ในปัจจุบันเราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าการเข้าถึงการลงทุนไม่ว่าจะในประเภทไหนก็ตาม เช่น หุ้น, Forex ,Cryptocurrency ล้วนแล้วแต่แสดงราคาออกมาในรูปแบบของกราฟ จึงมีหลักการวิเคราะห์กราฟคือ การวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิค (Technical Analysis) ซึ่งเป็นการวิเคราะห์พฤติกรรมของราคาหุ้นหรือมูลค้าสินทรัพย์นั้นๆ ในอดีตจนถึงปัจจุบันโดยใช้หลักสถิติเพื่อนำมาใช้คาดการณ์พฤติกรรมการเคลื่อนไหวของราคาในรูปแบบกราฟการดูกราฟหุ้นหรือ วิเคราะห์ทางเทคนิค เต็มไปด้วยหลักการและเครื่องมือมากมาย ซึ่งข้อมูลความรู้ทางด้านการวิเคราะห์ทางเทคนิคเบื้องต้นที่เราควรทราบนั้นมีหลักการที่ไม่ต่างกัน เป็นความรู้ที่นักลงทุนควรทราบเป็นพื้นฐานเดียวกันก่อน เพื่อใช้ในการวิเคราะห์จุดเข้าซื้อขาย คาดการราคาในอนาคตของหุ้น โดยพื้นฐานทางเทคนิคที่ผู้เขียนรวบรวมไว้โดยย่อ มีดังนี้แท่งเทียน Candlestickการวิเคราะห์ทางเทคนิคจะอาศัยรูปแบบกราฟเป็นเครื่องมือสำคัญ ในส่วนประกอบของกราฟนั้นมีด้วยกันหลากหลายรูปรูปแบบด้วยกัน ในที่นี่ผู้เขียนขอยกกราฟแท่งเทียน ดังภาพที่ 1ราคาเปิด (Open Price) คือราคาซื้อขายแรกที่เกิดขึ้นของแท่งใน Timeframe นั้นๆราคาสูงสุด (High Price) คือการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นขึ้นสูงสุด ของแท่งใน Timeframe นั้นๆราคาต่ำสุด (Low Price) คือการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นลงต่ำสุด ของแท่งใน Timeframe นั้นๆราคาปิด (Close Price) คือราคาสุดท้ายที่เกิดขึ้นจากการซื้อขายสิ้นสุดของแท่งใน Timeframe นั้นๆ จากภาพ มีลักษณะสำคัญของแท่งเทียน ที่สามารถเกิดขึ้นได้ โดยยกตัวอย่างที่สำคัญดังภาพที่ 1แนวโน้ม Trendราคาหุ้นหรือดัชนีที่เคลี่ยนไหวมีทิศทาง 3 รูปแบบ ดังภาพที่ 2*** จากเรื่องของแนวโน้ม สิ่งที่น่ากังวลในการเข้าซื้อขายด้วยเทคนิค คือ ช่วงของ Sideway เป็นข้อควรระวังเนื่องจากการเคลื่อนขึ้นลงที่ไม่มี Trend ที่แน่นอน ควรศึกษาหรือเฝ้าดูก่อนตัดสินใจในช่วงของตลาด Sidewayแนวรับแนวต้าน Support & Resistanceแนวรับ Support คือจุดที่ราคาปรับตัวลงมาถึงระดับนี้ที่แนวรับ มักมีการกลับตัวขึ้น แต่หากทะลุแนวรับ ณ จุดนั้นๆ ก็จะพิจารณาใหม่ตาม Timeframeแนวต้าน Resistance คือจุดที่ราคาปรับตัวขึ้นไปถึงระดับที่เส้นแนวต้าน มักมีการปรับย่อลง แต่หากทะลุแนวต้าน ณ จุดนั้นๆ ก็จะพิจารณาใหม่ตาม Timeframeจากภาพที่ 3 แนวรับ แนวต้านที่เกิดขึ้น เกิดจาก แนวรับเดิมเป็นแนวต้านใหม่ แนวต้านเดิมกลับเป็นแนวรับใหม่ (ให้พิจารณาแนวโน้ม Trend ทั้งขาขึ้นและขาลง)PatternsPatterns ประกอบด้วยรูปแบบหลักๆคือ รูปแบบการลับตัว Reversal Patterns และ รูปแบบต่อเนื่อง Continuous Patterns รูปแบบต่อเนื่องโดยมี Patterns ดังต่อไปนี้รูปแบบการลับตัว Reversal Patternsคือ Patterns ที่บอกถึงการกลับตัวหรือเปลี่ยนแปลงทิศทางการเคลื่อนที่จากแนวโน้มเดิม โดยรูปแบบต่างๆ ดังภาพ รูปแบบต่อเนื่อง Continuous Patternsคือ Patterns ที่บอกถึงความต่อเนื่องของแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นไปในทิศทางเดียวกันกับแนวโน้มเดิม โดยมีรูปแบบต่างๆ ดังภาพGaps คือการเปิดของราคาที่ไม่สามารถตกลงกันในราคาที่ปิดก่อนหน้าจึงไม่เกิดความต่อต่อเนื่องของราคา ทำให้เกิดช่องว่างของราคาปิด และราคาเปิด ที่ทำให้ราคาเปิดใหม่นั้นอยู่ห่างจากราคาปิดก่อนหน้า ดังภาพโดยความสำคัญของการเกิด Gaps ที่ควรแกกี่เข้าซื้อ ผู้เขียนมองว่าให้มองที่ Ruaaway Gap และ Breakway Gapนอกจากพื้นฐานการวิเคราะห์ทางเนคนิคที่กล่าวไว้ ยังมีรูปแบบการวิเคราะห์ที่ใช้เครื่องในการคำนวณและหลักการอื่นๆอีกมากมาย ไว้โอกาสหน้าผู้เขียนจะนำข้อมูลสรุปมาให้ได้ศึกษากันต่อไปครับภาพประกอบทั้งหมดในบทความ ผู้เขียนเป็นผู้จัดทำขึ้นเอง เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !