หลายคนอาจจะมองว่าการใช้ชีวิตอยู่คนเดียว ไม่ใช่เรื่องที่ดี แต่การใช้ชีวิตคนเดียวไม่เป็น...กลับอันตรายกว่ามาก เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่จะไปอยู่กับคนอื่นตลอดเวลา ดังนั้น การใช้ชีวิตอยู่ได้ด้วยคนเดียวเป็นจึงมีข้อดีอย่างไม่ต้องสงสัยเลย อยู่กับตัวเองได้ ทำอะไรคนเดียวเป็น ถือเป็นทักษะสำคัญที่ทำให้มีเสน่ห์แบบคนที่รู้จักตัวเอง ผลประโยชน์ที่ได้คือช่วยให้นำพาความสำเร็จอื่นๆในชีวิตเกิดขึ้นได้ เพราะความคิด ตัวตน และจิตวิญญาณได้รับการหล่อหลอมมาแล้ว พลังของคนที่กล้าทำอะไรคนเดียว ผลงานการเขียนโดย โกะโด โทคิโอะ เจ้าของผลงานเลิกเป็นคนดีแล้วจะมีความสุข จะมาถ่ายทอดเรื่องราวของคนที่กล้าทำอะไรคนเดียว แปลโดย อาคิรา รัตนาภิรัต ความรู้ความประทับใจที่ได้ในมุมมองของครีเอเตอร์ได้เรียนรู้ว่าถ้าไม่ชอบทำอะไรคนเดียว ต้องมีคนอื่นอยู่ด้วยตลอดเวลา มันจะบั่นทอนความสุขและความเชื่อมั่นในตนเองและไม่มีเวลาสะท้อนตัวตนของเราเอง ได้เรียนรู้ว่าถ้าเราเชื่อมั่นในความสามารถในตนเอง เราจะให้ความสำคัญและพัฒนาความสามารถขึ้นเรื่อยๆ หากเราใช้ชีวิตโดยขัดเกลาความสามารถ เราจะไม่รู้สึกโดดเดี่ยวเลย สิ่งสำคัญคือการใช้เวลากับตัวเองเพื่อพัฒนาตัวเองให้เป็นคนที่สร้างผลประโยชน์ให้คนอื่นได้ เพราะคนแบบนี้จะไม่ถูกเพิกเฉยอย่างแน่นอน การค้นหาสิ่งที่จุดประกายความคิดอาจต้องอาศัยแรงกระตุ้นจากภายนอก แต่การพัฒนาไอเดียต้องอาศัยการอยู่คนเดียวโดยไม่มีใครรบกวน ได้เรียนรู้ว่าคนเราเป็นเหมือนกระจกเงา หากเราใช้คำพูดห้วนๆ อีกฝ่ายก็จะพูดห้วนๆกลับ หากเราพูดด้วยรอยยิ้ม อีกฝ่ายก็จะยิ้มตอบเช่นกัน แทนที่จะมัวคิดว่า “ถ้าพูดแบบนี้ เขาต้องมองเราแบบนี้แน่เลย ไม่พูดดีกว่า” ให้เราเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองออกไป แล้วสังเกตปฏิกิริยาของอีกฝ่าย แล้วปรับคำพูดให้เหมาะสม ได้เรียนรู้ว่ายิ่งเราเข้าใจตัวเองมากเท่าไหร่ เราจะยิ่งเข้าใจคนอื่นมากเท่านั้น คนที่พูดว่าไม่มีใครรักฉันเลย ไม่มีใครให้ความสำคัญกับฉัน จริงๆแล้วเป็นเพราะเราไม่เคยให้ความสำคัญกับใครเลยต่างหาก ได้เรียนรู้ว่าหากเราอยากเป็นที่ยอมรับ เราต้องเป็นฝ่ายยอมรับเขาก่อน รักเขา และให้ความสำคัญกับเขา คนที่รู้จักยื่นมือเข้าหาคนอื่นได้โดยไม่อึดอัด แม้ว่าจะอยู่คนเดียวจะรู้สึกว่าตัวเองมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับผู้อื่นตลอดเวลา ได้เรียนรู้ว่าความสามารถในการทำตามวิถีของตัวเองไม่ได้หมายความว่าทำอะไรตามอำเภอใจ แต่คือการเคารพในวิธีการใช้ชีวิตของตัวเองโดยไม่โอนเอนตามผู้อื่นไปทุกอย่าง ได้เรียนรู้ว่าการอยู่กับใครสักคนตลอดเวลา ทำให้เราเสียความเป็นส่วนตัวไป เวลาที่จะเผชิญหน้ากับตัวเองก็ลดลง คนที่อยู่ที่ไหนก็รู้สึกโดดเดี่ยว เพราะเขาไม่สามารถแสดงตัวตนที่แท้จริง และเอาแต่คอยปรับตัวตามคนอื่น ได้เรียนรู้ว่าเราต้องไม่โยนความผิดให้ผู้อื่น ไม่ว่าบริษัท หัวหน้า เขาไม่ยอมทำแบบนั้นแบบนี้กับเรา แต่ให้คิดออกมาเป็นรูปธรรมเลยว่าเราอยากทำงานแบบไหน ชอบวิธีการแบบไหน อยากทำงานกับคนแบบไหน เพื่องานนั้นเราควรทำตัวอย่างไร แล้วพาตัวเองไปอยู่สภาพแวดล้อมแบบนั้น ได้เรียนรู้ว่าความต้องการเป็นที่ยอมรับจนเกินเหตุทำให้ความนับถือในตนเอง (Self-esteem) ต่ำ เพราะตัวเองยังไม่ยอมรับจึงต้องพยายามทำให้คนอื่นยอมรับ เพื่อเติมเต็มความต้องการเป็นที่ยอมรับ สิ่งสำคัญไม่ใช่การใช้ชีวิตโดยคิดว่าคนอื่นจะมองเราอย่างไร แต่เราควรคิดว่าต้องเป็นตัวเราแบบไหนถึงจะมีความสุข ได้เรียนรู้ว่าคนที่คิดด้วยตัวเองเพียงลำพังจนเจอคำตอบจะสามารถพัฒนาตัวเองได้ดีกว่าคนที่ฝึกฝนโดยมีคนสอน เพราะคนแบบนี้จะรู้จักหาวิธีพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ คนที่ไม่สามารถเรียนรู้อะไรใหม่ๆได้ เพราะไม่รู้จักนำประสบการณ์แต่ละอย่างที่เคยมีมาใช้ให้เป็นประโยชน์ ได้เรียนรู้ว่าการเขียนเรื่องราวของตัวเองออกมาเป็นตัวหนังสือ เป็นการดึงตัวเราเองออกมาจากสิ่งนั้น และช่วยให้เรามองสถานการณ์จากมุมมองของคนภายนอกได้ ได้เรียนรู้ว่าหากไม่ตรวจสอบทิศทางหรืออนาคตของตัวเองเลยจะเป็นการใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ เราจะไม่ได้สังเกตเลยว่าตัวเองพลาดอะไรไปบ้าง เพราะใช้ชีวิตแบบไม่คิดอะไรเลย ผ่านไป 5-10 ปี ชีวิตก็จะไม่เปลี่ยนแปลง ได้เรียนรู้ว่าเขียนสิ่งที่คิดออกมาว่าอยากเป็นแบบนี้ก่อนอายุเท่านี้ อยากทำแบบนี้ ณ อายุ 30 ปี เป็นต้น เมื่อเขียนแล้วเราจะมองเห็นเส้นทางว่าภายในปีนี้เราจะทำอะไรบ้างต่อจากนี้ ได้เรียนรู้ว่าการปล่อยให้คนอื่นตีความประสบการณ์ของเราโดยไม่รู้ตัว อาจทำให้เรารู้สึกผิด เกลียดตัวเอง หรือพ่ายแพ้โดยไม่จำเป็น แม้สิ่งนั้นจะเป็นปัญหา แต่ถ้าเรามองว่ามันจะทำให้เราแกร่งขึ้น เราจะเกิดความพึงพอใจมากกว่าที่จะไปเศร้าเสียใจกับมัน ได้เรียนรู้ว่ายิ่งพยายามเก็บกดตัวตนและพยายามทำตัวกลมกลืนกับคนอื่นเพื่อเลี่ยงการอยู่กับตัวเองมากเท่าไหร่ เราจะยิ่งรู้สึกโดดเดี่ยวได้ง่าย แม้มีคนอยู่รอบข้าง ได้เรียนรู้ว่ายิ่งรู้จักคนในสังคมดีเท่าไหร่ ยิ่งรู้ความเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อมว่ามีผลต่อตัวเราอย่างไร และรู้วิธีที่จะรับมือกับมัน ได้เรียนรู้ว่าชีวิตของเราเป็นเหมือนสิ่งที่เราพูดออกมา คำพูดของเรา คือ สิ่งที่เราเลือกเองและมันจะหล่อหลอมชีวิตของเรา แล้วปฏิกิริยาจากคนรอบข้างก็จะเปลี่ยนแปลงไปตามคำพูดเหล่านั้น ได้เรียนรู้ว่าการรู้ศัพท์มาก ทำให้เราสื่ออารมณ์ความรู้สึกข้างในจิตใจออกมาได้ดี เราจึงจัดการอารมณ์ข้างในได้ง่าย แถมยังสามารถกลั่นกรองความคิดออกมาเป็นคำพูดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้อีกฝ่ายเข้าใจเราอย่างลึกซึ้ง โอกาสที่เขาจะทำตามความต้องการของเราก็เพิ่มขึ้น ความเสี่ยงที่จะสื่อสารผิดพลาดก็ลดลง ได้เรียนรู้ว่าจิตใจคนเราจะมั่นคงได้เมื่อเราควบคุมระยะห่างและระดับอิทธิพลระหว่างตนเองกับสังคม หรือตัวเองกับคนรอบข้างได้อย่างเหมาะสม ได้เรียนรู้ว่าหากเรารู้ว่าสถานการณ์ที่แย่ที่สุดคืออะไร