ในสถานการณ์ที่เชื้อไวรัสโควิด 19 กำลังแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ หลายบริษัทเองได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานมาเป็น work from home แทน ซึ่งวิธีการนี้ นอกจากจะช่วยให้พนักงานลดโอกาสเสี่ยงติดเชื้อไวรัสแล้ว ยังถือเป็นการให้ความร่วมมือกับนโยบายของรัฐบาลและเป็นการช่วยเหลือประเทศชาติอีกทางหนึ่งด้วย ในขณะเดียวกัน โรงเรียนส่วนใหญ่ทั้งภาครัฐและเอกชน ก็มีการปรับวิธีการเรียนมาเป็นการเรียนออนไลน์ผ่านอินเตอร์เน็ต หรือ learn from home เช่นเดียวกันดังนั้น คนที่จะเข้ามามีบทบาทในการช่วยเหลือเด็ก ๆ คงต้องเป็นพวกเราในฐานะคุณพ่อคุณแม่อย่างแน่นอน มาดูกันค่ะว่า มีวิธีไหนที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพในการเรียนให้กับลูก ๆ ของเราได้บ้าง1. จัดเตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็นให้พร้อมอุปกรณ์ในที่นี้ นอกจากหนังสือ เครื่องเขียน และสื่อการเรียนต่างๆ ยังรวมถึงเครื่องมือที่ต้องใช้สื่อสารกับคุณครูเช่น โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ มือถือ ฯลฯ รวมถึงสัญญาณอินเตอร์เน็ตที่มีความเสถียร ซึ่งการทดสอบภาพและเสียงก่อนเริ่มใช้งานจริง จะช่วยทำให้การเรียนมีความลื่นไหล ไม่สะดุด และช่วยลดปัญหาที่จะเกิดขึ้นในระหว่างเรียนได้ 2. การจัดสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสมอาจไม่ต้องถึงกับจำลองบรรยากาศในห้องเรียนมาก็ได้ค่ะ เพียงแค่จัดโต๊ะและเก้าอี้ ให้อยู่ในจุดที่มีแสงสว่างพอเหมาะ ไม่มืดหรือสว่างจ้าจนเกินไป ที่สำคัญคือ ไม่ควรมีเสียงรบกวนที่อาจทำลายสมาธิของผู้เรียน หากมีความจำเป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ อาจใช้เป็นหูฟังแทน ก็สามารถช่วยได้ค่ะ 3. การแบ่งเวลาในการเรียนและเล่นให้ชัดเจนเราสามารถใช้ตารางสอนของเด็ก ๆ มาเป็นแนวทางในการจัดตารางเรียนได้เช่นเดียวกัน โดยผู้ปกครองควรเช็คก่อนว่า ในแต่ละวัน มีเรียนกี่วิชา และเรียนเวลาไหนบ้าง จากนั้น ให้เด็ก ๆ วาดตารางลงกระดาษหรือกระดานไวท์บอร์ด ลงวิชาตามแต่ละรอบที่เรียน เมื่อมีเวลาว่างเหลืออยู่ อาจทำข้อตกลงร่วมกันว่าจะทำกิจกรรมใดเพิ่มเช่น วาดรูป 20 นาที , อ่านหนังสือ 15 นาที เป็นต้น ซึ่งวิธีนี้ นอกจากจะช่วยสร้างความมีระเบียบวินัย รู้หน้าที่ของตนเองแล้ว ยังช่วยเพิ่มความกล้าในการตัดสินใจด้วยตัวเองมากขึ้น อีกทั้งยังไม่รู้สึกฝืนใจที่จะทำ เพราะถูกบังคับอีกด้วย 4. การเว้นพื้นที่ให้แก่เด็กได้จัดการตัวเองผู้ปกครองอาจลองปรับเปลี่ยนวิธีการ จากการนั่งประกบข้างลูก ๆ ระหว่างเรียน เพราะไม่แน่ใจและกังวลว่าจะตั้งใจเรียนกันหรือเปล่า มาเป็นสอบถามความคิดเห็นหรือความสมัครใจจากตัวเขาก่อนว่า ต้องการความช่วยเหลือจากคุณพ่อคุณแม่หรือไม่ ในที่นี้แม้ว่า คำตอบจะออกมาเป็นแบบไหน สิ่งหนึ่งที่อยากให้ผู้ปกครองตระหนักคือ ลึก ๆ แล้ว พวกเขาก็ต้องการพื้นที่ส่วนตัวไม่ต่างจากผู้ใหญ่ คงจะดีไม่น้อย หากมีช่วงเวลาหนึ่งที่ไม่มีใครมาคอยควบคุม และได้รับโอกาส ความไว้ใจ ที่จะได้พิสูจน์ว่าตัวเองก็สามารถจัดการรับผิดชอบสิ่งต่างๆได้เพราะฉะนั้น เราอาจจะต้องเปลี่ยนบทบาทมาลองเป็น "โค้ช" ดูบ้าง การให้คำแนะนำ เป็นที่ปรึกษา เผ้าสังเกตอยู่ห่าง ๆ ให้กำลังใจเมื่อท้อ ให้คำชมเมื่อมีความพยายาม และให้ความช่วยเหลือเมื่อเขาต้องการ ผู้เขียนเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้ จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นกับตัวเด็กแน่นอนค่ะ สำหรับวิธีการดังกล่าว เป็นเพียงวิธีที่ผู้เขียนนำมาใช้แล้วได้ผล จึงอยากนำมาแชร์เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ เผื่อเป็นตัวเลือกให้ผู้ปกครองท่านอื่น สามารถนำมาปรับใช้กับลูก ๆ ของตนเองบ้าง หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านไม่มากก็น้อยนะคะ เครดิตภาพจาก Pixabay : ภาพปก / ภาพประกอบที่ 1 / ภาพประกอบที่ 2 / ภาพประกอบที่ 3 / ภาพประกอบที่ 4