ไวส์โลจิสติกส์รุ่งสวนกระแสโควิดตั้งเป้า 2-3 ปี มูลค่าธุรกิจแตะ 1 หมื่นล้าน

นายชูเดช คงสุนทร กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศแบบครบวงจร เปิดเผยว่า บริษัทวางเป้าหมายในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า มูลค่าหลักทรัพย์ของบริษัท (มาร์เก็ตแคป) จะแตะระดับ 1 หมื่นล้านบาท โดยมีอัตราการเติบโตในแต่ละปีอยู่ที่ระดับ 20% ซึ่งล่าสุดในปี 2564 บริษัทปรับประมาณการณ์รายได้เติบโตขึ้นเป็น 45% หรืออยู่ที่ราว 5,800 ล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าโต 20% หรืออยู่ที่ 4,800 ล้านบาท อีกทั้งอัตรากำไรสุทธิในปีนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 7% จากเดิมที่คาดว่าจะทำได้ 6% เนื่องจากทิศทางธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังเป็นไฮซีซั่นของธุรกิจ โดยตลาดมีความต้องการใช้บริการขนส่งเพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าจะสนับสนุนผลประกอบการครึ่งปีหลังทำจุดสูงสุดใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง และยังเชื่อมั่นว่ารายได้ในปี 2565 จะเติบโตได้อีกไม่น้อยกว่า 15-20% จากปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นครอบคลุมทั้ง 4 กลุ่มบริการหลัก ได้แก่ การขนส่งทางทะเล,การขนส่งทางอากาศ, การขนส่งข้ามพรมแดน และธุรกิจบริการด้านซัพพลายเชน โซลูชั่นส่งผลให้บริษัทมีการขยายตัวของธุรกิจเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ส่วนแผนงานครึ่งปีหลังจะมีปริมาณขนส่งในกลุ่มสินค้ายานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์เป็นจำนวนมาก สอดคล้องกับการส่งออกของประเทศไทยที่มีทิศทางเติบโตได้ดีจากเงินบาทที่อ่อนค่า จะช่วยสนับสนุนการส่งออก ซึ่งในส่วนของบริษัทยังคงมุ่งขยายการขนส่งในกลุ่มสหรัฐ ต่อเนื่อง ซึ่งในปีนี้วางเป้าหมายการขนส่งเพื่มขึ้นเป็น 6,000 ตู้/ปี รวมถึงตลาดในประเทศจีนซึ่งบริษัทมีสำนักงาน 3 แห่ง จะช่วยเจาะกลุ่มลูกค้าจีนที่ย้ายฐานการผลิต เข้ามาในกลุ่มตะวันออกเฉียงใต้รวมถึงไทย ซึ่งบริษัทตั้งเป้ารายได้ในกลุ่มลูกค้าจีนในปีนี้ประมาณ 200 ล้านบาท นอกจากนี้ ช่วงเดือนมิ.ย. บริษัทขยายคลังสินค้าใหม่โซนบางนา รองรับลูกค้ารีเทล-อีคอมเมิร์ซ ในกลุ่มกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายได้ปีละ 100 ล้านบาท

นอกจากนี้ เพื่อขยายศักยภาพในการให้บริการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดน โดยบริษัทมีการเข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนในบริษัท ยูโรเอเชีย โทเทิล โลจิสติกส์ จำกัด หรือ อีทีแอล จำนวน 2,244,898 หุ้น จากเดิมถือหุ้นในสัดส่วน 40% เพิ่มเป็น 51% เป็นจำนวนเงิน 138 ล้านบาท ซึ่งการโอนกรรมสิทธิ์จะแล้วเสร็จในช่วงเดือนก.ย.นี้ และคาดว่าจะเริ่มบันทึกส่วนแบ่งกำไรจากการเพิ่มสัดส่วนถือหุ้นในอีทีแอลได้ในช่วงปลายปีนี้ รวมถึงจะได้เห็นความคืบหน้าแผนเข้าซื้อและควบรวมกิจการ เพื่อรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต

“ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จาก อีทีแอลเพิ่มขึ้นเป็น 27% และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากความนิยมในการใช้บริการขนส่งทางบกทดแทนการขนส่งหลัก ซึ่งบริษัทได้เพิ่มปริมาณตู้คอนเทนเนอร์ ส่งผลให้มีการจัดการเที่ยวรถได้ดีขึ้น และเพิ่มบริการขนส่งแบบไม่เต็มตู้ เพื่อรองรับความต้องการขนส่งสินค้าที่หลากหลายและมีแนวโน้มการเติบโตในอนาคต รวมถึงเพิ่มเส้นทางการขนส่งเป็นจำนวน 5 เส้นทาง ครอบคลุมพื้นที่คาบสมุทรอินโดจีน ตั้งแต่ประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย ลาว เวียดนาม และ จีน ซึ่งบริษัทประเมินว่าการขนส่งทางบกจะเป็นตัวขับเคลื่อนรายได้ให้กับบริษัทในอนาคต หลังจากการขนส่งทางอากาศ และทางทะเล ค่อนข้างมีปัญหาและข้อจำกัดมากขึ้น ด้านอัตราค่าระวางเรือต่างๆ ที่ปรับเพิ่มขึ้นมาก ทำให้ขนส่งทางบกซึ่งแต่เดิมเป็นแค่ขนส่งทางเลือก กลายเป็นเส้นทางหลัก และมีทิศทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ ในปีหน้าบริษัทยังมีแผนจะนำอีทีแอลเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอด้วย" นายชูเดชกล่าว