เราจะรู้วิธีรับมือกับสิ่งต่างๆได้ทุกเรื่อง และจะไม่กลัวที่จะต่อสู้กับใคร ได้เรียนรู้ว่าใครที่กล่าวว่าตนพูดไม่เหมาะสม เพราะไม่มีคนสอน คือคนที่ไม่สนใจคนอื่นมากกว่า เพราะคำพูดคือตัวแทนของผู้พูด การพูดอย่างสุภาพเหมาะสมเป็นสิ่งที่เลียนแบบจากคู่สนทนาที่ดีได้ ได้เรียนรู้ว่าหนังสือไม่ใช่เขียนแค่ความรู้ แต่ยังทำให้เข้าใจความหมายของประสบการณ์ตนเอง เราจะได้เรียนรู้เรื่องราวต่างๆ วิธีคิดที่แตกต่าง และสามารถกำจัดความคิด ความกังวลใจ ความไม่พอใจในเรื่องราวต่างๆได้ สำคัญกว่าข้อมูล คือ แง่มุมที่จะนำไปปรับใช้ เพราะถ้าเราเอามาปรับใช้กับชีวิตตัวเองไม่ได้ ต่อให้รู้มากแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์ ได้เรียนรู้ว่าการรู้ว่าเวลาส่วนตัวเป็นสิ่งสำคัญ ทำให้เราไม่เข้าไปรบกวนอีกฝ่าย คนที่สนุกกับการทำอะไรคนเดียวจะเข้าใจในจุดนี้ ได้เรียนรู้ว่าคนที่กลัวการทำอะไรคนเดียวจะเรียกร้องความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับอีกฝ่ายจนทำให้ความสัมพันธ์แย่ลง เพราะจะไม่เข้าใจเรื่องการรักษาระยะห่างและไม่เปิดใจยอมรับตัวตนของอีกฝ่าย ไม่เคยเข้าใจว่าเวลาได้อยู่ตามลำพังนั้นมีค่า จึงเอาแต่ค่านิยมของตัวเองเข้าไปแทรกแซงพื้นที่ของอีกฝ่าย ไม่เคยเข้าใจว่าเราก็คือเรา เขาก็คือเขา ได้เรียนรู้ว่าอย่าคิดว่าอีกฝ่ายต้องทำให้เรามีความสุข ให้เลือกคนที่เรารู้สึกว่าอยากทำให้เขามีความสุข หรือคนที่ทำให้เราคิดว่าไม่ว่าจะเจอก็จะช่วยเหลือและพยายามไปด้วยกันมากกว่า การที่กล้าทำอะไรเองคนเดียวจึงไม่ใช่เรื่องแย่เสมอไป หลักใหญ่ของการอยู่คนเดียวเป็นคือการดูแลตัวเองได้ท่ามกลางสถานการณ์ที่ชวนสับสนวุ่นวาย และช่วยให้เราเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่นจนนำไปสู่การพบปะเข้าหาสังคมเป็น ไม่ใช่แยกตัวปลีกวิเวกใช้ชีวิตคนเดียวเพียงลำพังไปตลอดกาล ดังนั้น การที่จะอยู่ท่ามกลางหมู่เพื่อนหรือแยกที่จะอยู่ตัวคนเดียวจึงขึ้นอยู่กับบริบทของสถานการณ์ ใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจ ไม่ว่าจะยู่คนเดียวหรืออยู่กันเป็นกลุ่ม ทางสายกลาง จึงยังคงสำคัญเสมอ เราไม่ควรอยู่กับคนอื่นตลอดเวลาจนเสียพลังงานมากเกินไป ขณะเดียวกันก็สามารถใช้ชีวิตอยู่คนเดียวเป็น และอยู่ได้อย่างมีความสุข ครีเอเตอร์เป็นคนที่ชอบใช้ชีวิตคนเดียวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ดังนั้นจึงเห็นด้วยในแง่คิดจากหนังสือเล่มนี้ เครดิตภาพภาพปก โดย wirestock จาก freepik.comภาพที่ 1 และ 2 โดยผู้เขียนภาพที่ 3 โดย tawatchai07 จาก freepik.comภาพที่ 4 โดย master1305 จาก freepik.comภาพที่ 5 โดย freepik จาก freepik.com บทความอื่นๆที่น่าสนใจรีวิวหนังสือ ไม่ต้องเลิกขี้อายก็ได้สิ่งที่ต้องการรีวิวหนังสือ ทิ้งนิสัยไม่ดีแล้วจะมีความสุขรีวิวหนังสือ เรื่องแบบนี้ คนเก่งๆเขารับมือกันแบบไหนรีวิวหนังสือ ภาระที่อมไว้ คายออกมาเถอะนะรีวิวหนังสือ โคโนะ เก็นโตะ ราชาสมองเพชรเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !