รีเซต

SGPดีมานด์-ออเดอร์หนุน ยอดขายปีนี้โต3.7ล้านตัน

SGPดีมานด์-ออเดอร์หนุน ยอดขายปีนี้โต3.7ล้านตัน
ทันหุ้น
12 มีนาคม 2564 ( 10:54 )
53

ทันหุ้น – SGP ตั้งเป้ายอดขายLPG ปี 2564 เติบโต 15% หรือ 3,730,000 ตัน จากปี 2563 ที่ 3,247,191.66 ตัน มองความต้องการในประเทศ และต่างประเทศเริ่มฟื้นตัวมากขึ้นหลังโควิด-19 คลี่คลาย ชี้ความต้องการ LPG ในประเทศจีนปัจจุบันเริ่มกับมามีความต้องการมากขึ้น จากปีก่อนลดลงไป  20.4%

 

นางจินตณา กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ปี 2564 เติบโต 15% หรือประมาณ 3,730,000 ตัน จากปี 2563 ที่บริษัทมียอดขาย 3,247,191.66 ตัน เนื่อจากจากสถานการณ์โควิด-19 มีแนวโน้มคลี่คลายมากขึ้น ส่งผลให้ยอดขายทั้งในประเทศและต่างประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย โดยหากย้อนกลับไปก่อนจะเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 บริษัทมียอดขายที่ระดับ 3,834,967 ตัน ในปี 2562

 

โดยยอดขายในปี 2564 แบ่งออกเป็น 1.ยอดขายในประเทศ 12.2% หรือประมาณ 910,000 ตัน 2.จากธุรกิจ Offshore trading เติบโตที่ 12.8% หรือ 1,400,000 ตัน 3.ยอดขายจากประเทศจีน คาดว่าจะเติบโต 21.4% หรือ 1,150,000 ตัน 4.ยอดขายในประเทศเวียดนามที่ 8.6% หรือ 100,000 ตัน 5.ยอดขายจากประเทศสิงคโปร์ 24.7% หรือ 20,000 ตัน และ 6.ประเทศมาเลเซียที่ 24.7% หรือ 20,000 ต้น

 

ดีมานด์จีนฟื้น

 

ทั้งนี้ความต้องการ LPG ในประเทศจีน ปัจจุบันเริ่มกับมามีความต้องการมากขึ้น จากปีก่อนที่ได้รับผลกระทบจาก โควิด-19 ซึ่งทำให้ยอดขายลดลงไปประมาณ 20.4% ซึ่งในปี 2564 บริษัทเชื่อว่ายอดขายจากประเทศจีนจะกลับเข้ามาทดแทนยอดขายที่หดตัวจากช่วงที่ผ่านมาได้ จากแนวโน้มความต้องการในไตรมาสที่3 และ 4/2563 ก็เริ่มมีแนวโน้มความต้องการเพิ่มมากขึ้น

 

สำหรับทางด้านการลงทุน ในปี 2564 มีแผนจะเปิดสถานีบริการแก๊ส LPG จำนวน 2 แห่ง ที่บ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา และที่ลาดพร้าว 77 นอกจากนี้จะมีการเพิ่มคลังแก๊ส LPG สุขสวัสดิ์และจังหวัดขอนแก่น ปัจจุบันบริษัทมีคลังแก๊สจำนวน 9 แห่งทั่วประเทศ และมีเรือทั้งหมด 27 ลำ และมีรถบรรทุกแก๊สทั้งหมดกว่า 500 คัน

 

จ่อจ่ายปันผล

 

ทั้งนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติเสนอผู้ถือหุ้นจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการช่วงครึ่งปีหลังของปี 2563 ในอัตราหุ้นละ 0.40 บาท คิดเป็นเงิน 735.15 ล้านบาท ทั้งนี้เมื่อรวมกับเงินปันผลระหว่างกาลงวดครึ่งปีแรกของปี 2563 ซึ่งบริษัทได้จ่ายไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท คิดเป็นเงิน 183.78 ล้านบาท จะเป็นเงินปันผลจ่ายในปี 2563 ทั้งสิ้นในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นเงินรวม 918.93 ล้านบาท

 

อย่างไรก็ตามการจ่ายเงินปันผลดังกล่าวขึ้นอยู่กับมติของผู้ถือหุ้นในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2564 ในวันที่ 22 เมษายน 2564 โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 29 เมษายน 2564 และจ่ายเงินปันผลวันที่ 21 พฤษภาคม 2564

 

สำหรับผลประกอบการในปี 2563 บริษัทมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นใหญ่b2,061.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 701.93 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 51.62 % เทียบกับปี 2562ที่มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่จำนวน 1,359.91ล้านบาท โดยมีรายได้รวม 55,641.32 ล้านบาท เป็นรายได้จากการขาย,ขนส่ง และบริการ 55,123.61 ล้านบาท รายได้อื่น 517.71 ล้านบาท

 

และบริษัทย่อยมีกำไรขั้นต้นในปี 2563 จำนวน 3,760.76 ล้านบาท คิดเป็น 6.82% เทียบกับงวดเดียวกันของปี 2562 ที่มีกำไรขั้นต้น 3,250.72 ล้านบาท หรือคิดเป็น 4.85% โดยกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจำนวน 510.04 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 15.69% เนื่องจากราคา LPG ในช่วงไตรมาส 3 และ4 ปี 2563 มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยครี่งปีหลังราคาก๊าซปรับตัวขึ้นกว่า 115 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ส่งผลให้กำไรในปีที่ผ่านมาเติบโตเป็นที่น่าพอใจ

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง