เชื่อว่าหลายคนอาจจะคุ้นหรือเคยได้ยินเรื่องการสอบ IELTS มาบ้าง และอาจจะมีหลายคนที่กำลังเตรียมตัวสอบ IELTS เพื่อที่จะยื่นเข้ามหาวิทยาลัย และแน่นอนค่ะ เราเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ก่อนหน้านี้เราไม่เคยคิดเลย ว่าจะต้องมาสอบ IELTS แต่สุดท้ายก็เป็น requirement ของมหาวิทยาลัยค่ะ เราเลยอยากจะแชร์ประสบการณ์สอบ IELTS on Computer ของ British Council ค่ะ ต้องบอกก่อนเลยว่าที่เราเลือกสอบ IELTS on Computer เพราะว่าเราถนัดพิมพ์มากกว่าและยังได้ผลไวกว่าสอบ on Paper ค่ะ เราเลือกสอบที่ Chamchuri Square ชั้น 24 ค่ะ เพราะว่าไม่ห่างจากบ้านเรามาก แต่ก่อนอื่นเลยเรามาทำความรู้จักการสอบ IELTS แบบคร่าวๆ กันก่อนค่ะ IELTS ย่อมาจาก International English Language Testing System เป็นการสอบวัดระดับภาษาอังกฤษเพื่อประเมินความสามารถในการใช้ภาษาในกรณีที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษในการศึกษา การทำงาน หรือการขอ permit ต่างๆค่ะ สอบ IELTS มีหลักๆอยู่สองประเภทค่ะ มี IELTS Academic สำหรับคนที่ต้องการจะเอาคะแนนไปยื่นเรียนต่อในระดับปริญญาค่ะ และ IELTS General Training สำหรับคนที่ต้องการจะเอาคะแนนไปยื่นเรียนต่อในระดับต่ำกว่าปริญญา ใช้ในการสมัครงาน หรือขอวีซ่า และ permit ต่างๆค่ะ การให้คะแนนก็จะมีเป็น band 0-9 (เช่น 6.0, 7.0, 8.0) รวมถึงคะแนน ครึ่ง band (เช่น 6.5, 7.5, 8.5) หากต้องรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถเข้าไปดูที่ IELTS British Council ได้เลยค่ะเราเลือกสอบ IELTS Academic ค่ะ ตอนจองสอบเราเลือกเป็นวันที่เร็วที่สุด นั่นก็คือ 6 วันถัดจากวันที่เราจองสอบค่ะ เราเลือกสอบ speaking ในช่วงเช้าและช่วงบ่ายเป็น listening, reading, and writing ค่ะ ตอนนั้นเรากำลังอยู่ในช่วงสอบ final semester 1 ของโรงเรียนอยู่ค่ะ ทำให้ยุ่งมากๆไม่มีเวลาเตรียมตัวสอบเลย มีคิดอยู่เหมือนกันว่าจะรอดหรือเปล่านะ ผ่านไปไม่กี่วันหลังจากที่จองสอบก็มี e-mail แจ้งเตือนจากศูนย์สอบประมาณว่ามีการเลื่อนเวลาสอบ Speaking ด้วยค่ะ แต่ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงมากนักเลยไม่จำเป็นจะต้องเลื่อนสอบพาทอื่นๆค่ะ ในระยะเวลา 6 วันนั้นเราไม่ได้ซื้อหนังสือมาเตรียมตัวเลยค่ะเพราะรู้ตัวเองว่าซื้อมาก็ไม่อ่านอยู่ดี ถึงอ่านก็คงไม่ทัน แต่ในตอนนั้นเราก็พอจะทราบมาบ้างค่ะว่า IELTS Academic มีสอบ listening 40 นาที ข้อสอบ 4 ชุด, reading 60 นาที, writing 60 นาที มี 2 ชุดและ speaking 15 นาที เรียกง่ายๆว่ารู้แค่ format ของการสอบค่ะแม้ว่าสถานที่สอบจะไม่ไกลจากบ้านเรามากแต่แถวนั้นรถติดค่ะ จำเป็นต้องออกจาบ้านแต่เช้า เราไปถึงก่อนเวลาสอบประมาณ 2-3 ชั่วโมงค่ะ เราเริ่มสอบ speaking ตอน 12:00 และสอบพาทอื่นๆ ตอนบ่าย 2 ค่ะ ระหว่างนั่งรอเราก็โหลด application ที่มีชื่อว่า IELTS prep มาลองทำใน iPad ค่ะ หลังจากที่รอซักพัก ประมาณ 11:30 ก็มีพี่ๆ เรียกเราเข้าไปลงทะเบียนแล้วก็นั่งรอในห้องค่ะ แล้วก็มีสายสีแดงๆมาติดไว้ที่ข้อมือให้เราด้วยค่ะเพราะเราเป็น minor อายุไม่ถึง 18 การสอบ speaking สำหรับเราแล้วเรารู้สึกว่าง่ายกว่าทุกพาร์ทเลยค่ะ ก่อนอื่นเลยต้องบอกว่าเราเป็นคน introvert ที่พูดน้อยจะพูดก็ต่อเมื่อมีหัวข้อมาให้ เราเลยจะใช้วิธีสังเกตสีหน้าของคู่สนทนาเพื่อที่จะดูว่าบทสนทนาควรไปต่อไหมหรือพอแค่นี้ แต่การสอบพาร์ท speaking ใช้วิธีนี้ไม่ได้ค่ะ สีหน้าของ examiner อ่านได้ยากมากๆ แนะนำให้พูดเป็นธรรมชาติเหมือนเป็นการคุยทั่วๆไปค่ะ แล้วก็พยายามพูดให้ชัดค่ะ สำหรับใครที่มีปัญหาติดสำเนียงไทยก็ไม่ต้องกังวลค่ะ ฝึกออกเสียงและพูดให้ชัดๆก็พอ ไม่จำเป็นที่จะต้องพยายามฝึกพูดให้ตัวเองมี accent ตามต่างชาติก็ได้ค่ะ เพราะอาจจะทำให้คนฟังไม่เขาใจหรืออาจจะทำให้สิ่งที่พูดเข้าใจยาก คนเรามีสำเนียงไม่เหมือน ทุกคนมีสำเนียงที่แตกต่างกันออกไป กันถ้าฝึกพูดบ่อยๆออกเสียงได้อย่างถูกต้องทุกคนก็จะมีสำเนียงที่เป็นของตัวเองค่ะPart 1 จะเป็นคำถามทั่วๆไปเลยค่ะ คำถามที่เราเจอมีหลายหัวข้อมากๆเลยค่ะ แต่โดยรวมแล้วเป็นเรื่องรอบๆตัวเรา เป็นหัวข้อที่คุยกับเพื่อนทั่วๆไปเลยค่ะ Part 2 จับเวลาตอนพูด examiner จะมีเป็น list มาให้ค่ะว่าต้องพูดเกี่ยวกับหัวข้อนี้นะ โดยตอบคำถามตามที่เขาระบุมาให้ ตอนเราสอบเราเลือกที่จะพูดในสิ่งที่เขาระบุมาให้ก่อนค่ะ เพราะกลัวเวลาหมด หลังจากนั้นเราก็หาเรื่องที่เกี่ยวข้องมาพูดจนเวลาหมดแล้วเขาจะบอกว่าให้หยุดเองค่ะ Part 3 ส่วนมากคำถามจะมาจากสิ่งที่เราพูดไปค่ะประมาณว่าให้ขยายเพิ่มอธิบายเพิ่มเติม แต่ก็เจอคำถามที่ไม่เกี่ยวกับสิ่งที่เราพูดไปนะคะ แต่หัวข้อเดียวกันกับ part 2 เลยSpeaking test ใช้เวลาไม่เกิน 15 นาทีค่ะ ตอนเราออกมากจากห้องสอบก็มีเวลาให้นั่งพักและเตรียมตัวเกือบ 2 ชั่วโมงค่ะ แต่ตอนนั้นเราค่อนข้างจะง่วงเราเลยไม่ได้เตรียมตัวเพิ่มค่ะ ระหว่างรอสอบรอดถัดไปสามารถเอาอาหารขึ้นมาทานได้นะคะ คุณพ่อเราซื้อ pretzel ของ Auntie Anne's กับ Matcha Latte ของ Starbucks มาให้ทานระหว่างรอสอบค่ะ Listening, Reading, and Writing จะสอบต่อกันเลยไม่มีพักให้ ก่อนจะเริ่มสอบแต่ละพาร์ทเขาจะเปลี่ยนรหัส ให้ Log-in ใหม่ทุกครั้งค่ะ สามารถขอเข้าห้องน้ำได้ แต่จะไม่สามารถเข้าห้องน้ำได้ถ้าเหลือเวลา 10 นาทีสุดท้าย การสอบใช้เวลาเกือบๆ 3 ชั่วโมง รวมทั้ง 3 พาร์ท ส่วนตัวแล้วไม่ได้รู้สึกว่ายากจนเกินไปค่ะ แต่อยากแนะนำให้ท่องคำศัพท์และฝึกการอ่านแล้วเข้าใจในสิ่งที่อ่านค่ะ เราว่ามันเป็น skill ที่เราคิดว่าค่อนข้างสำคัญในการทำสอบ โดยเฉพาะพาท readingเราสอบเสร็จประมาณ 5 โมงเย็นค่ะ เรียกว่าไปอยู่ที่ศูนย์สอบทั้งวันเลยก็ว่าได้ ตอนออกจากห้องสอบเขาจะให้กระดาษใบเล็กๆที่มีข้อมูลของเรากลับไปด้วยค่ะ ในนั้นก็จะมีเลข passport, เลขห้องสอบ เป็นต้นค่ะ เราไปสอบวันอังคารแล้วผลออกวันอาทิตย์ตอน 4 โมงเย็นค่ะ ทางศูนย์สอบจะส่ง e-mail ที่มี link สำหรับดูคะแนนมาให้ค่ะ ใบคะแนนตัวจริงที่มีรูปเรา (ถ่ายวันสอบตอนลงทะเบียน) จะถูกส่งมาทีหลังนะคะ คะแนนเราออกวันอาทิตย์ตอนเย็น วันพุธตอนเช้าเราได้รับ e-mail แจ้ง tracking number แล้วตอนบ่ายๆก็ได้รับตัวจริงค่ะ ต้องบอกตรงนี้เลยว่าเราค่อนข้างพอใจในคะแนนที่ได้มากๆเลยค่ะ คะแนนเยอะกว่าที่เราเดาไว้อีกค่ะ ที่ภูมิใจที่สุดคือพาท speaking และ listening ค่ะ เราได้ band 8.5 ในทั้งสองพาร์ท คะแนนรวมเฉลี่ยจากทุกพาร์ทเราได้ band 8 ค่ะ **แนะนำให้เตรียม Passport/ ID card ทั้งตัวถ่ายและตัวจริง (ขึ้นอยู่กับว่าใช้อะไรในการสมัครสอบ)**ถ้ายังอายุไม่ถึง 18 ให้กรอกและเซ็น Child Collection Form ที่เขาจะ e-mail มาให้ประมาณ 2 วันก่อนไปสอบ*นอกจากนี้แนะนำให้เอา น้ำเปล่าขวดใส (ต้องแกะ label) และ cardigan ติดมาด้วยนะคะเพราะว่าห้องสอบแอร์เย็นมากๆ สุดท้ายนี้เราก็มี application และ website ที่อยากจะมาแบ่งปันให้กับทุกคนหรือสำหรับใครที่กำลังเตรียมตัวไปสอบค่ะWebsites: TED.com (สำหรับฝึกฟังและพูด)https://www.english-exam.org/IELTS/ https://www.britishcouncil.or.th/exam/ielts/prepare https://ieltsliz.com/ https://www.ielts-simon.com/ https://ieltscuecard.trendinggyan.com/2020/12/ielts-reading-practice-test-2021.html Application IELTS Prep App by British Councilแอปของ Magoosh ที่เกี่ยวกับ IELTS Atlas-Vocabulary Builder by Gorkem Caglar Sayan แม้ว่าเราไม่ได้ใช้เว็บพวกนี้เตรียมตัวแต่หลังจากที่เราสอบเสร็จ เราได้ทดลองใช้ทุกเว็บ/แอป และได้เลือกเว็บที่มีประโยชน์มากที่สุดมาให้ทุกคนได้ลองเอาไปฝึกค่ะ สำหรับใครที่จะสอบเราแนะนำให้เตรียมตัวให้ดีก่อนไปสอบนะคะ เราขอให้ทุกคนไม่เครียดและสอบได้คะแนนตามที่หวังนะคะ Credits for images: รูปภาพทั้งหมดโดยนักเขียนบทความอื่นๆ ของนักเขียนที่คุณอาจสนใจ:Review สอบ GED 2021-2022 ฉบับคนไม่ชอบอ่านหนังสือเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !