บันทึกการท่องเที่ยวเพื่อเรียนรู้การดำรงชีวิตที่หมู่บ้านคีรีวง จังหวัดนครศรีธรรมราชคีรีวง แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง ตั้งอยู่ที่ตำบลกำโลน อำเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช สถานที่ที่ได้ชื่อว่าอากาศดีที่สุดในโลก จากการที่เราได้เข้าไปสัมผัสแล้ว คงปฏิเสธไม่ได้เลยจริง ไม่ต้องมีเครื่องวัดอากาศก็รู้ได้ถึงอากาศที่บริสุทธิ์ หมู่บ้านที่อยู่ท่ามกลางภูเขาสลับซับซ้อนไปมา ป่าไม่บนเขาและรอบบริเวณหมู่บ้านที่เขียวขจี รวมกับคลองสายหลักที่ไหลผ่าน เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการมาเที่ยวเพื่อพักผ่อนอย่างแท้จริง แต่การมาในครั้งนี้เราไม่ได้มาท่องเที่ยวพักผ่อนเพียงอย่างเดียว แต่เรามาเพื่อศึกษาวิถีชีวิตและอาชีพของคนคีรีวงควบคู่ไปด้วย เรียกได้ว่า ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน)เรามาถึงที่นี่ก็เข้าช่วงเที่ยงพอดี แวะรับประทานอาหารตามร้านข้างทางภายในหมู่บ้านเพื่อเติมแรงกันสักหน่อย ก่อนที่เราจะเดินเท้าไปยังแหล่งกลุ่มอาชีพของชุมชนกัน รถพาเรามาจอดที่ศาลาอเนกประสงค์ เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นให้เราเดินไปยังกลุ่มอาชีพกลุ่มแรก นั่นคือ กลุ่มลายเทียน (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน)กลุ่มลายเทียน เป็นกลุ่มอาชีพที่ทำผ้าบาติก แล้วลงสีที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ เราได้ยืนดูคุณลุงผู้เรียกตัวเองว่า “ป๋า” วาดเทียนเป็นภาพลงบนผ้าโดยที่ไม่มีแบบ แต่วาดลงไปเรื่อย ๆ จึงถามออกไปว่า “ป๋าเคยวาดผิดบ้างไหม?” เราได้คำตอบที่ว่า... "ป๋าไม่เคยวาดผิดสักครั้ง เพราะไม่มีลายที่เป็นแบบแผน" (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน)ผู้เขียนคิดว่าเป็นคำตอบลึกล้ำมาก ลวดลายจากน้ำเทียนที่ถูกวาดลงบนผืนผ้าสีขาวบาง ๆ จากฝีมือของป๋า ผู้บรรจงวาดลวดลายบนผ้าบาติกมานานกว่า 20 ปี บ่งบอกถึงความเชี่ยวชาญ ถึงแม้ว่าปากจะบ่นว่าในปัจจุบันความนิยมในการสวมใส่ผ้าบาติกประเภทนี้น้อยลง และการผลิตผ้าบาติกแบบดั้งเดิมก็ลดลงเช่นกัน สะท้อนให้เห็นถึงการเลือนหายไปของภูมิปัญญา แต่กลุ่มชาวบ้านก็ยังคงรักษาก็เพื่อคงไว้ซึ่งอาชีพที่สืบทอดมา เพื่อส่งต่อผลงานไปยังผู้ที่ยังเห็นคุณค่าของภูมิปัญญาดังกล่าว (ส่วนใหญ่เป็นต่างประเทศ) แม้ว่ามันจะน้อยลงก็ตาม (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน)จากนั้นเราก็เดินมาที่กลุ่มมัดย้อม ซึ่งทำผ้ามัดย้อมและผ้าบาติกจากสีธรรมชาติเช่นเดียวกัน แม้สีที่ได้จะไม่สดใสแบบสีที่ทำจากเคมี แต่สีที่ได้ก็คงทน ซึ่งได้มาจากใบหูกวาง แก่นไม้ ใบมังคุด เปลือกต้นมังคุด ซึ่งเป็นผลไม่ที่ปลูกกันมากในชุมชน เราจึงไม่ลืมที่จะซื้อของฝากจากกลุ่มมัดย้อมที่พัฒนาผ้าธรรมดาเป็นหมวก กระเป๋า เสื้อ และอื่น ๆ ลวดลายที่ทำด้วยมือทีละผืนมั่นใจได้เลยว่าเป็นผืนเดียวในโลกที่เป็นลวดลายแบบนั้นแน่นอน (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน)และเราก็มาที่กลุ่มที่ 3 คือ กลุ่มลูกไม้ เป็นกลุ่มที่สร้างผลิตภัณฑ์จากผลของลูกไม้ แก่นไม้ ลูกปัด สร้างเป็นเครื่องประดับแบบเก๋ ๆ ทั้งสร้อยคอ กำไล สร้อยข้อมือ สร้อยข้อเท้า แหวน หรือแบบที่เป็นเครื่องรางสำหรับคนชอบสะสมก็มี เป็นการต่อยอดจากสิ่งที่มีในชุมชนให้เกิดประโยชน์ จากคนที่เรียนไม่เก่งและเรียนไม่จบ ก็กลับมาบ้านของตนเอง เริ่มต้นจาทรัพยากรใกล้ตัว พัฒนาจนมีธุรกิจเป็นของตัวเองส่งขาย ไม่ต้องทะเยอทะยานกับชีวิตที่วุ่นวาย แต่ก็มีความสุข และเช่นเดียวกับกลุ่มมัดย้อม เราก็ได้อุดหนุนสร้อยข้อมือมาอีกเล็ก ๆ น้อย ๆ ไว้เป็นที่ระลึกกลุ่มสุดท้ายของวันนี้ คือ กลุ่มสมุนไพร เราได้เรียนรู้การพัฒนาสมุนไพรในท้องถิ่นให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์มากมาย ทั้งสบู่ โลชั่น ผงขัดหน้าขัดตัว พิมเสน และอีกมากมาย ที่คุณลุงเจ้าของกลุ่มพยายามคิดค้นขึ้น จนกลายเป็นแบรนด์ของตัวเอง และเช่นเดียวกันกับกลุ่มอื่น ๆ คือ การเริ่มต้นจากสิ่งที่เรามี แล้วค่อย ๆ เรียนรู้ พัฒนา ปรับปรุงไปเรื่อย ๆ และมีความสุขกับชีวิตที่เรียบง่าย (เสียดายที่กลุ่มนี้เรามัวแต่ฟังและซื้อของจนลืมเก็บรูปมาค่ะ)การเดินทางเพื่อเรียนรู้ของเราก็สิ้นสุด ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง เราจึงมาเข้าที่พักและปั่นจักรยานไปเล่นน้ำ ผ่อนคลายกายใจ สูดอากาศจมเต็มปอด ตื่นเช้ามาเราเดินเที่ยวตลาดเช้าเล็ก ๆ ของชุมชน ก่อนจะเดินทางกลับ (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน)คีรีวงไม่ได้เป็นแค่แหล่งท่องเที่ยว แต่ยังมีอีกมากมายให้เรามาเรียนรู้ คนที่นี่เลือกที่จะพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติ เริ่มต้นจากตนเองและต่อยอดไปเรื่อย ๆ ดำรงอยู่กันอย่างพี่ ๆ น้อง ๆ แม้จะมีนักท่องเที่ยวเข้าไปเยือนจนทำให้คีรีวงเปลี่ยนแปลงไปมาก แต่ภูมิปัญญาของชาวบ้านก็ยังติดแน่นอยู่ในเลือดจนคนที่นี่เลือกที่จะอยู่บ้านและอาชีพที่สืบต่อกันมา เรามาที่นี่ไม่ใช่แค่ได้พัก แต่ยังได้รับแรงบันดาลใจอีกหลายอย่างจากคนที่นี่ด้วย ซึ่งเหมาะที่จะเป็นแหล่งเรียนรู้แก่ชุมชนที่ต้องการจะพัฒนาตนเองได้ได้อย่างคีรีวง และสำหรับคนทั่วไปที่ต้องการศึกษาการใช้ชีวิตบนพื้นฐานของภูมิปัญญาที่มั่นคงของคนที่นี่ @คีรีวง