Mega Man X7... แค่เอ่ยชื่อนี้ขึ้นมา ภาพจำแรกที่แวบเข้ามาในหัวของแฟน ๆ ซีรีส์นี้คงหนีไม่พ้น "ความผิดหวัง" ใช่แล้วครับ ภาคที่ 7 ของตำนานหุ่นยนต์สีฟ้า ถือเป็นภาคที่สร้างความขัดใจให้กับแฟน ๆ หลายคน ด้วยการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ไม่เป็นไปตามที่คาดหวังเอาไว้เลย ไม่ว่าจะเป็นกราฟิก 3D ที่ดูแปลกตา ระบบการเล่นที่อืดอาด และเนื้อเรื่องที่ค่อนข้างจะธรรมดา ทำให้ Mega Man X7 กลายเป็นภาคที่หลายคนอยากจะลืม แต่ในฐานะแฟนพันธุ์แท้ Mega Man ผมก็อดไม่ได้ที่จะหยิบภาคนี้ขึ้นมาเล่นซ้ำอีกครั้ง ด้วยความหวังเล็ก ๆ ว่า บางที... แค่บางทีนะ การกลับมาเล่นในวันนี้อาจจะทำให้ผมมองเห็นมุมมองใหม่ ๆ หรือเสน่ห์บางอย่างที่เคยมองข้ามไปก็ได้ และนี่คือเรื่องราวความทรงจำสีจาง ๆ และประสบการณ์ (อันแสนขมขื่น) ของผมกับ Mega Man X7 ครับ กราฟิกและการนำเสนอ สิ่งแรกที่ต้องพูดถึงเลยก็คือ กราฟิกแบบ 3D ที่เป็นเหมือนดาบสองคมของภาคนี้ ในยุคสมัยนั้น การเปลี่ยนแปลงจาก 2D มาเป็น 3D ถือเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมากครับ แต่สำหรับ Mega Man X7 แล้ว การเปลี่ยนแปลงนี้กลับกลายเป็นหายนะ โมเดลตัวละครที่เหลี่ยมเป็นแท่ง มุมกล้องที่ควบคุมได้อย่างจำกัด ฉากหลังที่ดูเรียบง่าย ไหนจะเฟรมเรตที่ตกเป็นช่วง ๆ อีก บอกเลยว่าทำลายบรรยากาศการเล่นไปเยอะมาก จำได้ว่าตอนเล่นครั้งแรก ผมรู้สึกผิดหวังมาก ๆ ครับ ภาพในหัวที่จินตนาการเอาไว้ มันแตกต่างจากสิ่งที่เห็นตรงหน้าอย่างสิ้นเชิง เหมือนกับกำลังดูการ์ตูนสามมิติเกรด B ในยุค 90 ยังไงยังงั้นเลย ระบบการเล่น อีกหนึ่งจุดที่ทำให้ Mega Man X7 ถูกวิจารณ์อย่างหนักหน่วงก็คือ ระบบการเล่นที่เปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือ จากเดิมที่เราเคยบังคับตัวละครวิ่งไปยิงไปอย่างลื่นไหล กลายเป็นการเคลื่อนที่แบบ 3D ที่อืดอาด เทอะทะ แถมยังมีระบบ Auto-Aim ที่ทำงานได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ทำให้การเล็งยิงศัตรูกลายเป็นเรื่องยากลำบาก ผมจำได้ว่าตอนเล่น ผมหงุดหงิดกับระบบ Auto-Aim มาก ๆ ครับ หลายครั้งที่มันเล็งเป้าหมายผิดพลาด ทำให้เสียจังหวะการเล่นไปเลย อีกอย่างที่ทำให้ผมรู้สึกขัดใจก็คือ การบังคับตัวละครที่ไม่ค่อยแม่นยำเท่าไหร่ โดยเฉพาะเวลาต้องกระโดดข้ามเหว หรือหลบการโจมตีของบอส บอกเลยว่าหัวร้อนสุดๆ เนื้อเรื่อง ในภาคนี้ เราจะได้พบกับ Axl ตัวละครใหม่ล่าสุดของซีรีส์ ที่มีความสามารถในการ Copy Weapon ของศัตรูได้ ซึ่งถือเป็นไอเดียที่น่าสนใจมาก ๆ ครับ แต่ก็น่าเสียดายที่เนื้อเรื่องของภาคนี้ค่อนข้างจะธรรมดา ไม่ได้มีอะไรน่าจดจำเป็นพิเศษ แถมยังมีบทพูดที่ดูเชย ๆ อีกต่างหาก ส่วนตัวแล้ว ผมคิดว่าเนื้อเรื่องของ Mega Man X ภาคก่อน ๆ ทำได้ดีกว่านี้เยอะครับ อย่างน้อย ๆ ก็ยังมีปมปริศนาให้ติดตาม มีฉากดราม่าที่ทำให้เราอินไปกับตัวละคร แต่ในภาคนี้ กลับไม่มีอะไรที่ทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้น หรืออยากจะติดตามเนื้อเรื่องต่อเลย ตัวละคร ถึงแม้ว่าเนื้อเรื่องจะไม่ได้น่าสนใจเท่าไหร่ แต่ก็ต้องยอมรับว่า ตัวละครใน Mega Man X7 มีเสน่ห์เฉพาะตัวที่ทำให้เราจดจำได้ อย่าง Axl ที่ดูสดใส ร่าเริง Zero ที่เท่ห์ ดุดัน และ X ที่ยังคงความเป็นฮีโร่ผู้ผดุงความยุติธรรมเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น เพลงประกอบ อีกหนึ่งจุดเด่นของ Mega Man X7 ที่ผมชอบมาก ๆ ก็คือ เพลงประกอบครับ ถึงแม้ว่าตัวเกมจะมีข้อเสียเยอะมาก แต่เพลงประกอบของภาคนี้บอกเลยว่า "โคตรเท่ห์" ดนตรีร็อคหนัก ๆ ที่มาพร้อมกับซาวด์อิเล็กทรอนิกส์ ช่วยเพิ่มความมันส์ในการเล่นได้เป็นอย่างดี ความประทับใจ (หรือความผิดหวัง?) เอาจริง ๆ นะครับ Mega Man X7 เป็นเกมที่ผม ambivalent มาก ๆ คือมันมีทั้งส่วนที่ดีและไม่ดีปะปนกันไป ส่วนที่ดีก็อย่างเช่น เพลงประกอบ ตัวละคร แต่ส่วนที่ไม่ดีก็คือ กราฟิก ระบบการเล่น และเนื้อเรื่อง ซึ่งมันก็มีเยอะเสียจนกลบส่วนที่ดีไปหมดเลย ถ้าให้พูดถึงความประทับใจ ผมคงต้องบอกว่า ผมประทับใจกับความพยายามของ Capcom ที่ต้องการจะพัฒนาซีรีส์นี้ไปข้างหน้า แต่ก็น่าเสียดายที่ผลลัพธ์ที่ออกมา มันไม่เป็นไปตามที่คาดหวังเอาไว้ สรุป Mega Man X7 อาจจะไม่ใช่เกมที่สมบูรณ์แบบ แต่มันก็เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ซีรีส์ Mega Man ที่ทำให้เราได้เรียนรู้ว่า บางครั้ง "การเปลี่ยนแปลง" ก็ไม่ได้นำมาซึ่งสิ่งที่ดีกว่าเสมอไป สำหรับแฟน ๆ Mega Man X ที่ยังไม่เคยเล่นภาคนี้ ผมแนะนำว่า ให้ลองเล่นดูสักครั้งครับ ถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่ใช่ภาคที่ดีที่สุด แต่มันก็เป็นประสบการณ์ที่คุณควรจะได้สัมผัสด้วยตัวเอง เครดิตภาพ ทางผู้เขียนได้ซื้อเกมนี้มาเล่นเองถ่ายรูปลงเอง เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !