ชายคาของหลังคาวัดศิลปะแบบไทยใหญ่ จะนิยมประดับด้วย “ปานซอย และปานถ่อง” ซึ่งเป็นแผ่นโลหะตอกลายศิลปะไทใหญ่ผสมผสานกับล้านนา มองดูคล้ายกับลายกนกของไทย ในอดีตใช้แผ่นเงินตีบางเป็นวัตถุดิบในการทำ แต่ในปัจจุบันแร่เงินมีราคาสูง อีกทั้งมีกรรมวิธีซับซ้อน ทำให้ช่างหรือสล่าตอกลายนำเอาสังกะสี อลูมิเนียม ตลอดจนวัสดุโลหะแผ่นที่หาได้ในพื้นที่มาตอกลายแทน “ปานซอย” คือสังกะสีตอกลายที่ห้อยลงมาชายหลังคา ส่วน “ปานถ่อง” คือสังกะสีที่ปลายชี้ขึ้นไปด้านบนที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนมีสล่าตอกลายอยู่หลายท่านซึ่งกระจายกันอยู่ทั่วไป แต่กลุ่มช่างที่มีได้รับความนิยมและประกอบอาชีพด้านนี้โดยตรงอาศัยอยู่ที่บ้านท่าโป่งแดง ตำบลผาบ่อง อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ผู้เขียนได้ออกเดินทางไปยังที่ทำการผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านท่าโป่งแดงเพื่อศึกษาวิธีการทำงานตอกลายโดยเฉพาะ“สล่าชัย” ได้อธิบายถึงวิธีการทำปานซอย อย่างคร่าว ๆ ว่า “สิ่วต้องคม แรงตอกต้องกำลังดี ไม่แรงหรือเบาเกินไป ต้องระมัดระวังทุกครั้งที่จะตอกลาย เพราะหากพลาดคือใช้ไม่ได้”กว่าจะเป็นปานซอยต้องกำหนดลวดลายที่ต้องการ แล้วร่างแบบไว้บนกระดาษเพื่อตัดเป็นแม่แบบตัดแผ่นโลหะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าให้ได้ขนาดตามที่ต้องการทาบและวาดลวดลายลงไป จากนั้นก็ตอกลายตามแบบปานซอยร่วมสมัยสล่าหลายท่านหันมาใช้อะลูมิเนียมแทนสังกะสี เพราะมีความแวววาว คงทนกว่า แต่ราคาก็จะสูงขึ้นตามวัสดุ “เมตรละ 150 บาท” สล่าชัยกล่าว การทำปานซอยแต่ละหนกินเวลาเกือบทั้งวัน เพราะต้องมีการเก็บรายละเอียดงาน ปัจจุบันนี้การประดับปานซอยนั้นไม่ได้จำกัดไว้เพียงที่วัดวาอารามหรือบ้านของเจ้านายเท่านั้น แต่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปในสถานที่สำคัญของเมืองแม่ฮ่องสอนไม่เพียงเท่านี้ ชาวบ้านท่าโป่งแดงยังมีการประยุกต์ปานซอยให้ร่วมสมัยมากยิ่งขึ้นด้วยการทำเป็นของที่ระลึก ด้วยการตอกลายแล้วนำมาประกอบขึ้นรูปเป็นนกยูง บ้างก็ตอกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่งดงามสมจริงแม้ทุกวันนี้จะมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ แต่กลุ่มปานซอยบ้านท่าโป่งแดงยังคงใช้สองมือซึ่งแสดงถึงความประณีต ความใส่ใจ และต้องการอนุรักษ์ศิลปะการตอกลายแบบนี้ไว้ให้ชนรุ่นหลัง ...ทีละเส้นทีละสายสู่ลายศิลป์ หนึ่งคนหนึ่งใจจินต์หนึ่งศิลปะคมสิ่วแรงค้อนกระดอนประทะ บนโลหะแผ่นวาวพร่างพราวพราย...เป็นความงามเป็นไทใหญ่เป็นใจรักเป็นศรัทธาสามิภักดิ์จำหลักร่ายเป็นอาชีพพอเพียงหล่อเลี้ยงกาย เป็นงานช่างตอกลายไทใหญ่เอยภาพและกลอนโดยผู้เขียน