คำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (World Health organization-WHO) ระบุว่า วิธีที่ดีที่สุดในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ หรือโรคโควิด-19 คือการตะลุยตรวจหาผู้ติดเชื้อให้ทั่วถึงที่สุด เพื่อที่จะได้นำตัวผู้ติดเชื้อไปรักษา และกักตัวไม่ให้สามารถแพร่เชื้อไปยังคนอื่นได้ เกาหลีใต้ใช้วิธีเช่นนั้น ทำให้สามารถควบคุมโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ปัญหาก็คือ ประเทศต่าง ๆ ในโลก รวมทั้งไทย ไม่ได้มีงบประมาณมากขนาดนั้น ประกอบกับสภาวะขาดแคลนชุดตรวจสอบโรค ซึ่งขาดแคลนกันทั่วโลก จึงไม่สามารถตรวจประชาชนได้มากเท่าที่อยากจะทำ ในช่วงแรก ๆ ที่โรคแพร่ระบาดในไทย การที่จะได้รับตรวจหาเชื้อโควิด 19 เป็นเรื่องยากมาก ถ้าไปโรงพยาบาลรัฐ คุณต้องเป็นกลุ่มเสี่ยงที่เข้าเกณฑ์จริง ๆ จึงจะได้ตรวจ คือต้องมีไข้ และมีประวัติการเดินทางไปประเทศกลุ่มเสี่ยง หรือสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ แต่ถ้าไปโรงพยาบาลเอกชนก็อาจจะได้ตรวจง่ายหน่อย แลกกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นหลักหลายพัน แต่ถึงตอนนี้ ทางการของไทยเรา เริ่มมาตรการเชิงรุก ตะลุยตรวจเพิ่มขึ้นแล้วครับ ทำให้ประชาขนเข้าถึงการตรวจได้ง่ายขึ้น ที่สำคัญคือไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ เลย ทำให้ผมมีโอกาสได้ตรวจ และขอนำมารีวิวให้อ่านกันในวันนี้ การตรวจในวันนี้ เป็นฝีมือของทีมบุคคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ที่มาลงพื้นที่ในชุมชนของผม เจ้าหน้าที่มากันในชุดที่รัดกุมมาก ทุกคนใส่หน้ากากอนามัย มีเฟซชิลด์ และมีเสื้อคลุมเหมือนเสื้อกันฝน นอกจากนั้น ยังให้ความสำคัญกับมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม โดยผู้ที่มารอตรวจต้องเข้าแถวเว้นระยะห่างกัน 2 เมตร เอกสารที่ใช้ในการตรวจคือสำเนาบัตรประชาชน 2 แผ่น ที่ระบุชื่อและเบอร์โทรของตนเองและคนใกล้ชิด เพื่อที่เจ้าหน้าที่จะได้โทรมาแจ้งผล หลังจากยื่นสำเนาบัตรเสร็จ เจ้าหน้าที่จะให้เอกสารชุดหนึ่งมาเซ็นชื่อ แล้วให้เราถือเอกสารชุดนั้นติดตัวไว้ ขั้นตอนต่อมาคือการตรวจหาเชื้อโควิด 19 ด้วยวิธีที่เรียกว่าการสวอป เป็นการตรวจหาเชื้อไวรัสจากสารคัดหลั่งในระบบทางเดินหายใจ ก็คือในจมูกกับในคอของเรา ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ทำให้ผมหวั่นใจนิดนึง เนื่องจากได้ยินกิตติศัพท์มาว่าค่อนข้างเจ็บทีเดียว ขั้นตอนนี้ เจ้าหน้าที่ในชุดรัดกุม จะยืนอยู่ข้างหลังฉากกั้นพลาสติก ยื่นมือสอดออกมาจากรูวงกลมที่เจาะไว้ พร้อมกับแท่งเรียวเล็กในมือ และเรียกให้เรายื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ กับช่องกลมนั้น "จึ๊ก" เฮ้ยย ยังไม่ทันตั้งตัวเลย โดยที่ยังไม่รู้ตัว ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่เสร็จสิ้นการตรวจจมูกผมเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่มือไวมาก ๆ และไม่ได้พูดให้เราเตรียมตัวเลย ซึ่งผมมองว่าเป็นข้อดี เพราะทำให้เราไม่เกร็ง ไม่กลัว มันเจ็บจริง ๆ นั่นแหละ แต่เจ็บแปล๊บแค่แป๊บเดียวเท่านั้นเอง ขั้นตอนต่อไปในสถานที่เดียวกันโดยเจ้าหน้าที่คนเดียวกัน คือการตรวจจากจมูก คราวนี้ผมตั้งตัวทันแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ดีเลย เนื่องจากเกร็งมากขณะอ้าปากแหงนหน้าให้เจ้าหน้าที่ ประกอบกับการตรวจคอใช้เวลานานกว่าจมูก เจ้าหน้าที่ไม่ได้แทงจึ๊กเข้าไป แต่ค่อย ๆ ใช้เวลาคว้านเจ้าแท่งนั้นในคอเรา ความเจ็บไม่ได้มากมายอะไร แต่อาการอยากอ้วกเนื่องจากมีแท่งคว้านในคอดูจะเป็นปัญหากว่า ถ้าจะให้เปรียบเทียบ ผมว่าตอนตรวจจมูกเจ็บมากกว่า แต่เจ็บแป๊บเดียว อุปมาเหมือนแทงมีดเข้าไปจึ๊กเดียวแรง ๆ ส่วนตอนตรวจคอ เจ็บน้อยกว่าแต่นานกว่า เหมือนแทงมีดเบา ๆ แต่บิดข้อมือคว้านนาน ๆ เสร็จสิ้นการตรวจหาเชื้อโควิด 19 เจ้าหน้าที่ให้ไปเข้าแถววัดความดันอีกหนึ่งจุด และไปเจาะเลือดวัดความเสี่ยงที่จะเป็นเบาหวานอีกหนึ่งจุด เป็นอันเสร็จสิ้นการบริการในวันนี้ ซึ่งทั้งหมดฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย เป็นอันเสร็จสิ้นการตรวจในวันนี้ ที่หากผลตรวจออกมาว่าไม่พบเชื้อ จะสร้างความสบายใจให้กับผมไปอีกนาน และเป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งของผมได้ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางการระบาดของเชื้อโรคในระดับโลก ที่จะเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตมนุษย์ตลอดไป ที่มาภาพ ภาพปก โดยผู้เขียน / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 โดยผู้เขียน /ภาพที่ 3