ทะลคึกคักรับหยุดยาวสงกรานต์ ปั๊มยอดจองล่วงหน้าโต 80% โอดต่างชาติยังเที่ยวน้อย เหตุขั้นตอนเยอะ
นายธเนศ ศุภรสหัสรังสี รักษาการประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่า แนวโน้มการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เริ่มมีความคึกคักมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดไทยเที่ยวไทย สะท้อนได้จากยอดการจองโรงแรมติดทะเล ที่ได้รับความนิยมจากคนไทยสูงๆ มีการจองเข้าพักล่วงหน้าปรับขึ้นแตะ 80% ส่วนโรงแรมเล็กประมาณ 3-4 ดาวขึ้นไป อยู่ที่ 40-50% ซึ่งคาดว่าในวันหยุดยาวการเข้าพักน่าจะเต็มมากขึ้น โดยเฉพาะคนไทย เพราะขณะนี้แม้เห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวบ้าง แต่ก็ไม่ได้เข้ามามากเท่าที่ควร รวมถึงไม่ได้มีการพำนักยาวเหมือนรูปแบบการท่องเที่ยวตามปกติด้วย โดยขณะนี้มองว่าตลาดที่มีศักยภาพในการมาเที่ยวไทย เหลือเพียงอินเดียเท่านั้น จากเดิมมีทั้งจีน ไต้หวัน รวมถึงตลาดยุโรปที่ปกตินิยมมาเที่ยวไทยเฉพาะเดือนพฤศจิกายน ถึงกุมภาพันธ์เท่านั้น ทำให้ตอนนี้หมดฤดูกาลท่องเที่ยวแล้ว
“นักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เข้ามาผ่านเทสต์ แอนด์ โก พบว่า เมื่อตรวจไม่พบเชื้อโควิด-19 ก็เดินทางออกจากพื้นที่ทันที ไม่ได้พำนักต่อ โดยมีนักท่องเที่ยวที่อยู่เที่ยวต่อในพื้นที่ไม่เกิน 20% เท่านั้น สะท้อนให้เห็นว่า ต่างชาติที่เข้ามายังไม่ใช่นักท่องเที่ยวอย่างแท้จริง แต่เป็นผู้ที่จำเป็นต้องเดินทางมามากกว่า อาทิ นักธุรกิจ หรือผู้ที่มีบ้าน มีครอบครัวอยู่ในประเทศไทยอยู่แล้ว” นายธเนศ กล่าว
นายธเนศ กล่าวว่า หลังจากที่รัฐบาลผ่อนคลายให้ไม่ต้องตรวจหาเชื้อแบบ RT-PCR ก่อนเข้าไทย 72 ชั่วโมง เริ่มเมื่อวันที่ 1 เมษายน ที่ผ่านมา เราเห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นเป็น ประมาณ 10,000-12,000 คนต่อวัน ซึ่งเป็นตัวเลขจากท่าอากาศยาน โดยในจำนวนดังกล่าว มีเข้ามาเที่ยวในพื้นที่จังหวัดชลบุรีเพิ่มขึ้นมาเป็น 700 คนต่อวัน จากเดิมเฉลี่ยอยู่ที่ 400-500 คนต่อวัน ซึ่งแม้ตัวเลขเหมือนปรับเพิ่มขึ้นมา แต่หากเทียบกับช่วงก่อเกิดการระบาดโควิด-19 หรือปี 2562 มีต่างชาติเข้ามาเที่ยวเฉพาะพัทยา ประมาณ 7 แสน ถึง 1 ล้านคนต่อเดือน และนับเฉพาะเดือนต่ำสุดของหน้าโลว์ซีซั่นด้วย แต่ตอนนี้หากมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาวันละ 700 คน เท่ากีบ 1 เดือน จะมีต่างชาติมาเที่ยวในพื้นที่เพียง 21,000 คนเท่านั้น ซึ่งถือว่ายังไม่ใกล้เคียงความจริงแม้แต่น้อย
นายธเนศ กล่าวว่า จากมติของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ที่ออกมา ถือเป็นการรับในหลักการเท่านั้น แต่ยังไม่ได้อนุมัติจริง ทำให้การผ่อนคลายต่างๆ ยังไม่เกิดขึ้น โดยความจริงแล้วเราเป็นประเทศแรกๆ ที่เริ่มมาตรการเปิดประเทศ แต่ตอนนี้ประเทศที่เปิดหลังเรา มีมาตรการที่ผ่านคลายมากกว่า และเห็นผลมากกว่ามาก อาทิ มัลดีฟส์ ที่เที่ยวบินเต็มทุกวันเกือบทั้งหมดและต่อเนื่องทุกวัน เพราะไม่มีเงื่อนไขเยอะเหมือนไทย ไม่ต้องกรอกเอกสารออนไลน์เข้าประเทศ เหมือนไทยที่มีระบบไทยแลนด์ พาส ซึ่งถือว่ามีปัญหามาก เพราะเป็นขั้นตอนที่เกิดความล่าช้ามากที่สุด โดยมองว่า ควรต้องยกเลิกไทยแลนด์ พาสไป และหันมาพึ่งพาแอพพลิเคชั่นเป็นหลักในการติดตามนักท่องเที่ยวดีกว่า เพราะแม้จะอนุมัติไม่ต้องตรวจหาเชื้อแบบ RT-PCR คงไว้แค่เอทีเคเท่านั้น แต่ความล่าช้าก็จะไปกระจุกเป็นคอขวดที่ไทยแลนด์ พาสอยู่ดี