เปลี่ยนบัตรแถบแม่เหล็ก เป็นบัตรชิปการ์ด ภาพโดย : สมภัสสร ใกล้เข้ามาแล้วครับ เหลือเวลาอีกประมาณ 2 เดือนเท่านั้น ใครที่ยังไม่ได้เปลี่ยนบัตรเอทีเอ็มชนิดบัตรแถบแม่เหล็ก เป็นบัตรแบบชิปการ์ด หลังจากวันที 15 มกราคม 2563 บัตรเอทีเอ็มหรือบัตรเดบิตชนิดบัตรแถบแม่เหล็ก จะใช้ไม่ได้แล้วนะครับ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่กำหนดให้ทุกธนาคารออกบัตรเอทีเอ็ม หรือบัตรเดบิตเป็นบัตรแบบชิปการ์ดให้กับลูกค้า เพื่อความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ชิปการ์ด คือ แผงวงจรขนาดเล็ก (Micro Chip) ที่ฝังอยู่บนหน้าบัตรเพื่อเก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ โดยจะให้บริการในรูปแบบบัตรเดบิต (Debit Card) และบัตรเครดิต (Credit Card) ภายในชิปจะมีหน่วยความจำและหน่วยประมวลผลซึ่งเปรียบเสมือนคอมพิวเตอร์ขนาดจิ๋วที่ช่วยให้เราสามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น โดยเทคโนโลยีในชิปนั้นจะเป็นไปตามมาตรฐาน EMV ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลที่ใช้กันทั่วโลก (Europay MasterCard และ VISA ) ที่มา : https://www.checkraka.com/knowledge/credit-card-2-77/1658345/ บัตรแบบชิปการ์ด สามารถป้องกันการโจรกรรมข้อมูลจากพวกมิจฉาชีพที่ใช้ประโยชน์จากเครื่องสกิมเมอร์ที่แอบเอาไปติดที่ช่องเสียบบัตรเอทีแอ็มของทุกธนาคาร โดยเครื่องจะทำการสกิมมิ่งคัดลอกข้อมูลจากบัตรแถบแม่เหล็กได้อย่างง่ายดาย ซึ่งพวกมิจฉาชีพเหล่านี้ จะสามารถกดเงินจากบัตรเอทีเอ็มของเราได้ นำข้อมูลจากเราไปใช้ประโยชน์ทำให้เราเสียหาย เครื่องสกิมเมอร์ที่มิจฉาชีพถอดของธนาคารออก แล้วนำเอาเครื่องของตนติดตั้งแทน ภาพโดย : สมภัสสร บัตรแบบชิปการ์ด ดีกว่า บัตรแถบแม่เหล็ก อย่างไร เพิ่มความปลอดภัยมากขึ้น ป้องกันการถูกคัดลอกข้อมูลหรือสกิมมิ่ง และการโจรกรรมข้อมูลจากบัตร ยกระดับสู่การชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) ใช้บัตรฯ ชำระค่าสินค้า/บริการแทนเงินสดเพื่อมุ่งพัฒนาเข้าสู่โครงสร้างสังคมที่คนไม่นิยมพกเงินสด(Cashless Society) สอดคล้องกับมาตรฐานสากล ใช้มาตรฐาน EMV ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลที่ใช้กันทั่วโลก (Europay MasterCard และ VISA ) ที่มา : https://www.ktb.co.th/th/krungthai-update/promotion-detail/197 การเปลี่ยนบัตรแถบแม่เหล็กมาเป็นบัตรชิปการ์ด เพื่อยกระดับความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางการเงิน และป้องกันการโจรกรรมเงินผ่านทางไซเบอร์ ซึ่งจะช่วยป้องกันการปลอมแปลงบัตร และการคัดลอกข้อมูลจากมิจฉาชีพ ทำให้มิจฉาชีพเกิดความยากลำบากในการคัดลอกข้อมูลบนบัตรของเรา ทั้งนี้หากคุณใช้บัตรเดบิต บัตรเครดิต หรือบัตร ATM แบบแถบแม่เหล็ก ไม่มีชิปการ์ดอยู่บนบัตร สามารถติดต่อธนาคารที่ตนเองใช้บริการได้ทุกสาขา เพื่อเปลี่ยนเป็นบัตรชิปการ์ด “ฟรี” เพียงแสดงบัตรประจำตัวประชาชน บัตรเดบิตหรือบัตรเอทีเอ็มใบเดิม และสมุดบัญชีเงินฝาก สำหรับบัตรแบบเก่า แถบแม่เหล็ก ที่ไม่มีชิปการ์ด ยังคงสามารถใช้กับตู้ ATM และเครื่องรูดบัตรได้จนถึง 15 มกราคม 2563 เป็นวันสุดท้าย หลังจากวันที่ 16 มกราคม 2563 เป็นต้นไป บัตรแถบแม่เหล็กจะไม่สามารถใช้ได้ที่ตู้ ATM หรือเครื่องรูดตามร้านค้าได้อีกต่อไป ซึ่งขณะนี้หลายๆธนาคารได้ดำเนินการปรับเปลี่ยนตู้เอทีเอ็มเพื่อรองรับบัตรแบบชิปการ์ดแล้ว โดยเครื่องที่รองรับบัตรแบบแถบแม่เหล็กจะค่อยๆถูกถอดถอนไป ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผู้ถือบัตรแบบแถบแม่เหล็ก จะไม่สามารถกดเงินจากตู้เอทีเอ็มรุ่นใหม่ได้อีกต่อไป หากไม่สามารถเปลี่ยนบัตรได้ทันตามที่ธนาคารกำหนด เราสามารถเลือกใช้บริการเบิกถอนเงินสดผ่านทาง Mobile Banking หรือ Internet Banking โดยไม่ต้องใช้บัตรได้ครับ บัตรชิปการ์ดแบบมีความคุ้มครอง ภาพโดย : สมภัสสร ใครที่อยากมี Security ที่ดีก็สามารถไปเปลี่ยนบัตร เป็นแบบชิปการ์ดได้ที่ธนาคารของตนเองได้ครับ โดยแต่ละธนาคารจะมีโปรโมชั่นพิเศษสำหรับการเปลี่ยนบัตรแถบแม่เหล็กเป็นบัตรชิปการ์ดและอัพเกรดเป็นบัตรที่มีความคุ้มครอง(ประกันอุบัติเหตุ) ส่วนผมเลือกบัตรประเภทที่มีความคุ้มครองครับ ซึ่งจะมีค่าธรรมเนียมรายปีตามแต่ละประเภทบัตร ก็ลองเลือกพิจารณาให้เหมาะสมกับตนเองนะครับ เปลี่ยนบัตรแถบแม่เหล็ก เป็นบัตรชิปการ์ด วันนี้ฟรี ค่าธรรมเนียมการออกบัตรชิปการ์ด (ใหม่) ทดแทนบัตรแถบแม่เหล็ก ตั้งแต่วันนี้ – 30 ธ.ค. 62