย่าทำด้วยความฝืนนะคะ เราควรสนุกไปกับการสร้างชะตาชีวิตของตัวเอง ทำให้กระบวนการดึงดูดเป็นเรื่องปกติธรรมดาของชีวิต ที่คนเราใช้มันอยู่ตลอดเวลาจงเชื่อว่าสิ่งมหัศจรรย์สามารถเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดายจากการเสกสร้างของตัวเราเอง อย่าถอดใจ แม้บางครั้งกระบวนการอาจทำงานช้าสักหน่อย คนจำนวนมากถอดใจและล้มเลิกความหวังไปเสียก่อน ทั้งที่มันใกล้จะปรากฎแล้ว บางคนมองแค่ผลลัพธ์ผิวเผิน และปักใจว่ามันไม่ได้ผล แน่นอนว่าเมื่อพวกเขาเลิกเชื่อ มันก็เป็นไปตามนั้น..Cr : Unsplashไอสไตน์กล่าวว่า “จินตนาการคือทุกสิ่ง เสมือนภาพของสิ่งที่จะเกิดขึ้นในชีวิต” เพราะฉะนั้นจงเลือกสิ่งที่เราต้องการ เชื่อว่าเราจะสามารถมีมันได้ เชื่อว่าเราสมควรได้รับมัน และเชื่อว่ามันเป็นไปได้ จากนั้นหลับตาลง ฉายภาพสิ่งที่เราต้องการซ้ำ ๆ ทำแบบนี้ทุกวัน บ่อยเท่าที่จะทำได้ นึกภาพว่าเรามีมันแล้ว เชื่อให้ได้อย่างสุดจิตสุดใจ รับรู้ถึงความรู้สึกว่าเรามีสิ่งนั้นในครอบครองแล้ว และเมื่อลืมตาขึ้นมา ให้รู้สึกขอบคุณกับสิ่งที่มีอยู่ในตอนนี้ ทำด้วยใจที่เบิกบาน มีความสุข ปลดปล่อยคลื่นความถี่นี้ไปสู่จักรวาล และจากนั้นก็ใช้ชีวิตให้สอดคล้อง เพื่อรอให้สิ่งนั้นปรากฏ เชื่อมั่นว่าแรงดึงดูดจะนำพาสิ่งนั้นเข้ามาในชีวิตเราอย่างแน่นอน..ถ้าเพื่อน ๆ สนใจอ่านทฤษฎีกฎแรงดึงดูดเพิ่มเติม สามารถติดตามได้ที่หน้าโปรไฟล์ของดารัณโดยการ Follow ไว้ได้เลยค่ะ และสามารถอ่าน EP ที่ผ่านมาได้ที่ลิงค์ด้านล่างนี้เลยค่ะEP1 : กฎแรงดึงดูดคืออะไร ทำไมไลฟ์โค้ชจึงบอกว่าดีEP2 : สิ่งที่เหมือนกัน จะดึงดูดเข้าหากันเสมอขอให้ทุกคนมีวันที่ดีค่ะ :) เรื่อง : ดารัณ พันสวะนัด (ผู้เขียน)ขอบคุณภาพประกอบปกจาก Unsplash