พฤศจิกายนสุดโหด! ภัยพิบัติถล่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กระทบประชาชนหลายล้านชีวิต

“ประเทศไทย” น้ำท่วมครั้งใหญ่ในภาคใต้ของประเทศไทย ครอบคลุม 9 จังหวัด มีผู้เสียชีวิตแล้ว 13 คน และส่งผลกระทบต่อประชาชนเกือบ 2 ล้านคน น้ำท่วมเกิดจากระดับน้ำที่สูงขึ้นตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา (22 พ.ย.) กระทบจังหวัดสำคัญ เช่น สุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช, ตรัง, พัทลุง, สตูล, สงขลา, ปัตตานี, ยะลา และนราธิวาส

เมืองหาดใหญ่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด ทางการสั่งอพยพประชาชนในทุกพื้นที่เสี่ยงสูงตั้งแต่วันจันทร์ที่ 24 พ.ย. หลังระดับน้ำเพิ่มสูงต่อเนื่องและยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลง เนื่องจากยังคงมีฝนตกจากอิทธิพลของหย่อมความกดอากาศต่ำที่เคลื่อนตัวช้า

“ฟิลิปปินส์” เมื่อวันที่ 25 พ.ย. พายุโคโตะพัดถล่มภาคกลางของฟิลิปปินส์ ทำให้ฝนตกหนักและน้ำท่วมชุมชนต่ำกว่าระดับน้ำทะเล ในจังหวัดเนโกรสออคซิเดนทัล น้ำสูงทำให้ประชาชนติดอยู่ในบ้านและตามถนน หน่วยงานท้องถิ่นส่งเรือและทีมกู้ภัยเข้าช่วยเหลือ

สำนักงานอุตุนิยมวิทยาฟิลิปปินส์ระบุว่าพายุจะเคลื่อนออกจากประเทศในวันพฤหัสบดีที่ 27 พ.ย. มีกำลังลมสูงสุด 55 กม./ชม. และลมกระโชกแรงถึง 70 กม./ชม. ขณะเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกด้วยความเร็ว 25 กม./ชม. คาดว่าจะลงสู่ทะเลจีนใต้และเข้าใกล้ชายฝั่งเวียดนามตอนใต้ระหว่างวันที่ 27-30 พ.ย.

“มาเลเซีย” ประชาชนใกล้กรุงกัวลาลัมเปอร์ต้องลุยน้ำขณะอพยพในวันอังคารที่ 25 พ.ย. หลังเกิดน้ำท่วมหลายพื้นที่ทั่วประเทศ เจ้าหน้าที่และประชาชนถูกเห็นดึงเรือที่เต็มไปด้วยเด็กผ่านน้ำสูงระดับเข่า รถหลายคันติดอยู่บนถนน น้ำท่วมส่งผลกระทบต่อประชาชนกว่า 18,000 คนใน 8 รัฐ โดยพื้นที่ตอนเหนือที่ติดกับประเทศไทยได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด จากฝนตกหนักต่อเนื่องหลายวันโดยหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมอันดามันตอนล่างและช่องแคบมะละกา

“เวียดนาม” ด้านตอนกลางของเวียดนามก็เพิ่งเผชิญน้ำท่วมรุนแรงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิต 91 คน สูญหาย 11 คน บ้านเรือนกว่า 235,000 หลังและพื้นที่เพาะปลูกจำนวนมากประมาณ 5 แสนไร่ได้รับความเสียหายจากฝนที่ตกหนักเกิน 1,900 มม. ในสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลและกองทัพส่งเฮลิคอปเตอร์และทีมช่วยเหลือแจกอาหาร น้ำดื่ม และสิ่งของจำเป็นแก่ประชาชน ขณะนี้ชาวบ้านหลายพื้นที่เริ่มกลับไปเก็บข้าวของและทำความสะอาดบ้าน ขณะที่หน่วยงานเร่งฟื้นฟูระบบน้ำ ไฟ และสิ่งแวดล้อมเพื่อให้ชีวิตกลับสู่ภาวะปกติ