The Art and Science of Human Behaviorโดยแนวคิดจิตวทยาจากสรุปของ by Robert C. Beckคววามเข้าใจในศาสตร์ของจิตวิทยาจะพาทุกคนหาคำตอบของพฤติกรรมของมนุษย์ว่า ทำไมเราถึงทำแบบนั้น หรือทำไปเพื่ออะไร และทำไปทำไม เช่น ทำไมเวลาเพื่อนทำผิดเรามักจะแอบเข้าข้าง ทำไมบางครั้งเราเห็นอีกอย่างแต่กลับพูดอีกอย่าง และเคยสงสัยมั้ยว่าทำไมคนบางคนยอมอยู่กับคนที่ทำร้ายตัวเองพฤติกรรมเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของพฤติกรรมเป็นร้อยเป็นพัน ที่มนุษย์เราได้กระทำ ซึ่งจิตวิทยามีคำตอบเกี่ยวกับสิ่งที่เกิด อย่างคราวๆให้เราได้พอเข้าใจที่มาที่ไปของ “พฤติกรรม”1. พฤติกรรมมนุษย์ เกิดจากธรรมชาติของเราที่ได้รับจากครอบครัว เรียกว่า พันธุ์กรรม นั่นเอง เช่น ผมตรงเหมือนแม่ ตาสีน้ำตาลเหมือนพ่อ เป็นต้น2. พฤติกรรมมนุษย์ เกิดจากการรับรู้และเข้าใจในสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย 3 ปัจจัยหลัก2.1 Sense organs หรือ อวัยวะรับสัมผัส โดยมนุษย์จะเสามารถมองเห็นมีสีต่าง ๆ แต่สัตว์ส่วนใหญ่จะไม่สามารถเห็นเป็นสีจริงได้ แต่อาจจะเป็นสีโทน dark โดย มนุษย์เราเองก็รับรู้และเข้าใจสิ่งที่เห็นและจดจำ และกระทำ หรือเลียบแบบสิ่งเราเห็นบ่อย ๆ โดยที่เราไม่รู้ตัว 2.2 Knowledge and expectations หมายถึง การที่บ่อย ๆ เรามักเห็นสิ่งที่เราคาดหวังที่จะเห็น! หรือคุ้นเคยรู้จักมาก่อน จึงทำให้ทำบางครั้งเราเห็นอีกอย่างและพูดอีกกย่าง เช่น บางทีเก็ไม่เข้าใจว่าเพื่อนเรานี่มันทนอยู่กับไอคนนี้ได้ไง เพราะทำไม่ดีกับเพื่อนเราแต่เพื่อนเราก็ยังอยู่ คุณรู้มั้ยว่าทำไมเพื่อนถึงอยู่ ก็เพราะเพื่อนคุณมีความคาดหวังว่าเขาจะดีขึ้นนั่นเอง 2.3 Motives, Emotions, and attitudes หมายถึง บ่อย ๆ ครั้งเรามักจะเห็นอะไรที่เราอยากเห็นหรือได้ยิน คล้ายๆกับคำที่ว่า เราเห็นเพื่อนนี้ดีที่สุดสำหรับเรา แต่อาจจะร้ายที่สุดในศัตรูเราก็ได้ หรือเวลาหิวเราจะสังเกตเห็นอาหารได้เร็ว พฤติกรรมเหล่านี้เกิดขึ้นมาจากแรงกระตุ้นภายในอารมณ์ของมนุษย์ เพื่อให้การดำรงชีวิตอย่างราบรื่นข้อสรุปลงท้าย คือเราไม่อาจหลบหนีการมองเห็นโลกใบนี้ได้จากการรับรู้ส่วนบุคคลของ แต่เราสามารถพยายามที่จะเห็นสิ่งแตกต่างของผู้อื่นได้ใน "มุงมอง" ของเขา เพราะสิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง ที่เราควรตระหนัก คือ คนอื่นก็อาจจะได้เห็นบางอย่างในมุมมองของเราเช่นกัน ดังนั้นเราต้องเลือกที่จะแสดงให้พวกเขารู้อย่างเหมาะสมและไม่ทำร้ายใคร เพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจเราและเราเข้าใจผู้อื่น ที่สำคัญใช้ชีวิตในแบบที่เราต้องการ และมีแนวทางเป็นของตัวเอง ภาษาอังกฤษอาจใช้คำว่า Self-concept