Fire Emblem เป็นซีรีส์เกมวางแผนกลยุทธ์สวมบทบาทที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนานกว่า 30 ปี ด้วยความโดดเด่นในด้านเนื้อเรื่องเข้มข้น ตัวละครที่มีเสน่ห์ และระบบเกมเพลย์ที่ท้าทาย จึงทำให้เกม Fire Emblem กลายเป็นหนึ่งในเกมซีรีส์ยอดนิยมที่แฟนเกมทั่วโลกต่างชื่นชอบ ในบทความนี้ ผมจะขอแนะนำ 7 เกม Fire Emblem ที่ต้องลองเล่นสักครั้งในชีวิต เป็นภาคที่ผมเล่นแล้วรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก โดยเรามาเริ่มกันในภาคแรกซึ่งภาคนั้นก็คือ 1. Fire Emblem: Three Houses (2019)ผมเป็นแฟนเกม Fire Emblem มาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยเด็ก เคยเล่นมาหลายภาค แต่ภาคที่ผมประทับใจมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นภาค Three Houses ภาคนี้ผมเล่นจบไปสองรอบแล้ว ครั้งแรกเล่นสาย Blue Lions และครั้งที่สองเล่นสาย Black Eagles สิ่งที่ผมชอบที่สุดสำหรับภาค Three Houses คือเนื้อเรื่องที่มีรายละเอียดและซับซ้อนกว่าภาคอื่นๆ ที่ผ่านมา ตัวละครแต่ละตัวมีบทบาทสำคัญในเนื้อเรื่อง และมีพัฒนาการที่น่าสนใจ เกมเพลย์ก็สนุกท้าทาย มีการผสมผสานระหว่างระบบการวางแผนกลยุทธ์แบบเทิร์นเบสกับระบบการเติบโตของตัวละครได้อย่างลงตัว การเล่นเกม Three Houses ครั้งแรกของผม ผมเลือกเล่นสาย Blue Lions ตอนแรกผมก็ยังไม่แน่ใจว่าจะชอบเนื้อเรื่องไหม เพราะตัวละครในสายนี้ดูไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่ แต่พอได้เล่นไปสักพัก ผมก็เริ่มหลงรักตัวละครในสายนี้มากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะ Dimitri ผู้นำของสาย Blue Lions เขาเป็นตัวละครที่ดูเข้มแข็งแต่เป็นตัวละครที่ดูน่าสงสารที่สุดในเรื่อง การต่อสู้ในภาค Three Houses ก็สนุกท้าทายดีครับ เกมมีการผสมผสานระหว่างระบบการวางแผนกลยุทธ์แบบเทิร์นเบสกับระบบการเติบโตของตัวละครได้อย่างลงตัว ทำให้เราต้องใช้ทั้งทักษะการวางแผนกลยุทธ์และคอยพัฒนาตัวละครของเราให้เก่งกาจมากยิ่งขึ้น โดยรวมแล้ว Fire Emblem: Three Houses เป็นเกมที่ดีมากครับ เนื้อเรื่องสนุก ตัวละครมีเสน่ห์ และเกมเพลย์สนุกท้าทาย ใครที่ไม่เคยเล่นเกม Fire Emblem มาก่อน ผมแนะนำให้ลองเล่นภาคนี้ก่อนเป็นอันดับแรกเลยครับ 2. Fire Emblem: Genealogy of the Holy War (1996)Fire Emblem: Genealogy of the Holy War เป็นภาคแรกที่ผมเล่นในซีรีส์ Fire Emblem ครับ ตอนนั้นผมยังเด็กอยู่เลย จำได้ว่าตอนนั้นเล่นแล้วติดงอมแงมเลย เนื้อเรื่องเข้มข้นมาก ตัวละครมีเสน่ห์ และเกมเพลย์สนุกท้าทาย สิ่งที่ผมชอบที่สุดสำหรับภาค Genealogy of the Holy War คือเนื้อเรื่องที่มีรายละเอียดและซับซ้อนมาก เกมเล่าถึงสงครามระหว่างสองตระกูลใหญ่ในทวีป Jugdral ตัวละครแต่ละตัวมีบทบาทสำคัญในเนื้อเรื่อง และมีพัฒนาการที่น่าสนใจ เกมเพลย์ก็สนุกท้าทาย มีการผสมผสานระหว่างระบบการวางแผนกลยุทธ์แบบเทิร์นเบสกับระบบการเติบโตของตัวละครได้อย่างลงตัว การเล่นเกม Genealogy of the Holy War ครั้งแรกของผม ผมรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับเนื้อเรื่องมาก ไม่เคยเล่นเกมไหนที่มีเนื้อเรื่องซับซ้อนขนาดนี้มาก่อน ตัวละครแต่ละตัวก็มีเสน่ห์และน่าจดจำมาก โดยเฉพาะ Sigurd ตัวละครเอกของเกม เขาเป็นตัวละครที่มีเสน่ห์และน่าชื่นชมมาก การต่อสู้ในภาค Genealogy of the Holy War เป็นภาคที่สนุกและยากเป็นอย่างมาก คุณต้องวางแผนทุกอย่างให้รอบคอบเพราะถ้าไม่อย่างนั้นคุณก็อาจจะตายยกตี้ เกมมีการผสมผสานระหว่างระบบการวางแผนกลยุทธ์แบบเทิร์นเบสกับระบบการเติบโตของตัวละครได้อย่างลงตัว รวมถึงระบบแต่งงานที่คุณต้องจับคู่ตัวละครให้เข้ากัน เพื่อที่จะช่วยให้คุณเล่นได้อย่างง่ายยิ่งขึ้นในตัวเกมช่วงหลัง โดยรวมแล้ว Fire Emblem: Genealogy of the Holy War เป็นเกมที่ดีมากครับ เนื้อเรื่องสนุก ตัวละครมีเสน่ห์ และเกมเพลย์สนุกท้าทาย เป็นอีกภาคที่แฟนเกม Fire Emblem ไม่ควรพลาด 3. Fire Emblem: The Binding Blade (2002)Fire Emblem: The Binding Blade เป็นภาคที่เล่นแล้วรู้สึกประทับใจมากที่สุดในซีรีส์ Fire Emblem ครับ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่รู้สึกว่าภาคนี้มันมีอะไรพิเศษที่ดึงดูดใจผมมาก สิ่งที่ผมชอบที่สุดสำหรับภาค The Binding Blade คือเนื้อเรื่องที่มีอารมณ์ขันและดราม่าผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ตัวละครแต่ละตัวมีเสน่ห์และน่าจดจำมาก โดยเฉพาะ Roy ตัวละครเอกของเกม เขาเป็นตัวละครที่เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งและน่าชื่นชมมาก การเล่นเกม The Binding Blade ครั้งแรกของผม ผมรู้สึกสนุกและประทับใจมาก เนื้อเรื่องมีอารมณ์ขันและดราม่าผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ทำให้เรารู้สึกหัวเราะและน้ำตาซึมไปพร้อมๆ กัน ผมจำได้ว่าตอนที่เล่นเนื้อเรื่องช่วงแรกๆ ผมรู้สึกสนุกและผ่อนคลายมาก ตัวละครแต่ละตัวมีเสน่ห์และน่าจดจำ โดยเฉพาะ Roy ตัวละครเอกของเกม เขาเป็นเด็กหนุ่มที่อ่อนแอแต่มีจิตใจดี ผมรู้สึกผูกพันกับตัวละครเหล่านี้อย่างรวดเร็ว แต่พอเนื้อเรื่องดำเนินไปเรื่อยๆ ความตึงเครียดก็เริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สงครามระหว่างราชอาณาจักร Bern และอาณาจักร Lycia กำลังทวีความรุนแรงขึ้น ตัวละครที่ผมรักเริ่มล้มตายไปทีละคน ผมรู้สึกเศร้าและเสียใจ แต่ก็ต้องพยายามรวบรวมสติและต่อสู้ต่อไป ในที่สุด Roy ก็เติบโตขึ้นเป็นผู้นำที่แข็งแกร่งและกล้าหาญ เขานำกองทัพของเขาเอาชนะราชอาณาจักร Bern และปกป้องความสงบสุขของทวีป Elibe ได้สำเร็จ ผมรู้สึกประทับใจกับเนื้อเรื่องและตัวละครของเกม The Binding Blade มาก รู้สึกเหมือนได้ร่วมเดินทางกับตัวละครเหล่านี้มาอย่างยาวนาน รู้สึกเหมือนได้เติบโตไปพร้อมกับพวกเขา เกมภาคนี้จึงเป็นภาคที่เล่นแล้วรู้สึกประทับใจมากที่สุดในซีรีส์ Fire Emblem ครับ 4. Fire Emblem: Path of Radiance (2005)Fire Emblem: Path of Radiance เป็นภาคที่เปิดตัวบนเครื่อง GameCube ครับ เป็นภาคแรกที่พัฒนาด้วยกราฟิกสามมิติ เกมเพลย์ยังคงใช้ระบบการวางแผนกลยุทธ์แบบเทิร์นเบส แต่ได้มีการปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่าเดิม สิ่งที่ผมชอบที่สุดสำหรับภาค Path of Radiance คือกราฟิกที่สวยงามและสมจริง ตัวละครแต่ละตัวมีรายละเอียดและมีชีวิตชีวามาก โดยเฉพาะ Elincia ตัวละครที่ผมชอบที่สุดในเกมนี้ เธอเป็นตัวละครที่มีความงดงามและน่าทะนุถนอมมาก การเล่นเกม Path of Radiance ครั้งแรกของผม ผมรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับกราฟิกที่สวยงามมาก ไม่เคยเล่นเกมไหนที่มีกราฟิกสวยขนาดนี้มาก่อน ตัวละครแต่ละตัวก็มีเสน่ห์และน่าจดจำมาก โดยเฉพาะ Ike ตัวละครสุดเท่ที่เป็นสายกล้ามในภาคต่อไป เกมเพลย์ของภาค Path of Radiance ก็สนุกท้าทายดีครับ มีการปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่าเดิมจากภาคก่อนๆ ตัวละครแต่ละตัวมีทักษะและความสามารถที่แตกต่างกันไป ให้เราต้องใช้ทักษะการวางแผนกลยุทธ์มากขึ้นเพื่อเอาชนะศัตรู รวมถึงภาพฉากต่อสู้ในเกมเริ่มเป็นคาแรคเตอร์แล้วว่าเราเป็นตัวละครนั้นจริงๆ (ถ้าเป็นภาคเก่าๆ มันจะเป็นเหมือนเราเป็นยูนิตใดยูนิตหนึ่งแต่เปลื่ยนสีเท่านั้น) โดยรวมแล้ว Fire Emblem: Path of Radiance เป็นเกมที่ดีมากครับ กราฟิกสวย ตัวละครมีเสน่ห์ และเกมเพลย์สนุกท้าทาย เป็นอีกภาคที่แฟนเกม Fire Emblem ไม่ควรพลาด 5. Fire Emblem: Radiant Dawn (2007)Fire Emblem: Radiant Dawn เป็นภาคต่อของ Path of Radiance ครับ เป็นภาคที่เปิดตัวบนเครื่อง Wii เกมเพลย์ยังคงใช้ระบบการวางแผนกลยุทธ์แบบเทิร์นเบส แต่ได้มีการปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่าเดิมอีก สิ่งที่ผมชอบที่สุดสำหรับภาค Radiant Dawn คือเนื้อเรื่องที่เข้มข้นและซับซ้อนมาก ตัวละครแต่ละตัวมีบทบาทสำคัญในเนื้อเรื่อง และมีพัฒนาการที่น่าสนใจ เกมเพลย์ก็สนุกท้าทาย มีการผสมผสานระหว่างระบบการวางแผนกลยุทธ์แบบเทิร์นเบสกับระบบการเติบโตของตัวละครได้อย่างลงตัว การเล่นเกม Radiant Dawn ครั้งแรกของผม ผมรู้สึกสนุกและประทับใจมาก เนื้อเรื่องเข้มข้นและซับซ้อนมาก ตัวละครแต่ละตัวก็มีเสน่ห์และน่าจดจำมาก โดยเฉพาะ Micaiah สาวน้อยแห่งแสงตัวเอกของเกมที่ทำให้ผมมีแรงใจในการเล่นเกมนี้จนจบเกม รวมถึงภาคนี้ถือว่าเนื้อเรื่องดูยิ่งใหญ่ที่สุดในซีรีสนี้ เพราะเราต้องเล่นถึง 3 กลุ่มใหญ่ด้วยกัน แต่เป็นภาคอื่นๆ เราจะได้เล่นเพียงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ซึ่งทำให้เนื้อเรื่องของภาคนี้สุดอลังการมาก เกมเพลย์ของภาค Radiant Dawn ก็สนุกท้าทายดีครับ มีการผสมผสานระหว่างระบบการวางแผนกลยุทธ์แบบเทิร์นเบสกับระบบการเติบโตของตัวละครได้อย่างลงตัว ทำให้เราต้องใช้ทั้งทักษะการวางแผนกลยุทธ์และทักษะการเลี้ยงดูตัวละครให้เก่งขึ้นเพื่อเอาชนะศัตรู โดยรวมแล้ว Fire Emblem: Radiant Dawn เป็นเกมที่ดีมากครับ เนื้อเรื่องสนุก ตัวละครมีเสน่ห์ และเกมเพลย์สนุกท้าทาย เป็นอีกภาคที่แฟนเกม Fire Emblem ไม่ควรพลาด 6. Fire Emblem FatesFire Emblem Fates เป็นเกมวางแผนกลยุทธ์สวมบทบาทที่เปิดตัวบนเครื่อง Nintendo 3DS เกมนี้ใช้ระบบการวางแผนกลยุทธ์แบบเทิร์นเบสแบบเดียวกับภาคอื่นๆ ในซีรีส์ แต่ได้มีการปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่าเดิม สิ่งที่ผมชอบที่สุดสำหรับภาค Fates คือเนื้อเรื่องที่เข้มข้นและซับซ้อน เกมนำเสนอสามเส้นทางที่แตกต่างกันให้เราเลือกเล่น แต่ละเส้นทางมีเนื้อเรื่องและตัวละครที่แตกต่างกันไป ทำให้ผู้เล่นสามารถสัมผัสประสบการณ์ที่แตกต่างกันออกไป เส้นทาง Birthrightเส้นทางนี้เล่าเรื่องราวของ Corrin เด็กหนุ่มที่เติบโตมาในตระกูล Nohrian แต่กลับมีสายเลือด Hoshidan อยู่ด้วย เส้นทางนี้ดำเนินไปอย่างเข้มข้นและตื่นเต้นเร้าใจ ตัวละครแต่ละตัวก็มีบทบาทสำคัญในเนื้อเรื่อง และมีพัฒนาการที่น่าสนใจ ผมรู้สึกประทับใจกับเส้นทาง Birthright มากครับ เนื้อเรื่องดำเนินไปอย่างสนุกสนาน ตัวละครแต่ละตัวมีเสน่ห์และน่าจดจำ โดยเฉพาะ Corrin ตัวละครเอกของเกม เขาเป็นตัวละครที่เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งและน่าชื่นชมมาก เส้นทาง Conquestเส้นทางนี้เล่าเรื่องราวของ Corrin ที่เลือกที่จะอยู่กับตระกูล Nohrian เส้นทางนี้ดำเนินไปอย่างดุเดือดและท้าทาย ตัวละครแต่ละตัวต้องเผชิญกับการตัดสินใจที่ยากลำบาก ผมรู้สึกตื่นเต้นกับการต่อสู้ในเส้นทาง Conquest มากครับ ศัตรูมีความแข็งแกร่งและหลากหลาย ทำให้เราต้องวางแผนการต่อสู้อย่างรอบคอบ เส้นทาง Revelationเส้นทางนี้เล่าเรื่องราวของ Corrin ที่พยายามหาทางยุติสงครามระหว่างสองตระกูล เส้นทางนี้ดำเนินไปอย่างเข้มข้นและซับซ้อน ตัวละครแต่ละตัวต้องเผชิญกับความจริงที่ยากจะยอมรับ ผมรู้สึกอิ่มเอมกับเส้นทาง Revelation มากครับ เนื้อเรื่องดำเนินไปอย่างน่าติดตาม ตัวละครแต่ละตัวต้องเผชิญกับชะตากรรมที่ยากลำบาก ระบบการต่อสู้นอกจากเนื้อเรื่องแล้ว ผมยังชอบระบบการต่อสู้ของเกม Fates มากครับ ระบบการต่อสู้ในภาคนี้มีจุดเด่นอยู่ที่การผสมผสานระหว่างระบบคลาสและระบบการเสริมพลัง ผู้เล่นสามารถเลือกคลาสให้กับตัวละครได้หลากหลาย ทำให้ตัวละครแต่ละตัวมีความสามารถที่แตกต่างกันไป เราสามารถเสริมพลังให้กับตัวละครได้หลายวิธี เช่น การอัพเลเวล การใส่ไอเท็ม และการเสริมพลังด้วยสกิล ระบบการต่อสู้ในภาค Fates ทำให้การต่อสู้มีความหลากหลายและท้าทายมากขึ้น ผู้เล่นต้องวางแผนการต่อสู้อย่างรอบคอบ เพื่อให้เอาชนะศัตรูได้ โดยรวมแล้ว Fire Emblem Fates เป็นเกมที่ดีมากครับ เนื้อเรื่องสนุก ตัวละครมีเสน่ห์ และเกมเพลย์สนุกท้าทาย เป็นอีกภาคที่แฟนเกม Fire Emblem ไม่ควรพลาด 7. Fire Emblem EngageFire Emblem Engage เป็นเกมวางแผนกลยุทธ์สวมบทบาทที่เปิดตัวบนเครื่อง Nintendo Switch เกมนี้ใช้ระบบการวางแผนกลยุทธ์แบบเทิร์นเบสแบบเดียวกับภาคอื่นๆ ในซีรีส์ แต่ได้มีการปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่าเดิม สิ่งที่ผมชอบที่สุดสำหรับภาค Engage คือระบบการต่อสู้ที่สนุกและท้าทาย เกมนำเสนอระบบการต่อสู้แบบใหม่ที่เรียกว่า "Engage System" ระบบนี้ช่วยให้ผู้เล่นสามารถควบคุมตัวเอกของ Fire Emblem ภาคเก่าๆ ได้ เป็นภาคที่คุณเล่นไปอมยิ้มไป เพราะคุณจะได้เห็นตัวเอกจากภาคเก่าๆ มีรูปร่างหน้าตาที่ดูดีขึ้น และเมื่อคุณกดใช้ Engage System คุณจะสามารถใช้ท่าไม้ตายของตัวละครตัวเอกในภาคเก่าๆ ได้ ระบบ Engage Attack ถือว่าเป็นจุดเด่นของภาคนี้ ซึ่งมันจะช่วยให้คุณได้เปรียบในการต่อสู้กับศัตรูที่ร้ายกาจ หรือศัตรูระดับบอสของฉากนั้นๆ รวมถึงยังมี Support ทำให้การต่อสู้มีความหลากหลายมากขึ้น ตัวละครแต่ละตัวสามารถช่วยเหลือตัวละครอื่นในการโจมตีศัตรูได้ ทำให้เกิดคอมโบการโจมตีที่รุนแรง ระบบการเติบโตของตัวละครในภาค Engage มีการปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่าเดิม ตัวละครแต่ละตัวสามารถพัฒนาทักษะและความสามารถได้หลากหลาย ทำให้ผู้เล่นสามารถปรับแต่งตัวละครได้ตามต้องการ ระบบความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครในภาค Engage มีการปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่าเดิม ตัวละครแต่ละตัวสามารถมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันได้ ทำให้เกิดเหตุการณ์พิเศษระหว่างตัวละคร ซึ่งมันจะช่วยเพิ่มค่าสเตตัสทำให้คุณได้เปรียบในการต่อสู้เมื่อวางตัวละครทั้งสองตัวนี้ติดกัน ระบบการสำรวจในภาค Engage มีการปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่าเดิม ผู้เล่นสามารถสำรวจพื้นที่ต่างๆ ในโลกของเกม เพื่อค้นหาไอเท็มและข้อมูลลับ โดยรวมแล้ว Fire Emblem Engage เป็นเกมที่ดีมากครับ เนื้อเรื่องสนุก ตัวละครมีเสน่ห์ และเกมเพลย์สนุกท้าทาย และมีภาพที่สวยที่สุดในซีรีย์นี้ แฟนเกม Fire Emblem ห้ามพลาดโดยเด็ดขาด สรุปนี่คือ 7 เกม Fire Emblem ที่ผมแนะนำว่าควรลองเล่นสักครั้งในชีวิต แต่ละเกมมีจุดเด่นและสไตล์ที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับว่าผู้เล่นชอบอะไรเป็นพิเศษFire Emblem: Three Houses (2019) เป็นเกมที่เหมาะสำหรับผู้เล่นมือใหม่ ด้วยเนื้อเรื่องที่สนุก ตัวละครที่มีเสน่ห์ และเกมเพลย์ที่เข้าใจง่ายFire Emblem: Genealogy of the Holy War (1996) เป็นเกมที่เหมาะสำหรับผู้เล่นที่ชื่นชอบเนื้อเรื่องเข้มข้นและซับซ้อน ตัวละครแต่ละตัวมีบทบาทสำคัญในเนื้อเรื่อง และมีพัฒนาการที่น่าสนใจFire Emblem: The Binding Blade (2002) เป็นเกมที่เหมาะสำหรับผู้เล่นที่ชื่นชอบเนื้อเรื่องที่มีอารมณ์ขันและดราม่าผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ตัวละครแต่ละตัวมีเสน่ห์และน่าจดจำFire Emblem: Path of Radiance (2005) เป็นเกมที่เหมาะสำหรับผู้เล่นที่ชื่นชอบกราฟิกที่สวยงามและสมจริง ตัวละครแต่ละตัวมีรายละเอียดและมีชีวิตชีวามากFire Emblem: Radiant Dawn (2007) เป็นเกมที่เหมาะสำหรับผู้เล่นที่ชื่นชอบเนื้อเรื่องที่เข้มข้นและซับซ้อน ตัวละครแต่ละตัวมีบทบาทสำคัญในเนื้อเรื่อง และมีพัฒนาการที่น่าสนใจFire Emblem Fates (2015) เป็นเกมที่เหมาะสำหรับผู้เล่นที่ชื่นชอบเนื้อเรื่องที่เข้มข้นและซับซ้อน เกมนำเสนอสามเส้นทางที่แตกต่างกันให้เราเลือกเล่น แต่ละเส้นทางมีเนื้อเรื่องและตัวละครที่แตกต่างกันไป ทำให้ผู้เล่นสามารถสัมผัสประสบการณ์ที่แตกต่างกันออกไปFire Emblem Engage (2023) เป็นเกมที่เหมาะสำหรับผู้เล่นที่ชื่นชอบระบบการต่อสู้ที่สนุกและท้าทาย เกมนำเสนอระบบการต่อสู้แบบใหม่ที่เรียกว่า "Engage System" ระบบนี้ช่วยให้ผู้เล่นสามารถควบคุมตัวละครได้มากขึ้น และมีส่วนร่วมในการต่อสู้ได้มากขึ้น คำแนะนำเพิ่มเติมนอกจาก 7 เกมที่แนะนำไปแล้ว ยังมีเกม Fire Emblem ภาคอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่นFire Emblem: Shadow Dragon and the Blade of Light (1990) เป็นภาคแรกสุดของซีรีส์ Fire EmblemFire Emblem: Mystery of the Emblem (1994) เป็นภาคต่อของ Shadow DragonFire Emblem: Thracia 776 (1999) เป็นภาคที่ต่อจาก Mystery of the EmblemFire Emblem: Sacred Stones (2004) เป็นภาคที่ได้รับความนิยมอย่างมากFire Emblem: Awakening (2012) เป็นภาคที่ดึงดูดผู้เล่นหน้าใหม่จำนวนมากFire Emblem: Echoes: Shadows of Valentia (2017) เป็นภาครีเมคของ Shadow DragonFire Emblem: Three Houses: Silver Snow, Verdant Wind, Crimson Flower (2019) เป็นสามเส้นทางย่อยของ Fire Emblem: Three Housesผมแนะนำให้ผู้เล่นลองเล่นเกมเหล่านี้ดูครับ แต่ละภาคมีเอกลักษณ์และเสน่ห์ที่แตกต่างกันออกไป รับรองว่าคุณจะสนุกกับการเล่นเกม Fire Emblem อย่างแน่นอน เครดิตภาพ ทางผู้เขียนได้ซื้อเกมนี้มาเล่นเองถ่ายรูปลงเองเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !