ถ้าพูดถึงมูจิ เราว่าหลาย ๆ คนก็คงรู้จักกันดีหรืออาจจะเคยเห็นกันมาบ้างแล้ว ส่วนมากก็จะเห็น shop ในห้างสรรพสินค้า ซึ่งเราก็จะเล่าคร่าว ๆ ถึงคอนเซ็ปท์และความเป็นมา ก่อนที่จะดูสินค้าที่เราจะแนะนำ เพื่อความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับแบรนด์ เพราะสินค้าร้านเค้าเยอะละลานตามาก ๆ เรารู้ว่าบางคนได้เข้ามาก็คงอดสงสัยไม่ได้ว่าควรจะเริ่มดูจากอะไรดีนะ ชิ้นไหนที่น่าซื้อ Muji ( มูจิ ) เป็นแบรนด์ที่มีต้นกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีความหมายว่า ไม่มีแบรนด์ ( no brand ) ที่เป็นเช่นนี้เพราะแบรนด์ต้องการสื่อถึงคุณค่าที่แฝงในสินค้าแต่ละชิ้น ซึ่งแบรนด์มูจิตอนนี้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางทั่วยุโรป อเมริกา และเอเชีย มีสาขาอยู่ทั่วโลกกว่า 700 สาขา และมีสินค้ามากกว่า 7,000 รายการ โดยในไทยจะนำสินค้าของแต่งบ้าน เฟอร์นิเจอร์ เครื่องสำอาง เครื่องเขียน เสื้อผ้าจักรยาน มาวางขายตามห้างสรรพสินค้า เพื่อน ๆ เองก็คงเคยเห็นกันบ่อย ๆ ใช่มั้ยล่ะ ในการผลิตสินค้าของแบรนด์นี้ก็จะแฝงความเป็นญี่ปุ่นอยู่มากทั้งวิธีคิดและปรัชญา ในการสร้างดีไซน์หรือฟังก์ชั่นของแต่ละชิ้น หลัก ๆ คอนเซ็ปท์ของแบรนด์จะเน้นแนวคิดเรียบง่าย แต่มีคุณภาพ ดีไซน์ “น้อยแต่มาก” และการใช้งานแบบ unisex โดยไม่แคร์ว่าจะมีชื่อเสียงหรือเป็นที่นิยมหรือไม่ ส่วนของบรรยากาศในร้านจะมีความโดดเด่นเมื่อเทียบกับร้านอื่น โดยออกแนวมินิมอล สบายตา พร้อมด้วยกลิ่นน้ำมันหอมระเหยเพิ่มความผ่อนคลายแก่ลูกค้า แม้ว่าบางชิ้นราคาอาจจะสูงนิดหนึ่ง แต่ถ้าเทียบกับคุณภาพก็ถือว่าดีมากเลยทีเดียว โดยสินค้าแต่ละชิ้นจะมีบอกว่า made in japan ในการการันตีคุณภาพสำหรับคนที่ไม่รู้ว่าแวะเข้าไปจะซื้ออะไรดี ของเยอะแยะไปหมด วันนี้เราเลยจะมาชี้เป้าว่าควรจะซื้ออะไรติดมือกลับไปบ้าน เริ่มด้วย ……. 1. กระเป๋า รุ่นแรกคือ กระเป๋าซาโค้ช เป็นกระเป๋าขนาดกะทัดรัดสำหรับใช้ในชีวิตประจำวันและการไปเที่ยว มีสายไว้ใช้เป็น crossbody ก็ได้ หรือถ้าใครไม่อยากสะพายก็สามารถอดออกเพื่อเป็นกระเป๋าใส่ของจุกจิกได้ จุดเด่นของกระเป๋าใบนี้คือ มีคุณสมบัติกันน้ำ เพราะฉะนั้นก็สบายใจเดินลุยน้ำได้ ไม่ต้องคอยกังวลเมื่อฝนตก มีจำหน่ายอยู่ 2 ขนาด และมี 6 สีให้เลือกมากมายตามความชอบ สามารถใช้ได้ทั้งชายและหญิงราคา : 350 บาท รุ่นที่สองคือ กระเป๋าจูดท์ กระบวนการผลิตได้มาจากภูมิปัญญาจากอินเดีย โดยใช้ปอกระเจาที่เติบโตในลุ่มน้ำคงคามาใช้ ซึ่งเป็นพืชที่เป็นมิตรต่อโลกและคน และยังมีความสามารถที่ดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่าพืชประเภทอื่นที่มีขนาดใกล้เคียงกันได้มากกว่า 5-6 เท่า เมื่อใช้พืชชนิดนี้มาทำ จะทำให้มีความทนทานเป็นอย่างมาก บางครั้งก็กลายเป็นวัสดุใช้ในการทำถุงผ้า ทางมูจิก็มีให้เราออกแบบเองเพื่อปัก เราก็จะได้กระเป๋าที่ไม่ซ้ำใคร แต่อาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมบางส่วน มีให้เลือกด้วยกัน 3 ขนาด ซึ่งสำหรับใบนี้ก็เป็นหนึ่งไอเท็มที่ฮิตมากจนหลายสาขาหมดแล้ว ต้องรอเติมสต็อก ราคา : 69 / 89 / 99 บาท 2. รองเท้าผ้าใบ รองเท้าผ้าใบสุดฮิตของมูจิ ที่ผลิตจากผ้าฝ้ายออร์แกนิกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและผู้สวมใส่ โดยออกแบบพื้นรองเท้าด้านในให้รองรับเท้าจากความเมื่อยล้า ล็อคตำแหน่งและลดแรงกระแทกของฝ่าเท้า ยึดเกาะพื้นได้ดี ซึ่งจุดเด่นก็เหมือนกันกับประเป๋าซาโค้ช นั่นคือ สามารถกันละอองน้ำได้ เหมาะกับอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย และเอาอยู่ทุกสถานการณ์ไม่ว่าจะเป็นแดดหรือฝน ถ้าคู่นี้เลอะก็มีความดูแลง่าย match ง่ายกับชุดหลายแบบ เพราะรองเท้าเป็นสีพื้น ทรงก็สวยมาก ๆ ต่อให้ตัวรองเท้าจะไม่มีโลโก้แบรนด์อยู่ แต่ด้วยดีไซน์เด่นเฉพาะตัว ก็จะทำให้คนรอบข้างรู้เองโดยไม่ต้องบอกเลยแหละราคา : 990 บาท 3. ปากกา ปากกาลูกลื่นหมึกเจลของมูจิเป็นไอเทมที่ดังมาก และยังลดราคาบ่อยอีกด้วย เราเชื่อว่าเพื่อน ๆ หลายคนก็คงมีติดกระเป๋าอยู่แล้วใช่มั้ยหล่ะ ด้วยดีไซน์พิเศษของหัวปากกาเพื่อกันการไหลย้อนและแห้งตัวของหมึก ส่วนหมึกปากกามีส่วนผสมของน้ำเป็นหลักทำให้เขียนได้ลื่น ซึ่งทำให้ใคร ๆ ก็ติดใจหมึกที่เขียนลื่นมาก ดีไซน์ที่สวย ใช้ได้ทั้งวัยเรียน วัยทำงาน แถมยังพกพาสะดวก ถ้าใครสนใจก็ไปเลือกซื้อได้ มีให้เลือกทั้งแบบปลอกและกด ขนาดของปากกาจากหัวเล็กแค่ 0.25 - 0.7 และมีให้เลือกหลายสี ตั้งแต่ดำ แดง น้ำเงิน ยันสดใส ครบแทบทุกสี อีกทั้งยังมีไส้ปากกาวางจำหน่ายแยกแทนการซื้อด้ามใหม่เมื่อหมึกหมด เพื่อลดการใช้ทรัพยากรตามแนวคิดดั้งเดิมของแบรนด์ราคา : 29 - 75 บาท 4. กระดาษเช็ดแว่น สำหรับใครที่มีแว่นตาก็คงเข้าใจว่าใช้แล้วมันจะมัว ต้องคอยเช็ดอยู่เป็นประจำ เมื่อเราใช้ผ้าเช็ดแว่นบ่อย ๆ ก็ต้องเจอกับความยุ่งยากที่ต้องซัก ซึ่งอาจทำให้เนื้อผ้าเสียหายได้ถ้าไม่ได้ซักอย่างประณีต แต่มูจิได้ผลิตกระดาษเช็ดแว่นนี้เพื่อเหล่านี้ โดยกระดาษสามารถขจัดคราบมันและสิ่งสกปรกบนเลนส์แว่นได้อย่างดีเยี่ยม เมื่อใช้งานก็ใช้ในปริมาณที่น้อย แค่ฉีกเป็นชิ้นเล็กๆ และทิ้งเมื่อกระดาษเก่าแล้ว ทำให้ง่ายและสะดวกต่อการพกพาด้วยขนาดที่เล็กกะทัดรัดไม่ว่าจะพกไปไหนราคา : 35 บาท 5. ที่ดัดขนตา สำหรับผู้หญิงอย่างเราก็คงหนีไม่พ้นเครื่องสำอางค์ โดยในมูจิก็มีขายหลายชิ้น แต่ที่น่าสนใจคือที่ดัดขนตา ที่มีคนมากมายเอาไปรีวิวทั้งใน Twitter และ Youtube ด้วยความที่ตัวสินค้ามีคุณภาพดี รูปลักษณ์ที่แปลกแต่เก็บง่าย พกพาสะดวก ใช้งานง่าย มีน้ำหนักเบา ทนทาน และยางช่วยถนอมไม่ให้เส้นขนตาหักระหว่างการใช้งาน โดยผลลัพธ์หลังจากการดัดที่ได้สามารถเอาไปเทียบหลายแบรนด์ดังได้เลย หรือสำหรับใครไม่ชินกับดีไซน์นี้ ทางแบรนด์ก็มีทรงธรรมดาให้เลือกด้วย ในตัวกล่องจะแถมยางมาด้วย 1 ชิ้น ที่สำคัญ ราคาถูกมากเมื่อเทียบกับคุณภาพ ราคา 165 บาท 6. โทนเนอร์ เป็นสกินแคร์ตัวหนึ่งที่ดังมากในประเทศญี่ปุ่น ผู้หญิงส่วนใหญ่มีติดบ้านกันหมด ตัวโทนเนอร์มีส่วนผสมจากน้ำแร่จากจังหวัดอิวาเตะ และไม่ผสมสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว ทำให้มีความอ่อนโยนต่อผิว สร้างความสบายใจให้แก่ผู้หญิงหลายคนที่จะเลือกใช้ ซึ่งผลิตภัณฑ์นี้เหมาะสำหรับผิวบอบบาง แพ้ง่าย จากความแห้งและความเครียด เพื่อบำรุงให้ผิวมีสุขภาพดี เรียบเนียน ราคาก็จับต้องได้มีด้วยกันหลายขนาด ถ้าใครยังไม่มั่นใจทางร้านก็มีขายขนาดทดลองเพื่อลองใช้ก่อนด้วย มีให้เลือก 3 สูตร ตามสภาพผิวของแต่ละคน 1. Moisture เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น 2. Light สำหรับผิวมัน 3. High moisture เหมาะกับผิวแห้ง ชุ่มชื้นมากราคา 115 - 390 บาทขอบคุณภาพจาก: Facebook Muji