9 ไอเดียเลือกสินค้าท้องถิ่น ฤดูกาลท่องเที่ยวไทย แบบไหนลดขยะ มารู้กันเลย! เขียนโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล ในช่วงที่การเดินทางท่องเที่ยวได้รับความนิยมมากขึ้น สิ่งที่ตามมามักเป็นปริมาณขยะที่เพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นบรรจุภัณฑ์อาหาร ของฝาก หรือวัสดุต่างๆ ที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจำนวนมาก การเลือกซื้อสินค้าอย่างใส่ใจจึงกลายเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และช่วยให้พื้นที่ท่องเที่ยวสามารถดูแลทรัพยากรของตนเองได้ดีขึ้นค่ะ เพราะเมื่อเราคิดก่อนซื้อและเลือกสินค้าที่เป็นมิตรต่อชุมชน เรากำลังสร้างความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ที่มีความหมายมากกว่าที่คิดค่ะ ดังนั้นในเนื้อหาต่อไปนี้เราจะมามองภาพรวมของการเลือกสินค้าท้องถิ่นอย่างยั่งยืน ในมุมที่จับต้องได้ง่ายและนำไปใช้จริงได้ทันที ที่ไม่ใช่เพียงการเลือกของที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม แต่เป็นการมองเห็นระบบที่เชื่อมโยงตั้งแต่ผู้ผลิตจนถึงผู้บริโภค พร้อมทั้งเข้าใจว่าการตัดสินใจเล็กๆ น้อยๆ ของเราสามารถส่งผลต่อทั้งชุมชน เศรษฐกิจ และธรรมชาติได้อย่างไร เพื่อให้ทุกการท่องเที่ยวเต็มไปด้วยความหมายและความรับผิดชอบมากขึ้นค่ะ และต่อไปนี้คือไอเดียค่ะ 1. เลือกสินค้าแบบไม่ห่อหลายชั้น การเลือกซื้อสินค้าที่ไม่ห่อหลายชั้น เป็นวิธีลดขยะที่ทำได้ทันทีในชีวิตประจำวันค่ะ โดยเฉพาะช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวที่ปริมาณขยะมักเพิ่มขึ้นกว่าปกติหลายเท่า การห่อซ้อนหลายชั้น เช่น ซองเล็กในซองใหญ่ ถุงในถุง หรือการใช้สติ๊กเกอร์และพลาสติกปิดผนึกจำนวนมาก มักไม่ได้เพิ่มคุณค่าให้สินค้า แต่กลับเพิ่มภาระขยะที่ปลายทางของชุมชนนะคะ การเลือกสินค้าแบบแพ็กเรียบง่าย เน้นวัสดุที่จำเป็นต่อการรักษาคุณภาพ ช่วยลดปริมาณพลาสติกใช้ครั้งเดียว และยังช่วยให้ระบบจัดการขยะของพื้นที่ไม่ถูกกดดันจนเกินไป เราจึงควรสังเกตร้านที่มีแนวคิดลดบรรจุภัณฑ์ เพราะนอกจากดีต่อสิ่งแวดล้อม ยังบ่งบอกว่าผู้ขายใส่ใจคุณค่าของสินค้าและความยั่งยืนของท้องถิ่นด้วยค่ะ เมื่อเราเริ่มจากการเลือกสินค้าที่ห่อน้อยที่สุด เราจะช่วยลดทั้งขยะต้นทางและต้นทุนการจัดการสิ่งแวดล้อมของชุมชนท่องเที่ยวในทันที โดยหลายร้านในพื้นที่ท้องถิ่นเริ่มใช้บรรจุภัณฑ์ธรรมชาติ เช่น ใบตอง กระดาษคราฟต์ กล่องชานอ้อย ซึ่งให้ความแข็งแรงพอและย่อยสลายได้ดี การเลือกซื้อจากร้านเหล่านี้คือการสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชนที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน นอกจากนี้การบอกผู้ขายล่วงหน้าว่า “ไม่ต้องห่อซ้อนหลายชั้นนะคะ” ยังเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ทำได้ง่ายและลดขยะได้ทันที การปรับพฤติกรรมเล็กๆ แบบนี้ ช่วยทำให้การท่องเที่ยวของเราเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลพื้นที่และลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมได้จริงค่ะ 2. สนับสนุนสินค้าชุมชนที่มีระบบคืนบรรจุภัณฑ์ การสนับสนุนสินค้าชุมชนที่มีระบบคืนบรรจุภัณฑ์ เป็นอีกหนึ่งแนวทางสำคัญที่ช่วยลดปริมาณขยะได้อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ เพราะเป็นการหมุนเวียนทรัพยากรกลับมาใช้ซ้ำในระบบแทนการทิ้งแล้วผลิตใหม่ ตัวอย่างเช่น ร้านกาแฟที่รับคืนแก้วแก้วหรือขวดแก้วเพื่อนำไปล้างและนำกลับมาใช้ต่อ ร้านขายไข่ท้องถิ่นที่รับคืนแผงไข่ หรือผู้ผลิตน้ำสมุนไพรที่รับคืนขวดในราคาลดพิเศษ ระบบเหล่านี้ช่วยลดการสร้างขยะจากบรรจุภัณฑ์แบบใช้ครั้งเดียวลงได้จำนวนมาก ในขณะเดียวกันยังช่วยลดต้นทุนให้ผู้ผลิตท้องถิ่น ทำให้เขาสามารถรักษาคุณภาพสินค้าโดยไม่ต้องเพิ่มราคาเกินจำเป็นด้วยค่ะ สำหรับเราในฐานะผู้ซื้อการเลือกสนับสนุนร้านค้าที่มีระบบคืนบรรจุภัณฑ์ คือการส่งสัญญาณให้ตลาดและชุมชนเห็นว่ามีคนอยากใช้สินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น นอกจากนี้ระบบคืนบรรจุภัณฑ์ยังช่วยให้ผู้ประกอบการมีแรงจูงใจในการออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้แข็งแรง ใช้ซ้ำได้หลายรอบ และง่ายต่อการล้างทำความสะอาด เมื่อเราใช้สินค้าเสร็จแล้วนำกลับไปคืน ร้านค้าก็สามารถนำเข้าสู่กระบวนการหมุนเวียนได้ทันที ลดภาระทั้งด้านขยะและต้นทุนจัดการของชุมชน เมื่อระบบนี้เติบโตขึ้นเรื่อยๆ เราจะเห็นการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนมากขึ้น และทำให้เงินที่เราใช้หมุนเวียนในชุมชนเกิดประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมด้วยค่ะ 3. เลือกของกินหรือของฝากที่กินหมดได้ การเลือกของกินหรือของฝากที่กินหมดได้จริง เป็นวิธีลดขยะที่เห็นผลทันทีค่ะ เพราะสินค้าประเภทนี้แทบไม่ทิ้งบรรจุภัณฑ์ให้กลายเป็นภาระต่อชุมชน โดยเฉพาะช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวที่ขยะจากของฝากและอาหารมักเพิ่มสูงขึ้น เช่น ผลไม้ท้องถิ่นตามฤดูกาล ขนมพื้นบ้านห่อใบตอง น้ำพริกที่บรรจุในกระปุกแก้วแบบนำกลับมาใช้ซ้ำได้ หรือผลิตภัณฑ์แปรรูปพื้นบ้านที่ออกแบบให้บริโภคหมดภายในครั้งเดียว สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงลดขยะ แต่ยังช่วยให้เราสนับสนุนผู้ผลิตในพื้นที่ให้มีรายได้อย่างยั่งยืนด้วยค่ะ ของฝากที่กินหมดได้ยังช่วยลดปัญหาของที่ถูกเก็บไว้นานจนหมดอายุหรือถูกทิ้ง ซึ่งมักเกิดขึ้นกับของตกแต่งหรือของใช้ที่ผู้รับไม่จำเป็นต้องใช้จริง เราจึงควรเลือกสินค้าที่มีคุณค่าทางรสชาติ วัตถุดิบสดใหม่ และผลิตในชุมชน เช่น ข้าวแต๋น แหนม หมูยอ ผักและผลไม้แปรรูป หรือขนมสูตรดั้งเดิมที่ผลิตแบบวันต่อวัน การเลือกสินค้าเหล่านี้ทำให้การท่องเที่ยวมีความหมายมากขึ้นค่ะ เพราะเงินที่เราใช้ไม่เพียงอุดหนุนเศรษฐกิจชุมชน แต่ยังช่วยลดภาระขยะปลายทาง และเป็นการท่องเที่ยวที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นอย่างแท้จริงค่ะ 4. สนับสนุนร้านที่ใช้ภาชนะย่อยสลายได้ การสนับสนุนร้านค้าที่ใช้ภาชนะย่อยสลายได้ เช่น กล่องชานอ้อย ใบตอง แก้วกระดาษไม่เคลือบพลาสติก หรือบรรจุภัณฑ์จากเยื่อพืชธรรมชาติ เป็นทางเลือกที่ช่วยลดขยะพลาสติกได้โดยตรงค่ะ โดยเฉพาะในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวที่ปริมาณอาหารกล่องและเครื่องดื่มแบบซื้อกลับบ้านสูงขึ้นมาก ภาชนะย่อยสลายได้เหล่านี้สามารถแตกตัวตามธรรมชาติภายในเวลาไม่นาน ลดภาระการจัดการขยะของชุมชน และลดโอกาสที่ขยะจะไหลลงลำคลองหรือพื้นที่ธรรมชาติ นอกจากนี้ร้านที่เลือกใช้ภาชนะลักษณะนี้มักเป็นร้านที่ให้ความสำคัญกับสุขอนามัยและสิ่งแวดล้อม ซึ่งสะท้อนถึงแนวคิดการทำธุรกิจอย่างรับผิดชอบต่อพื้นที่ท้องถิ่นค่ะ เมื่อเราเลือกอุดหนุนร้านที่ใช้ภาชนะย่อยสลายได้ เราไม่ได้แค่ซื้ออาหาร แต่กำลังช่วยสร้างความต้องการในตลาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้ผู้ประกอบการรายอื่นเริ่มปรับตัวหันมาใช้บรรจุภัณฑ์แบบเดียวกันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ที่สำคัญ ภาชนะเหล่านี้มักมาจากวัสดุในประเทศหรือในชุมชน เช่น ชานอ้อยหรือใบตอง ซึ่งช่วยให้เศรษฐกิจหมุนเวียนในพื้นที่เกิดขึ้นจริง การเลือกซื้อจากร้านประเภทนี้จึงเป็นการสนับสนุนทั้งสิ่งแวดล้อม ทั้งผู้ผลิตวัตถุดิบ และเจ้าของร้านไปพร้อมกัน ทำให้ประสบการณ์ท่องเที่ยวของเราเชื่อมโยงกับความยั่งยืนและการดูแลท้องถิ่นมากขึ้นค่ะ 5. เลือกสินค้าหัตถกรรมที่มีความทนทาน ใช้ได้นาน การเลือกสินค้าหัตถกรรมที่มีความทนทานและใช้ได้นาน เป็นหนึ่งในแนวทางลดขยะที่มีประสิทธิภาพนะคะ เพราะช่วยลดความจำเป็นในการซื้อซ้ำบ่อยๆ และลดปริมาณของใช้ที่กลายเป็นขยะเร็วเกินไป สินค้าหัตถกรรมท้องถิ่น เช่น กระเป๋าสานจากผักตบไม้ไผ่ เสื่อกก ตะกร้าสาน ผ้าทอพื้นบ้าน หรือของตกแต่งจากวัสดุธรรมชาติ มักผลิตด้วยความประณีต แข็งแรง และมีอายุการใช้งานนานหลายปี ความยั่งยืนจึงเกิดขึ้นตั้งแต่กระบวนการผลิตไปจนถึงการใช้งานจริง อีกทั้งยังช่วยสนับสนุนทักษะและอาชีพของชุมชนให้คงอยู่ต่อไปค่ะ เมื่อเราเลือกซื้อสินค้าหัตถกรรมที่ทนทาน เราไม่ได้เพียงเลือกของที่มีคุณภาพ แต่ยังเป็นการสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชนให้เติบโตบนพื้นฐานของงานฝีมือและภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยสินค้าเหล่านี้มักซ่อมแซมได้ง่าย ใช้ซ้ำได้ยาวนาน และมีเอกลักษณ์เฉพาะพื้นที่ ทำให้ไม่กลายเป็นของใช้ที่หมดอายุความนิยมแล้วต้องทิ้งอย่างรวดเร็ว การใช้สินค้าประเภทนี้จึงลดการสร้างขยะในระยะยาว และสร้างความภูมิใจให้ทั้งผู้ซื้อและผู้ผลิตว่าของชิ้นหนึ่งสามารถอยู่กับเราได้นาน คุ้มค่า และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าแบบใช้ครั้งเดียวอย่างเห็นได้ชัดค่ะ 6. เลือกของฝากที่ทำจากวัสดุเหลือใช้ในชุมชน การเลือกของฝากที่ทำจากวัสดุเหลือใช้ในชุมชน เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ช่วยลดขยะได้อย่างเป็นรูปธรรมค่ะ เพราะเป็นการนำของที่อาจถูกทิ้งให้เป็นภาระสิ่งแวดล้อมกลับมาเพิ่มมูลค่าใหม่ เช่น ขวดแก้วเก่าที่ถูกเปลี่ยนเป็นแก้วน้ำสวยๆ กระสอบข้าวหรือเศษผ้ามาเย็บเป็นกระเป๋า ชิ้นไม้เหลือจากงานก่อสร้างที่นำมาทำเป็นของตกแต่ง หรือกระดาษหนังสือพิมพ์ที่ถูกแปรรูปเป็นของใช้บนโต๊ะทำงาน การเลือกซื้อของฝากประเภทนี้ช่วยให้ทรัพยากรถูกใช้อย่างคุ้มค่า ลดปริมาณขยะต้นทาง และสร้างวงจรเศรษฐกิจหมุนเวียนในระดับชุมชนค่ะ และของฝากที่ทำจากวัสดุเหลือใช้ยังสะท้อนถึงความคิดสร้างสรรค์และภูมิปัญญาของชุมชน ทำให้ผู้ซื้อได้รับของที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ ไม่ซ้ำแบบใคร และยังมีเรื่องราวที่เชื่อมโยงกับพื้นที่ท้องถิ่น เมื่อเราสนับสนุนสินค้าแบบนี้ เงินที่จ่ายออกไปจะกลับไปสู่ผู้ผลิตในชุมชนโดยตรง ช่วยให้เขามีรายได้และมีแรงจูงใจพัฒนางานฝีมือต่อไป แทนที่วัสดุเหลือใช้จะกลายเป็นปัญหาขยะ ก็ถูกเปลี่ยนให้เป็นของฝากที่สร้างคุณค่าทั้งต่อสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจท้องถิ่น การเลือกของฝากลักษณะนี้จึงเป็นการท่องเที่ยวเชิงรับผิดชอบที่เราทำได้ทุกครั้งที่เดินทางค่ะ 7. ซื้อสินค้าท้องถิ่นที่ผลิตใกล้พื้นที่ท่องเที่ยว การเลือกซื้อสินค้าท้องถิ่นที่ผลิตใกล้พื้นที่ท่องเที่ยว เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ทั้งลดขยะและส่งเสริมเศรษฐกิจในท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะสินค้าทำจากวัตถุดิบที่ไม่ต้องขนส่งไกล จึงมักมีบรรจุภัณฑ์น้อยลง ลดการใช้พลาสติกหรือวัสดุหุ้มห่อหลายชั้น อีกทั้งเมื่อผลิตภายในพื้นที่เดียวกับจุดท่องเที่ยวเดียวกัน ร่องรอยการขนส่ง รถบรรทุกและคาร์บอนที่เกิดขึ้นย่อมน้อยกว่า ทำให้การท่องเที่ยวของเราไม่ใช่แค่การพักผ่อน แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลสิ่งแวดล้อมและการส่งเสริมชุมชนโดยตรงค่ะ อีกทั้งการซื้อสินค้าผลิตใกล้เคียงกับจุดท่องเที่ยว ยังช่วยให้เราสัมผัสเรื่องราวของพื้นที่ได้ชัดเจนขึ้น ทั้งการพูดคุยกับผู้ผลิต มองเห็นกระบวนการผลิต และเข้าใจภูมิปัญญาท้องถิ่นมากขึ้น ซึ่งเสริมสร้างคุณค่าของสินค้ามากกว่าการซื้อสินค้าจากที่ไกลออกไป และสินค้าเหล่านี้มักมีบรรจุภัณฑ์เรียบง่าย เนื่องจากผู้ผลิตไม่ต้องกังวลการขนส่งไกลหรือการจัดเก็บนาน การสนับสนุนแบบนี้จึงเป็นการเลือกซื้ออย่างมีสติและยั่งยืน เราได้มากกว่าสินค้า ได้ทั้งประสบการณ์ ได้ทั้งการส่งเสียงให้ชุมชนถูกเห็นและถูกสนับสนุนค่ะ 8. เลือกสินค้าที่ “เติมน้ำได้–ใช้ซ้ำได้” การเลือกสินค้าที่ “เติมน้ำได้–ใช้ซ้ำได้” เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยลดขยะได้อย่างชัดเจนค่ะ เพราะเป็นการลดการใช้บรรจุภัณฑ์แบบครั้งเดียวทิ้งที่มักสะสมจำนวนมากโดยไม่จำเป็น สินค้าประเภทนี้ เช่น ขวดน้ำสเตนเลส กระบอกน้ำรีฟิล ขวดปั๊มสำหรับสบู่เหลวหรือแชมพู หรือกระปุกเก็บเครื่องปรุงแบบเติมซ้ำ มีส่วนช่วยลดจำนวนขวดพลาสติกใหม่ที่ต้องถูกผลิตขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้การใช้ภาชนะชนิดเติมซ้ำยังช่วยให้เราสามารถควบคุมปริมาณการใช้ได้ดีขึ้น ประหยัดมากขึ้น และลดคาร์บอนฟรุตพริ้นต์จากการขนส่งผลิตภัณฑ์บรรจุใหม่ในทุกครั้งค่ะ เมื่อเราเลือกสินค้าแบบเติมได้และใช้ซ้ำได้ เรากำลังสร้างพฤติกรรมการบริโภคที่ยั่งยืนทั้งในครัวเรือนและระหว่างการท่องเที่ยว ร้านค้าหลายแห่งเริ่มมีจุดรีฟิล เช่น น้ำดื่ม สบู่ล้างมือ น้ำยาล้างจาน หรือผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย ทำให้เราสามารถนำภาชนะเดิมไปเติมได้โดยไม่จำเป็นต้องซื้อบรรจุภัณฑ์ใหม่ การเลือกสนับสนุนร้านที่มีบริการนี้ช่วยให้ระบบหมุนเวียนบรรจุภัณฑ์ในชุมชนเติบโตขึ้น และทำให้การท่องเที่ยวของเราสร้างผลกระทบเชิงบวกได้มากขึ้นทั้งต่อสิ่งแวดล้อม ลดขยะต้นทาง และช่วยให้ผู้ประกอบการในพื้นที่เห็นคุณค่าของแนวทางยั่งยืนในระยะยาวค่ะ 9. เลือกสินค้าที่ “ไม่มีของแถมเกินความจำเป็น” การเลือกสินค้าที่ “ไม่มีของแถมเกินความจำเป็น” เป็นอีกหนึ่งวิธีลดขยะที่มักถูกมองข้ามค่ะ ทั้งที่สามารถลดขยะพลาสติกและกระดาษได้จำนวนมากในชีวิตประจำวันและช่วงท่องเที่ยว มักพบว่าร้านค้าหลายแห่งใส่ของแถม เช่น ช้อน–ส้อมพลาสติก ทิชชูหลายชั้น หลอดสำรอง หรือถุงซ้อนถุง โดยที่ผู้ซื้อไม่ได้ต้องการใช้จริง สิ่งเหล่านี้มักถูกวางทิ้งทันทีและกลายเป็นขยะใช้ครั้งเดียวทิ้งที่สะสมในพื้นที่ท่องเที่ยวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การเลือกสินค้าที่ไม่แถมเกินจำเป็นจึงช่วยลดขยะตั้งแต่ต้นทาง และทำให้ร้านค้ารู้ว่าผู้ซื้อพร้อมสนับสนุนแนวคิดการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าค่ะ อีกทั้งการบอกผู้ขายตั้งแต่ต้นว่า “ไม่ต้องใส่ช้อนเพิ่มนะคะ” หรือ “ไม่ต้องห่อหลายชั้นค่ะ” เป็นการสื่อสารที่ง่าย แต่สร้างผลกระทบเชิงบวกได้มาก เพราะช่วยลดของแถมที่ไม่จำเป็น และลดต้นทุนให้ผู้ประกอบการทำให้เขามีแรงจูงใจปรับตัวไปสู่การขายแบบลดขยะมากขึ้น เมื่อเราสนับสนุนร้านที่ไม่แจกของแถมเกินเหตุ ร้านอื่นๆ ก็เริ่มทำตาม ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับชุมชน การเลือกแบบนี้จึงไม่ใช่เพียงการประหยัดทรัพยากร แต่เป็นการสร้างวัฒนธรรมการบริโภคอย่างมีสติ และช่วยให้พื้นที่ท่องเที่ยวคงความสะอาดและยั่งยืนได้มากขึ้นค่ะ ที่โดยสรุปแล้วในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว พื้นที่ในท้องถิ่นมักเผชิญปริมาณขยะเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันค่ะ ทั้งจากของฝาก อาหารแบบซื้อกลับบ้าน และสินค้าที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง การเลือกสินค้าที่ยั่งยืนจึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยลดแรงกดดันต่อระบบจัดการขยะของชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม การมองภาพใหญ่คือการเข้าใจว่าทุกการซื้อของเราคือ “การส่งสัญญาณ” ให้ตลาดและผู้ผลิตเห็นว่าผู้บริโภคต้องการสินค้าที่ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ไม่ทำให้ธรรมชาติเสียหาย และไม่สร้างภาระให้คนในพื้นที่ การเลือกอย่างมีสติช่วยให้การท่องเที่ยวไม่ใช่แค่การเดินทาง แต่เป็นการร่วมดูแลพื้นที่ไปพร้อมกันค่ะ โดยแนวคิดหลักในการลดขยะผ่านการเลือกซื้อสินค้าท้องถิ่น คือ การมองว่าทุกผลิตภัณฑ์มีวงจรชีวิต ตั้งแต่การผลิต การขนส่ง การใช้งาน จนถึงการจัดการหลังใช้เสร็จ สินค้าที่ผลิตใกล้พื้นที่ท่องเที่ยว ใช้งานได้นาน เติมซ้ำได้ ย่อยสลายได้ หรือทำจากวัสดุเหลือใช้ ล้วนลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในแต่ละจุดของวงจรชีวิตทั้งสิ้น สิ่งนี้ทำให้เราเห็นว่าการลดขยะไม่ได้ขึ้นอยู่กับการกำจัดอย่างเดียว แต่เริ่มจากการเลือกตั้งแต่ต้นทาง เราจึงสามารถเป็นส่วนหนึ่งของการลดมลภาวะและการใช้ทรัพยากรเกินจำเป็นได้ด้วยการเปลี่ยนวิธีเลือกเพียงเล็กน้อยค่ะ เมื่อนำไปใช้จริงสิ่งสำคัญ คือ การสร้างนิสัยการเลือกซื้อที่เรียบง่ายแต่ต่อเนื่อง เช่น เลือกร้านที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม พกภาชนะหรือถุงผ้า ใช้บรรจุภัณฑ์ซ้ำ ถามผู้ขายก่อนซื้อว่าไม่ต้องใส่ของแถมที่ไม่ได้ใช้ หรืออุดหนุนสินค้าที่หมุนเวียนบรรจุภัณฑ์ได้ การลงมือทำเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้เมื่อทำซ้ำจะสร้างผลกระทบระดับชุมชน ทำให้ผู้ประกอบการปรับตัว ผู้ผลิตเห็นความสำคัญของการลดขยะ และผู้ท่องเที่ยวรุ่นใหม่เกิดความเข้าใจเรื่องความยั่งยืนมากขึ้น และท้ายที่สุดแล้วการเลือกซื้อที่ใส่ใจช่วยให้ทั้งเราและชุมชนเดินไปสู่การท่องเที่ยวที่สะอาด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และคงคุณค่าท้องถิ่นไว้ได้ในระยะยาวค่ะ สำหรับการเดินทางไปเที่ยวในที่ต่างๆ นั้น โดยส่วนตัวแล้วก่อนหน้านี้ผู้เขียนเดินทางบ่อยมากค่ะ บางจังหวัดในภาคอีสานไปมาแล้วทุกอำเภอด้วยซ้ำ ก็ได้เห็นแหล่งขายของฝากมาหลายจุดเหมือนกันค่ะ ถ้าจะให้ข้อมูลตอนนี้เลยคงจะเล่าไม่หมด เอาที่จำได้ก่อนแล้วกันนะคะ ถ้าไปเที่ยวฝั่งลาวต้องดูกฎกติกาดีๆ ก่อนซื้อของมาค่ะ เพราะที่จุดตรวจฝั่งไทยจะบอกไว้ว่าอะไรถือข้ามกลับมาได้บ้าง ฝั่งลาวของขายยังเป็นแบบบ้านๆ ค่ะ ของป่ามายังไงก็หน้าตาแบบนั้นเลย ชอบซื้อเม็ดกะบกคั่วค่ะ และเคยเห็นคนพาไปเขาอยากลองดื่มเบียร์ลาว เขาก็ซื้อหนึ่งขวดแล้วดื่มทันทีและทิ้งขยะที่หน้าร้านที่ลาวเลยค่ะ และเคยไปพม่ามาเหมือนกันค่ะ ที่พม่าก็จะคล้ายลาว ดีสุดคือลองแค่กินอาหารค่ะ เพราะเคยไปเจอคนนำสบู่มาขายตอนไปไหว้พระที่วัดในพม่า แต่สบู่ก็มาจากโรงงานแห่งหนึ่งในจังหวัดฉะเชิงเทราบ้านเรา จึงไม่ได้ซื้อค่ะ ถ้าไปเที่ยวแถวอุบลต้องลองซาลาเปาไส้หน่อไม้ กวยจั๊บอุบล หมูยอห่อใบตองของอุบลนะคะ ถ้ามาแถวอำเภอห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษ มีไก่ย่างไม้มะดันน่าลองค่ะ แถวภูเรือ ด่านซ้าย จังหวัดเลย ต้นไม้ ดอกไม้ เห็ดหอม ผลไม้ตามฤดูกาลเยอะมากค่ะ แถวอำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ จะเป็นมะขามหวานและผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับมะขาม มีขนมจีนน้ำยาน่าลองค่ะ ถ้าไปอำเภอรัตนวาปี จังหวัดหนองคาย ต้องลองซื้อกล้วยหอมค่ะ ถ้าตลาดท่าเสด็จในตัวเมืองหนองคาย ต้องลองหมูยอ ส้มหมูใบมะยม ต้องลองกินแหนมเนืองร้านแดงเจ้าดังนะคะ หากไปแถวอำเภอบ้านแพง นาหว้า ศรีสงคราม จังหวัดนครพนม แถวนี้เขาใกล้แม่น้ำ ทั้งแม่น้ำศรีสงครามและแม่น้ำโขง สินค้าเกี่ยวกับปลาเยอะมากค่ะ และส้มตีนวีวก็เป็นของหากินได้เฉพาะแถวนั้นด้วย ถ้ามาแถวจังหวัดสกลนคร ที่อำเภอภูพานมีของขายเยอะมาก ไม้กวาดดอกหญ้า ไวน์มะเม่า และยอดอ่อนหวาย หาได้ที่ภูพานค่ะ ถ้าผ่านอำเภอสมเด็จ จังหวัดกาฬสินธุ์ มะพร้าวน้ำหอมเยอะค่ะ ถ้ากระโดดมาทางอุดรธานี ที่อำเภอกุมภวาปี มีข้าวหลามขายเพียบเลยค่ะ แถวมหาสารคามต้องลองข้าวจี่ ข้าวโป่งนะคะ ร้อยเอ็ดมีขนมจีนค่ะ ขอนแก่นต้องแวะร้านของฝากค่ะ ของฝากอย่างข้าวแต๋น กุนเชียง ขอนแก่นมีโรงงานในชุมชนทำ อร่อยค่ะ ผ่านมหาสารคาม ที่อำเภอวาปีปทุม มีเกลือสินเธาว์ขายนะคะ มาโคราชก็มีของฝากคล้ายขอนแก่นค่ะ ต้องลองเป็ดย่างของอำเภอพิมาย มาบุรีรัมย์ต้องซื้อผ้าไหมค่ะ ว่าวและต้องลองหมี่ยำที่อำเภอกระสัง ไปสุรินทร์ต้องซื้อข้าวมะลิที่ดีที่สุดของประเทศไทยค่ะ จริงๆ ยังมีอีกเยอะค่ะ แต่คงเล่าไม่หมด และเล่ามาขนาดนี้แล้วคงพอจะมองเห็นภาพกันบ้างแล้วนะคะ ถ้าไปเที่ยวไหนยังไงนั้นก็อย่าลืมนำทริคที่ผู้เขียนนำเสนอไว้ไปใช้ด้วยนะคะ เพราะโดยส่วนตัวแล้วผู้เขียนก็นำไปปรับใช้เหมือนกันค่ะ ชอบซื้อของกินค่ะ มักซื้อของที่ทำได้ ปลูกได้ ผลิตได้ในชุมชนนั้นมากกว่า อย่างไปเชียงใหม่ก็สตรอว์เบอร์รี่ค่ะ ตอนหลังมาพวงกุญแจชาวเขาไม่ค่อยได้ใช้ แบบนี้ก็ไม่ได้ซื้อนะคะ ก็ลองสังเกตและค่อยๆ ปรับใช้กันค่ะ และด้วยความตั้งใจ ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากคุณผู้อ่านชื่นชอบเนื้อหาแนวนี้ อย่าลืมกดติดตามหรือบันทึกโปรไฟล์ไว้ เพื่อจะได้ไม่พลาดข้อมูลใหม่ๆ ในบทความถัดไป หากสนใจอ่านบทความทั้งหมดของผู้เขียน ก็สามารถกดเข้าไปดูได้จากโปรไฟล์เช่นกันค่ะ #เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม #การท่องเที่ยวแบบปลอดขยะ #ZeroWasteTourism #ลดขยะ #ลดมลพิษ เครดิตรูปภาพประกอบบทความ รูปภาพทำหน้าปก AI Generated และออกแบบหน้าปกโดยผู้เขียน ใน Canva รูปภาพประกอบเนื้อหา: ภาพที่ 1-3 ถ่ายภาพโดยผู้เขียน และภาพที่ 4 AI Generated โดยผู้เขียน เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การบำบัดน้ำเสียและกำจัดสิ่งปฏิกูล 9 แนวทางปล่อยโคมลอย ตามเทศกาลในฤดูหนาว ให้ปลอดภัย & ลดมลพิษ 11 อาหารพื้นบ้านตามฤดูกาล ในฤดูหน้าหนาว อีสานใต้ ประเทศไทย ตลาดโคกอีโด่ย แหล่งรวมสินค้าท้องถิ่น อำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !