การพูดถือเป็นการใช้วาจาสื่อสารออกมาเป็นภาษากับคู่สนทนาให้แลดูน่าฟังมากยิ่งขึ้น แต่ถ้าเป็นการพูดสำหรับการตำหนิหรือติชมล่ะ เราควรทำอย่างไรให้เหมาะสมกับโอกาสที่ถูกหยิบยื่นมาให้ พร้อมทั้งกล่าวคำแสดงความคิดเกี่ยวกับสิ่งเหล่านั้นได้อย่างเหมาะสม สำหรับวันนี้ผู้เขียนจึงมีความรู้ในด้านที่เรายังไม่เคยสัมผัสมาให้อ่าน เพื่อชี้แนะเป็นแนวทางที่ดีให้สำหรับคนที่ยังกังวลเรื่องการติชมผลงานของคนรอบข้างกันค่ะขอบคุณภาพจาก Free-Photos โดย pixabayก่อนอื่นเลยสำหรับการติชมย่อมเกิดจากความคิดเห็นส่วนตัวของเรา ที่มองไปยังภาพรวมของผลงานดังกล่าวอย่างละเอียดหรือไม่ละเอียดก็ได้ แล้วตีความออกมาเป็นในเชิงบวกหรือเชิงลบ ก็ตามแต่สิ่งที่ประกอบความคิดที่เกิดขึ้นมาในของหัว เช่น วันนึงคุณได้ทำงานเป็นถึงระดับหัวหน้าคน และมีลูกน้องให้ใช้สอยประโยชน์ได้หลากหลายเหมาะสมกับงานในวาระต่าง ๆ กระทั่งวันนึงคุณได้สั่งให้สมาชิกกลุ่มหนึ่งซึ่งพวกเขาคือผู้ใต้บังคับบัญชาของคุณที่พึ่งเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ได้รับมอบหมายงานไปชิ้นนึง ขอบคุณภาพจาก Free-Photos โดย pixabayและตลอดระยะเวลาทำงานพวกเขาล้วนทำมันอย่างทุ่มเทตลอดมา อย่างไม่ได้พักผ่อนนอนหลับจนเสร็จงานและบรรลุเป้าหมายตามเวลาครบกำหนดส่งเอกสารหรืองานต่างๆ เพื่อนำมาส่งให้คุณตรวจสอบ แต่ทว่าเมื่อคุณได้เช็คเอกสารเองกับมือ จึงพบถึงความผิดพลาดเล็กน้อยไปจนถึงปานกลางในผลงานชิ้นนั้น ที่พวกเขาได้ลงมือปฏิบัติกันมาอย่างเหน็ดเหนื่อย ถ้าวัดในระดับอารมณ์สิ่งที่หัวหน้าอย่างคุณสิ่งแรกที่คิดก็คือ ต้องการตำหนิหรือติในส่วนที่ผิดพลาดของพวกเขา ขอบคุณภาพจาก Aymanejed โดย pixabayแต่ทว่าการติที่เหมาะสมนั้น เราควรไม่ใช้อารมณ์มาเป็นตัวตัดสอนหรือลงกับผลงานที่บุคคลกลุ่มนั้นหรือไม่ว่าใครก็ตามแต่ที่นำมันมาส่งคุณ เหตุผลแรก ก็คือ พวกเขาอาจไม่ละเอียดรอบคอบเท่าที่ต้องการเพราะอาจจะยังเป็นมือใหม่ แต่ความตั้งใจมันไม่ใช่ของสิ่งที่คุณจะไปดูถูกเพราะมันถูกฝังลงมาในการลงลวดลายของการทำงานนั้นอยู่แล้ว ดังนั้นการจะใช้คำพูดคำจาเพื่อจะแสดงถึง อากัปกิริยาใด ๆ ก็ควรจะคำนึงถึงและให้เกียรติผู้ฟังด้วยเช่นกัน เพราะหากคุณตำหนิหรือติด้วยถ้อยคำที่รุนแรงจากที่พวกเขาทุ่มเทเวลาทำงานเพื่อคุณ ขอบคุณภาพจาก Free-Photos โดย pixabayนั่นอาจกลายเป็นว่าพวกเขาพร้อมจะวางมือและบ่ายเบี่ยงออกจากงานนั่นเพราะถูกบั่นทอนกำลังใจทันที แต่ถ้าหากคนกลุ่มนั้นเป็นมืออาชีพแล้วล่ะก็ การที่คุณไม่ควบคุมอารมณ์เพราะมัวโมโหแต่ความผิดพลาดในส่วนนั้น เพราะมันไม่ออกมาตามที่คาดหวัง คุณอาจกลายเป็นตัวตลกแทนก็เป็นได้ ฉะนั้นการติให้ควรค่ากับคนที่ได้ฟังต้องอยู่ในพื้นฐานของการมีสติและอยู่เหนืออารมณ์ หากเราไม่ควบคุมมันก็เหมือนเราพ่นคำพูดที่ไม่ระมัดระวังออกมาอย่างลืมตัวและอาจทำให้คุณเสียใจได้ในภายหลังขอบคุณภาพจาก Free-Photos โดย pixabayแต่ทั้งนี้ มีผิดก็ย่อมมีถูก จงพึงระลึกไว้เสมอว่าอย่าได้ไปมองแต่จุดด่างพล้อยที่เราได้เห็นเพียงอย่างเดียว จนลืมไปว่าภายในจุดด่างนั้นมันอาจมีจุดเด่นซ่อนอยู่ กล่าวคือคุณต้องรู้จักชมเชยพวกเขาอย่างจริงใจซะบ้าง ถึงแม้คุณจะเคยอคติมาก่อนก็ตาม แต่การที่คุณมองดูภาพรวมแล้วแสดงถ้อยคำออกมาอย่างพอใจเกี่ยวกับผลงานนั้น ๆ แล้วล่ะก็ ย่อมเกิดผลดีและความสำเร็จนั้นในภายหลังแน่ แต่ก็อย่าชมจนเกินไปควรอยู่ในระดับที่พอดี ประมาณว่าพูดไปพอหอมปากหอมคอและสุดท้ายไม่ว่าผลงานหรือผู้ประพันธ์คนแต่งจะทำมันออกมาได้ดีหรือแย่แค่ไหน เราในฐานะผู้ติชมควรจะระมัดวังในเรื่องของคำพูดเป็นต้นเสมอมา แม้ว่าคุณอาจจะกล่าวชมใครจนเวอร์วังก็ตาม แต่สำหรับการตินั้นย่อมต้องคำนึงถึงใจเขาใจเราเป็นอันดับแรกเสมอ ถึงจะอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสงบและไร้ปากเสียงเพราะเรื่องถกเถียงกันในเรื่องต่าง ๆ