เปิดปฏิบัติการ ช่วยเหลือ 'พระติดถ้ำ' หลังติดนาน 4 วัน เผยวินาทีเจอกู้ภัย 'คิดว่าเทวดามาคุยด้วย'
กรณี พระมนัส เขมโก อายุ 46 ปี พระนักปฏิบัติธรรมจาก จ.นครสวรรค์ เข้าไปปักกลดในถ้ำพระไทรงาม ในพื้นที่ อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ต่อมา เกิดพายุฤดูร้อน ฝนตกหนักต่อเนื่อง น้ำท่วมปากถ้ำจนพระมนัสไม่สามารถออกมาได้ เจ้าหน้าที่ชุดประดาน้ำได้มุดน้ำเข้าไปช่วยเหลือ ก่อนจะนำออกจากถ้ำได้เป็นผลสำเร็จ
ผู้สื่อข่าวรายงานปฏิบัติการเร่งช่วยเหลือพระมนัส เขมโก อายุ 46 ปี พระนักปฏิบัติธรรมจาก จ.นครสวรรค์ ที่เดินทางมาธุดงค์ที่ถ้ำพระไทรงาม ต.เนินมะปราง อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2564 แล้วไม่สามารถออกมาจากถ้ำได้ เนื่องจากฝนตกและน้ำท่วมขังปิดทางออกไว้
จนกระทั่ง วันที่ 6 เมษายน 2564 ชาวบ้านในพื้นที่ได้แจ้งประสานขอความช่วยเหลือไปยังหน่วยงานต่างๆ เริ่มเข้าพื้นที่ช่วยเหลือตั้งแต่ ช่วงบ่ายวันที่ 6 เม.ย.64 แต่ต้องยกเลิกปฏิบัติภารกิจ เนื่องจากมีอุปสรรคหลายด้าน จึงตั้งศูนย์อำนวยการอยู่บริเวณปากถ้ำ และได้ร้องขอเจ้าหน้าที่ชำนาญการด้านการกู้ชีพ-กู้ภัยด้านถ้ำโดยเฉพาะเข้าให้การช่วย
ต่อมา ปฏิบัติการเริ่มต้น เช้าวันที่ 7 เม.ย.64 ช่วงเวลาประมาณ 07.00 น. ได้ส่งชุดนักประดาน้ำผู้เชี่ยวชาญ และทีมงานกู้ภัยประมาณ 16 นาย เข้าไปภายในถ้ำ โดยจัดชุดนักประดาน้ำ 6 นาย ดำน้ำเข้าไปเพื่อทำการค้นหาพระมนัสตามแผนประชุมที่วางไว้
โดยระยะทางจากปากถ้ำ ใช้วิธีเดินเท้าเข้าไประยะทางประมาณ 400 เมตร มีน้ำขังสูงประมาณ 1 เมตร จากนั้นจะเป็นลักษณะแอ่งกระทะแบบคอห่าน ความยาวประมาณ 15 เมตร ระดับน้ำท่วมคอห่าน สูงประมาณ 4 เมตร ปิดทางเดิน และมั่นใจว่าพ้นจากจุดคอห่านจุดนี้ จะเป็นห้องโถงโล่ง คาดว่าพระมนัสจะอยู่ตรงนั้น
จากนั้นใน เวลา 10.00 น. นายรณชัย จิตรวิเศษ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนถึงแนวทางการดำเนินการให้ความช่วยเหลือในวันนี้ โดยช่วงเช้าไปจัดชุดนักประดาน้ำและทีมกู้ชีพเข้าไป โดยให้ชุดนักประดาน้ำดำน้ำเข้าเพื่อให้ผ่านจุดคอห่าน เพื่อสำรวจว่าพบพระมนัสหรือไม่ หากพบ อยู่ในสภาพใด พร้อมกับประเมินสถานการณ์แนวทางการช่วยเหลือ ซึ่งต้องรอนักประดาน้ำชุดที่ 1 ส่งสัญญาณออกมาก่อน จึงจะสามารถวางแนวทางและวิธีการให้ความช่วยเหลือต่อไป
ขณะที่บริเวณกองอำนวยการ ทุกหน่วยงานได้ระดมความช่วยเหลือมารอที่กองอำนวยการ ประสานอุปกรณ์กู้ชีพ รถพยาบาล รวมถึงเครื่องสูบน้ำ และเครื่องมือส่องสว่าง เพื่อเตรียมพร้อมเข้าช่วยเหลือ
ต่อมาใน เวลา 10.30 น. ได้รับแจ้งจากชุดกู้ภัยที่เดินทางเข้าไปในถ้ำ พร้อมชุดนักประดาน้ำว่า พบตัวพระมนัสแล้ว อยู่ในจุดที่คาดการณ์ไว้จริง พระมนัสอยู่ในสภาพอิดโรยเล็กน้อย เนื่องจากร่างกายมีไข้อ่อนๆ แต่ภาพรวมยังค่อนข้างแข็งแรง พร้อมที่จะรับความช่วยเหลือในการเดินทางออกจากถ้ำ
หลังได้ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่กู้ภัย นายรณชัยได้วาง 2 มาตรการในการให้ความช่วยเหลือ คือ 1.ประเมินสภาพร่างกายพระมนัสว่าแข็งแรงพอที่จะสามารถดำน้ำออกมาพร้อมนักประดาน้ำได้หรือไม่ และ 2.กรณีที่ร่างกายพระมนัสไม่พร้อมและไม่แข็งแรง จะต้องใช้วิธีติดตั้งเครื่องสูบน้ำ และทำการสูบน้ำออกให้ลดลงจนถึงช่องคอห่าน ประมาณ 1.60 เมตร แล้วให้พระมนัสลอยคอกึ่งเดินข้ามมา
ซึ่งวิธีที่ 2 นั้นจะใช้เวลาพอสมควร เพราะเครื่องสูบน้ำสามารถเข้าได้เป็นขนาดท่อ 2-3 นิ้ว หรือขนาดเล็ก เนื่องจากใช้ขนาดใหญ่ไม่ได้ เพราะพื้นที่ค่อนข้างจำกัด
ในเวลาต่อมา กองอำนวยการได้รับการประสานจากชุดนักประดาน้ำว่า สภาพร่างกายของพระมนัสพร้อมที่จะใช้วิธีดำน้ำออกมา ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกจึงสั่งการให้เริ่มปฏิบัติการกู้ภัยน้ำตัวพระมนัสออกมา โดยใช้วิธีให้ทีมนักประดาน้ำชุดที่ 2 นำถังออกซิเจน พร้อมสกูบ้า เข้าไปให้พระมนัส
เมื่ออุปกรณ์ทุกอย่างพร้อม ทีมกู้ภัยจึงได้เริ่มปฏิบัติการ โดยให้พระมนัสคาบสกูบ้า โดยวางแถวให้นักประดาน้ำ 2 นายนำหน้า ตามด้วยพระมนัส และนักประดาน้ำอีก 2 นาย ประกบท้าย
จนกระทั่ง เวลา 11.20 น. ได้รับรายงานว่าชุดนักประดาน้ำพร้อมด้วยพระมนัสได้เดินทางมาถึงปากถ้ำแล้ว ทุกคนที่อยู่ในพื้นที่ต่างปรบมือ เฮลั่น ดังสนั่น เพราะนั่นหมายความว่าภารกิจใกล้สำเร็จแล้ว
ต่อมาในเวลา 11.30 น. ทุกคนได้พบหน้าชุดนักประดาน้ำ และพระมนัส เขมโก ปฏิบัติการกู้ชีพ-กู้ภัย สำเร็จลุล่วง
จากนั้นได้นำตัวพระมนัสขึ้นรถโรงพยาบาลเนินมะปรางเพื่อตรวจร่างกาย และชีพจร พบว่าพระมนัสยังมีร่างกายที่แข็งดี ความดันปกติ มีไข้เล็กน้อย จึงนำส่งรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลเนินมะปราง
ด้าน นายชาญชัย ศุภวีระกุล ชุดประดาน้ำมูลนิธิเพื่อนพึ่งพายามยาก เล่าให้ฟังว่า ทีมดำน้ำตนเองมาจากกรุงเทพฯ เพื่อมาดำน้ำช่วยเหลือพระที่ติดอยู่ในถ้ำ โดยเริ่มดำตั้งแต่เวลา 08.30 น. ใช้เวลาเกือบ 2 ชม.ก็สามารถผ่านจุดคอห่านไปได้แล้ว
นายชาญชัยกล่าวว่า จากนั้นพบห้องโถง จึงได้ตะโกนเรียกหลวงพี่ประมาณ 2 นาทีก็ได้ยินเสียงตอบ จึงเดินมาที่ต้นเสียง พบพระมนัสนั่งอยู่บนเนินทราย จึงสอบถามเกี่ยวกับอาการของพระมนัส พอจะทราบว่าร่างกายยังแข็งแรง สามารถดำน้ำได้ไหวอยู่ จึงได้รอชุดของตนเองมาเพิ่ม และตัดสินใจนำพระมนัสดำน้ำออกมาได้ดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่โรงพยาบาลเนินมะปราง แพทย์ได้ตรวจอาการของพระมนัสเป็นการเบื้องต้นเห็นว่ามีร่างกายอ่อนเพลีย แต่สามารถพูดคุยได้ปกติ จึงให้น้ำเกลือเพื่อฟื้นฟูร่างกาย
พระมนัส เล่าถึงเหตุการณ์ที่อยู่ในถ้ำว่า ช่วงนั่งวิปัสสนามีน้ำป่าขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ตอนแรกคิดว่าจะดำน้ำออกมาก่อนได้ แต่หลังจากระดับน้ำมีปริมาณมากและขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว ก็ต้องหนีน้ำขึ้นบนที่สูง ไม่สามารถออกมาได้ ระหว่างนั้นฉันโปรตีนที่ติดย่ามมาประทังความหิวไปได้ และช่วงที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยมาช่วยเหลือก็คิดว่าเป็นเทวดามาพูดคุยด้วย จนกระทั่งทางเจ้าหน้าที่ช่วยนำอุปกรณ์ดำน้ำพาออกไปได้ในที่สุด