ใครว่าการทำงานต้องอยู่แต่ในออฟฟิศ? ลองเปลี่ยนมาที่มาเลเซียสิ ชีวิตที่คุณสามารถนั่งทำงานในชุดนอนขณะที่จิบชาเย็นในคาเฟ่สวยๆ หรือแม้แต่ที่ริมทะเลที่มีลมพัดมาเย็นสบาย ไม่ต้องพูดถึงการทำงานที่บ้านเพื่อน เพราะเสียงข้าวผัดในกระทะมันน่าฟังมากกว่าการประชุมออนไลน์ ก็เลยลองใช้ชีวิตแบบ Nomad ดูกับเข้าบ้าง ว่าแต่ Digital Nomad คืออะไร คำว่า "Nomad" นี่แหละคือคำที่บอกว่า "ไม่อยู่กับที่!" เหมือนกับเร่ร่อนใจในโลกกว้าง ชนิดที่ใครได้เจอแล้วต้องถามว่า "เฮ้ย! คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!" แน่นอนว่ามันไม่ใช่การทำงานในออฟฟิศแล้วนั่งอยู่บนเก้าอี้ทั้งวัน แต่เป็นการใช้ชีวิตที่เหมือนกับการเป็นนักผจญภัยที่เดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ เพื่อหาสิ่งที่ต้องการ เช่น อาหารอร่อยๆ หรือที่นอนใหม่ๆ ตอนนี้ ถ้าพูดถึง "Digital Nomad" นี่แหละที่ทำให้ชีวิตดูมีสีสันยิ่งขึ้น เป็นการเดินทางไปทำงานในสถานที่ที่ไม่เหมือนกัน บางวันอาจจะนั่งทำงานในคาเฟ่ที่มีวิวทะเล บางวันอาจจะอยู่ในร้านกาแฟเล็กๆ ที่มีกลิ่นกาแฟหอมฟุ้ง หรือแม้แต่ในสวนสาธารณะที่มีเสียงนกร้องอยู่ทั่วไป ลองนึกภาพสิ คุณตื่นเช้ามา ทำอาหารเช้าในชุดนอน จากนั้นก็เปิดคอมพิวเตอร์แล้วนั่งทำงานไป พร้อมกับมีเสียงลมพัดเข้ามาในห้อง ลืมความเครียดจากการจราจรและเสียงดังจากการประชุมไปได้เลย! และเมื่อเสร็จงานแล้ว ก็ไปเที่ยวได้แบบไม่มีที่สิ้นสุด สรุปแล้ว การเป็น Nomad ก็คือการใช้ชีวิตแบบ "ไปไหนก็ได้" อยากทำงานที่ไหนก็ทำ และอยากเที่ยวที่ไหนก็ไปได้ตามใจ แถมยังมีโอกาสได้พบเพื่อนใหม่จากทั่วทุกมุมโลกที่มีความคิดคล้ายๆ กัน มันช่างเป็นการใช้ชีวิตที่น่าสนใจและเต็มไปด้วยความตื่นเต้นจริงๆ ว่าด้วยประสบการณ์ไปทำงานพร้อมกับไปเที่ยวด้วยตอนไปมาเลเซีย การผจญภัยเริ่มต้นเมื่อมีความคิดว่า “ทำไมไม่เปลี่ยนชีวิตให้มีสีสันมากขึ้นล่ะ?” ด้วยเหตุนี้เองก็เลยวางแผนที่จะไปทำงานที่มาเลเซีย เพื่อนบอกว่า “ให้ไปหาเขาในเมืองปุตราจายา เขาจะพาไปเที่ยว” จะบอกว่าออกจากบ้านมันรู้สึกเหมือนการเอาชีวิตกลับคืนมาหลังจากนั่งทำงานอยู่ในออฟฟิศนานเกินไป เมื่อมาถึงมาเลเซีย ทุกอย่างมันดูสดใส และกลิ่นอาหารที่หอมชวนหิวก็มาทักทายทันที ผมเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการดื่ม “Teh Tarik” พร้อมกับการนั่งทำงานในคาเฟ่ริมถนนที่มีเพื่อนร่วมงานเป็นสุนัขซึ่งนอนหลับสบายอยู่ใต้โต๊ะ มันคือบรรยากาศที่ผ่อนคลายและแสนสบายใจ วันต่อมาวันที่อากาศดี ตัดสินใจไปสำรวจปุตราจายา สถานที่ที่มีอาคารสวยงามมากมาย และแน่นอนว่าเอาโน้ตบุ๊กไปด้วย เผื่อมีงานด่วนต้องส่ง แต่ใครจะไปสนใจงานกันล่ะ ในเมื่อมีภาพถ่ายที่น่าอวดขึ้นใน Instagram การนั่งทำงานท่ามกลางสถาปัตยกรรมที่สวยงามมันช่างทำให้รู้สึกเหมือนเป็นศิลปินในโลกแห่งความจริง สวยจริงๆ นะ แนะนำเมืองนี้เลย และแล้วก็ถึงเวลาที่ต้องหาที่ทำงานใหม่ๆ เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ ผมลองไปที่เมืองมะละกา เมืองที่มีบ้านสวยๆ เพียบ บอกเลยว่าถ้าใครต้องการที่จะไปในที่บรรยากาศดีๆ แต่นั่นแหละ ช่วงเวลาที่ทำงานอยู่ก็ได้ยินเสียงเพลงดังจากการเล่นดนตรีสด เหมือนมีเสียงดนตรีที่บอกว่า “หยุดทำงานเถอะ มาสนุกกัน” 55 🤭 การใช้ชีวิตแบบ Nomad ยังเปิดโอกาสให้ได้ลองทำอาหารมาเลเซียแบบแท้ๆ ได้เข้าไปช่วยทำอาหารในตลาดท้องถิ่น ก็อยากทำ “นาซีเลอมัก” แต่อาจจะทำได้แค่เอาข้าวใส่จานแล้วราดซอสก็พอ แต่ก็สนุกดีนะ ได้พูดคุยกับคนในท้องถิ่น และได้เรียนรู้การทำอาหารจากสูตรดั้งเดิม (แต่ลองแล้วไม่อร่อยเลย แหะๆ) นอกจากนี้ การได้เจอเพื่อนใหม่ๆ ในพื้นที่ทำงานที่เดียวกันคือประสบการณ์ที่ล้ำค่า พูดคุยกันเกี่ยวกับความฝันและแผนการเดินทาง โดยเฉพาะเวลาที่เล่าเรื่องน่าขันที่เกิดขึ้นในระหว่างที่ทำงาน ก็ทำให้รู้สึกเหมือนเราเป็นครอบครัวใหญ่ที่กำลังเดินทางไปด้วยกัน วันสุดท้ายในมาเลเซีย ผมมีการประชุมออนไลน์ที่สำคัญ แต่ดันมีเสียงตะโกนของนักกีฬาที่มาจัดการแข่งขันกีฬาท้องถิ่นอยู่ข้างนอก เมื่อเสียงประชุมเริ่มขึ้น ก็เลยต้องปิดเสียงเพลงและย้ายไปทำงานที่อื่นจนได้ แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดี สุดท้ายแล้วตอนบ่ายๆ เย็นๆ ก็ได้เวลากลับเมืองไทย ทุกอย่างราบรื่น งานเรียบร้อย ได้เที่ยวเปิดประสบการณ์ไปด้วย รอบหน้าไว้มาอีกรอบ 🤭 แต่สุดท้ายแล้ว การใช้ชีวิตแบบ Nomad ที่มาเลเซียไม่ใช่แค่การทำงานและเที่ยวไปพร้อมกัน แต่คือการสร้างชีวิตที่มีสีสันและเต็มไปด้วยเรื่องราวตลกๆ ที่ต้องเอาไปเล่าให้คนอื่นฟังในอนาคต ใครที่ยังลังเลอยู่ มาลองใช้ชีวิตแบบ Nomad ดูสิ คุณอาจจะได้พบกับเพื่อนใหม่, อาหารอร่อย, และเรื่องราวสุดฮาที่จะทำให้คุณยิ้มทุกครั้งที่นึกถึง สรุปสุดท้าย ได้รับประสบการณ์มากมายระหว่างการไปทำงานพร้อมกับเที่ยวไปด้วย แต่ว่านะ ต้องรับผิดชอบในงานให้มากๆ นะครับ งานมาอันดับหนึ่ง อย่างน้อยเราก็รับเงินเดือนจากเจ้านายของเรานะครับ 😁 ภาพทั้งหมดจากผู้เขียน หมีขั้วโลก ทอดกรอบ〔´(エ)`〕 เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !