เป็นที่ทราบกันดีว่าสถานการณ์ปัจจุบัน ทั่วโลกยังคงเผชิญปัญหาวิกฤตการระบาดของไวรัสมรณะ COVID-19 อย่างต่อเนื่อง แต่นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่โลกเคยประสบเหตุณ์การโรคระบาดที่รุนแรงขนาดนี้ เหตุการณ์โรคระบาดร้ายแรงในอดีตมีบันทึกไว้ให้เห็นกันตั้งแต่สมัยก่อนคริสตกาล ในบทความนี้จะยกตัวอย่าง 5 การระบาดระดับโลกที่คร่าชีวิตผู้คนและเป็นที่จดจำจนมาถึงทุกวันนี้ Spanish Flu หรือ ไข้หวัดใหญ่สเปน ปี ค.ศ.1918 - 1920 ทำไมถึงเรียกว่าไข้หวัดใหญ่สเปน ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วมันไม่ได้ระบาดที่สเปนเป็นที่แรก เหตุผลที่เรียกว่าไข้หวัดใหญ่สเปนนั้นเป็นเพราะว่าในช่วงนั้นเป็นช่วงที่ตรงกับสงครามโลกครั้งที่ 1 และสเปนนั้นยังคงวางตัวเป็นกลางในสงครามและยังได้รับผลกระทบจากเจ้าไข้หวัดนี้มาจากฝรั่งเศสอีกด้วย จึงทำให้สื่อต่าง ๆ มีความอิสระที่จะตีแผ่หรือเขียนวิจารณ์ใด ๆ ก็ได้เกี่ยวกับสเปน ผนวกกับอาการประชวรอย่างหนักของกษัตริย์อัลฟองโซที่สิบสาม (King Alfonso XIII) แห่งสเปน จึงเกิดเป็นที่มาของ Spanish flu และใช้มาจนถึงปัจจุบัน ไข้หวัดใหญ่สเปนเป็นโรคที่เกิดจากไวรัส เอช1 เอ็น1 (H1N1 Influenza A Virus) โดยการระบาดครั้งแรกเกิดขึ้นในต้นปี ค.ศ.1918 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส เยอรมัน และ อังกฤษ การระบาดเป็นไปอย่างต่อเนื่อง อันเนื่องมาจากภาวะสงครามและสาธาณสุขที่ยังไม่พัฒนา จึงทำให้เกิดไวรัสนี้ระบาดไปทั่วโลกโดยประมาณการว่ามีผู้ติดเชื้อมากถึง 500 ล้านคนทั่วโลก และเสียชีวิตอีก 40 ล้านคนทั่วโลกนับเป็นโศกนาฏกรรมที่จดจำมาจนถึงยุคปัจจุบัน Asian flu หรือ ไข้หวัดใหญ่เอเชีย ปี ค.ศ.1957 - 1958 เป็นการกลับมาอีกครั้งของไข้หวัดใหญ่แต่การกลับมาครั้งนี้จะไม่เหมือนเดิมเนื่องจาก มีการกลายพันธุ์ของเจ้าไวรัสร้ายตัวนี้ เป็นสายพันธุ์ เอช2เอ็น2 (H2N2 Influenza A Virus) โดยการกลายพันธุ์ครั้งนี้พิเศษตรงที่ตัวมันเป็นไวรัสลูกผสมระหว่าง ไข้หวัดนก หรือ Avian influenza และ ไข้หวัดในมนุษย์ หรือ Human influenza โดยการระบาดเริ่มต้นที่ทวีปเอเชีย ที่แรก คือ จีน ตามด้วย สิงคโปร์ ไต้หวัน ฮ่องกง อินเดีย และเมื่อปลายเดือน มิถุนายน ค.ศ.1957 เชื้อไวรัสนี้ก็ระบาดไปยัง อังกฤษ ตามด้วยสหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ.1958 จากนั้นจึงระบาดไปทั่วโลก มีรายงานผู้ที่ติดเชื้อทั่วโลกอยู่ที่ราว 500 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตทั่วโลกอยู่ที่ราว 1 ถึง 4 ล้านคน นับว่าเป็นจำนวนที่ลดลงเมื่อเทียบกับไข้หวัดใหญ่สเปน เนื่องจากการพัฒนาเทคโนโลยีทางด้านการแพทย์และสาธารณสุข มีมากขึ้นทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตลดลงอย่างเห็นได้ชัดแต่ก็ยังนับเป็นการระบาดที่รุนแรงครั้งนึงของประวัติศาสตร์ Hong Kong flu หรือ ไข้หวัดฮ่องกง ปี ค.ศ.1968 - 1969 กลายพันธุ์คงเป็นนิยามเดียวที่ให้กับเจ้าไวรัสไข้หวัดใหญ่ เหมือนเป็นหนังภาคสองที่ต่อจาก Asian flu เพราะไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดในรอบนี้เป็นลูกหลานจากไวรัส เอช2เอ็น2 สายพันธุ์ของมันคือ เอช3เอ็น2 (H3N2 Influenza A Virus) โดยการระบาดเริ่มขึ้นที่ฮ่องกงใน เดือน กรกฎาคม ค.ศ.1968 และระบาดทั่วเอเชียภายในเดือนเดียว จากนั้นมันได้ระบาดไปทั่วโลกในปี ค.ศ.1969 ยอดผู้ติดเชื้อทั่วโลกอยู่ที่ 500 ล้านคน และยอดผู้เสียชีวิตทั่วโลกอยู่ที่ 1 ถึง 4 ล้านคน ถือว่าเป็นการระบาดที่รุนแรงพอ ๆ กลับการระบาดของ ไข้หวัดใหญ่เอเชีย ในปี ค.ศ.1957 และมีจุดเริ่มการระบาดอยู่ที่เอเชียเช่นกัน HIV/AIDS การระบาดของเอชไอวี หรือ เอดส์ ยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่มีรายงานพบผู้ป่วยตั้งแต่ปี ค.ศ.1980 และเพิ่มขึ้นมากเรื่อย ๆ จนมากที่สุดในปี ค.ศ.1997 โดยการระบาดของ HIV ยังคงมีมาจนถึงปัจจุบันเนื่องมาจากยังไม่มียาที่สามารถรักษาเจ้าไวรัสตัวนี้ให้หายขาดจากร่างกายมนุษย์ได้ แต่การพัฒนาในด้านเทคโนโลยีและความร่วมมือจากทั่วโลกร่วมกันรณรงค์และให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาโรคระบาดอย่างเต็มที่ทำให้ปัจจุบันอัตราการเกิดโรคและเสียชีวิตจากโรค HIV มีค่าลดลงอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตาม ยอดผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตรวมทั้งหมดก็ยังคงเป็นที่น่าสะเทือนใจ อ้างอิงจากข้อมูลปี ค.ศ.2018 มีผู้ที่ติดเชื้อ HIV สะสมตั้งแต่การระบาดครั้งแรกทั้วโลกอยู่ที่ 72 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 32 ล้านคน Ebola virus หรือ ไวรัสอีโบลา ปี ค.ศ.2013 - 2016 แม้ว่าการระบาดของไวรัสอีโบลาจะถูกควบคุมและหลายองค์กรทั่วโลกให้ความร่วมมือในการช่วยเหลือและแก้ไขเป็นอย่างดีแต่เจ้าไวรัสตัวนี้มีอัตราการเสียชีวิตที่สูงถึง 40 เปอร์เซ็น โดยการระบาดครั้งแรกเกิดขึ้นทางแถบทวีปแอฟริกาตะวันตกประเทศแรกคือ ประเทศกินี ตามด้วยประเทศเพื่อนบ้าน ไลบีเรีย และกระจายไปทั่วโลกจำนวนผู้ติดเชื้อสูงที่สุดในเดือน ตุลาคม ค.ศ.2014 แม้จะสามารถคิดค้นวัคซีนป้องกันได้ แต่เจ้าไวรัสอีโบลีได้คร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกไปทั้งหมด 11,323 ราย จากผู้ติดเชื้อทั้งหมด 28,646 ราย เกือบครึ่งต่อครึ่งเลยทีเดียว จากที่ผมได้นำมาเขียนนี้ ไม่ใช่การระบาดของโรคระบาดทั่วโลกทั้งหมดแต่ที่นำมาเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นและแสดงให้เห็นว่าการระบาดส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัส ซึ่งมันแพร่กระจายง่าย และยังกลายพันธุ์ได้ง่ายอีกด้วย ท้ายที่สุดนี้อยากให้ทุกท่านที่ได้อ่าน ได้ตระหนักถึงสถาณการ์ปัจจุบันของการระบาดไวรัส COVID-19 อย่าพึ่งวางใจนะครับ ขอให้ดูแลร่างกายของท่านและขอให้ทุกท่านสุขภาพร่างกายแข็งแรงรอดพ้นจากวิกฤต COVID-19 นี้ไปพร้อมกันครับ หากมีข้อมูลส่วนใดผิดพลาด ผู้เขียนขออภัยมา ณ ที่นี้ เครดิตภาพ ขอขอบคุณ ภาพหน้าปก, ภาพที่ 1, ภาพที่ 2, ภาพที่ 3