เทคนิคการพูดภาษาอังกฤษต้องเริ่มจากการฟังก่อนอย่างอื่น ทุกคนคงเคยได้ยิน "ฟัง, พูด, อ่าน, เขียน" แต่อาจจะไม่รู้ว่ามันคือขั้นตอนที่เราเรียนภาษากัน ลองนึกถึงตอนที่เราเรียนภาษาแรกในชีวิต ตอนเราเป็นเด็กเราไม่ได้เริ่มจากการพูดก่อนเราเริ่มจากการฟัง ที่สังเกตเห็นได้ชัดคือถ้าเราได้ยินภาษามาแบบไหนเราจะพูดเป็นแบบนั้น ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราเกิดทางภาคใต้เราจะใช้ภาษาไทยสำเนียงใต้ที่คนใต้สามารถพูดภาษาภาคกลางได้เนื่องจากเราได้ยินทางทีวีหรือสื่อต่างๆ แต่คนภาคกลางอาจจะไม่สามารถพูดภาษาไทยสำเนียงใต้ได้เลยหากไม่เคยได้ยินหรือไม่มีคนรอบข้างคนไหนเป็นคนใต้ การฝึกพูดภาษาอังกฤษที่เรียนรู้กับตัวเองคือการดูหนังที่มี subtitle เป็นภาษาอังกฤษ ตอนดูอาจจะต้องใช้ความตั้งใจสังเกตหน่อยว่าเขาพูดกันแบบไหนในสถานการณ์นั้นๆ เก็บคำต่างๆและเข้าใจบริบท สำหรับคนที่อยากดูหนัง feel good จบแบบ Happy Ending ลองไปดู 4 เรื่องนี้เพื่อฝึกฟังภาษาอังกฤษ ฟังแล้วลองออกเสียงตามดูถ้าเจอคำใหม่ๆเป็นการสร้างรอยความจำให้สมอง (cookie) เหมือนเราเคยพูดหรือใช้ประโยคนั้นๆมาก่อน นี้คือเหตุผลว่าทำไมเราไม่ต้องแปลประโยคที่เราพูดซ้ำๆ เพราะสมองเข้าใจแล้วไม่ต้องแปลไปๆมาๆ เรื่องที่ 1: The Intern หนังเรื่องนี้มีนักแสดงนำชายเป็นผู้ชายวัยเกษียณและนักแสดงนำหญิงที่เป็น Working Woman วัยทำงาน เมื่อธุรกิจขายเสื้อผ้าออนไลน์เริ่ม Kick Off ทำให้ผู้บริหารหญิงเก่งทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับบริษัทไม่มีเวลาทำหน้าที่แม่บ้านแบบผู้หญิงทั่วไป เมื่อบริษัทต้องทำ CSR เพื่อตอบแทนสังคมทีมงานของบริษัทได้คิดแคมเปญจ้างงานผู้ใหญ่วัยเกษียณและเป็นที่มาของเรื่องราวต่างๆ ระหว่างเจ้านายกับลูกน้องวัยเกษียณ เรื่องที่ 2: As Good As It Getsชื่อเรื่องนี้เป็นสำนวนที่ใช้กันทั่วๆไปที่แปลว่า "ดีเท่าที่จะเป็นไปได้" เรื่องนี้เป็นความรักแบบปลงๆ ระหว่างสาวเสิร์ฟที่มีปัญหาทางด้านการเงินกับชายวัยกลางคนที่มีปัญหาการเข้าสังคม เมื่อความรักเริ่มจากความสงสารของคนทั้งคู่ ฝ่ายผู้หญิงสงสารฝ่ายชายที่ไม่มีใครอย่าสนทนาด้วยหรือแม้แต่เข้าใกล้เพราะไม่มีความสุภาพในการเข้าสังคมเลยและฝ่ายชายเห็นความลำบากของฝ่ายหญิงที่ต่อสู้เพื่อรักษาลูกชายของเธอ เมื่อความรักทำให้สถานการณ์ของทั้งคู่ดีขึ้นอาจจะไม่ดีที่สุดอย่างที่เคยคิดฝันแต่ก็ "ดีเท่าที่เป็นไปได้"เรื่องที่ 3: Princess Switchความรักแบบเทพนิยายซินเดอเรลล่าต้องเรื่องนี้เลย เมื่อสาวชิคาโกผู้เป็นเจ้าของร้านขายเบเกอรี่ต้องไปแข่งทำขนมในประเทศหนึ่งในยุโรปที่ปกครองด้วยระบบกษัตริย์เมื่อไปถึงกลับไปเจอเรื่องบังเอิญครั้งใหญ่ที่ทำให้ต้องไปสลับตัวกับเจ้าหญิงที่เป็นคู่หมั้นของเจ้าชายรัชทายาทของประเทศ เมื่อใช้เวลาด้วยกันทำให้รู้ว่าความรักมันเกิดขึ้นแต่ไม่ใช่กับผู้หญิงที่เป็นคู่หมั้น แล้วเจ้าชายจะทำยังไงหากรู้ว่าผู้หญิงที่ตัวอย่างใช้เวลาด้วยและตกหลุมรักไม่ใช่คนที่ถูกหมั้นหมายอย่างเป็นทางการไว้ให้เรื่องที่ 4: Love Actually ช่วงคริสต์มาสใครๆก็ต้องการความรักและช่วงเวลาแห่งความสุขกับคนรัก เส้นทางความรักของคนหลายคนเข้ามาประกอบกันเป็นเรื่องราวในหนังเรื่องนี้ อุปสรรคต่างๆของความรักทำให้เกิดรักแท้ การสูญเสียคนรักไม่ใช่จุดจบ ความเปลี่ยนแปลงต่างๆทำให้ต้องให้อภัย หนังเรื่องนี้พยายามบอกเราว่าความรักนำสิ่งสวยงามมาให้กันเสมอ ตอนจบมีเพลงเพราะๆ ให้ฟังเหมาะกับเทศกาลคริสต์มาสและในหนังเรื่องนี้มีทั้งสำเนียงอังกฤษและอเมริกันให้ฟังกัน ทักษะการฟังเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้เราเรียนรู้ประโยคต่างๆที่ใช้งานจริงซึ่งอาจจะไม่เคยเรียนรู้จากในห้องเรียน หากต้องการประสบการณ์ในการใช้ภาษาอังกฤษโดยไม่ต้องไปผจญภัยด้วยตัวเองการฟังจากหนังเป็นจุดเริ่มต้นของผู้ต้องการที่จะฝึกพูดภาษาอังกฤษทุกคน ลองดูหนังทั้ง 4 เรื่องโดยดูแต่ซับภาษาอังกฤษ ถ้าไม่เข้าใจให้ดูซ้ำแต่ไม่ต้องเปลี่ยนเป็นภาษาไทยนะคะ เวลาพูดภาษาอังกฤษกับภาษาไทยไม่มีการแปลตรง ๆ เพราะทุกการพูดเป็นตามสถานการณ์แล้วอย่าลืมจดศัพท์เพิ่มด้วยนะ หลังจาก 4 เรื่องนี้ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะดูหนังให้ได้ทุกวันเพื่อฝึกฟังและเก็บประโยคต่างๆจากหนังที่เราดูเพื่อเอาไปใช้จริงครูด้วงEnglish Forward Unlimitedภาพประกอบโดยผู้เขียน เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !